31 ธ.ค. 2020 เวลา 09:24 • นิยาย เรื่องสั้น
เริ่มต้นอาชีพแรกของฉันกับงาน Sale Executive

Part II ความเป็นอยู่ของออฟฟิศนี้
วันแรกที่เข้าไปในฐานะพนักงาน รู้สึกง่วงมากๆ ก่อนหน้านี้นอนดึกมาหลายวัน ยังไม่ชินกับเวลาทำงานแบบปกติเลย ตื่นเต้นนิดหน่อยคนที่บริษัทจะเป็นยังไงบ้าง แอบลุ้นในใจว่าขอให้ตัวเองเข้ากับทุกคนในที่ทำงานได้ และทำทุกงานที่ได้รับมอบหมายให้ออกมาดี
กำหนดเวลาเริ่มงาน 8.30 เลิกงาน 9.30 เราไปก่อนกำหนดเวลานิดหน่อย จะได้เหลือเวลาทานมื้อเช้าก่อนเริ่มงาน
Part II - ชีวิตในที่ทำงาน
หัวหน้าเราชื่อพี่โอ เป็น Sale Manager คาแรกเตอร์เหมือนเสี่ย เป็นคนตลกพูดอะไรก็ตลกไปหมด แต่ก็มีความเด็ดขาดในบุคลิกนั้น พี่โอพาเราไปแนะนำกับคนที่ทำงาน จากนั้นก็มาอธิบายโปรดักส์ที่บริษัทเราขาย ขั้นตอนการทำงานรวมถึงเป้าหมายที่ทั้งทีมต้องทำยอดให้ถึงทั้งปี แล้วก็มีในทีมเซลล์คนอื่นมาเล่าเสริมประสบการณ์ประกอบกัน พี่เคยเจอลูกค้าแบบนี้ จะต้องจัดการแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้น เคยเจอแบบนี้ด้วยนะ พี่ๆในทีมก็น่ารักกับเราดีค่ะ
บริษัทเราขายสินค้าอินทีเรีย ตัวอย่างเช่น พรมดักฝุ่น เซลล์มาใหม่ต้องเริ่มจากการขายโปรดักส์ง่ายๆ แบบพรมดักฝุ่นไปก่อน พอเก่งแล้วค่อยไปขายโปรดักส์ที่ซับซ้อนขึ้น เจ้าพรมดักฝุ่นที่ว่านี่ทำมาจากอลูมิเนียม ราคาขายอยู่ที่หมื่นต้นๆ ต่อตารางเมตร ใช้ตรงทางเข้าห้างสรรพสินค้า หรือตึกที่หรูๆหน่อย ปกติไม่เคยก้มมองพรมมาก่อน พึ่งรู้เลยว่าราคาแพงเอาเรื่อง
เราเริ่มงานเดือนมกราคม ช่วงอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม ยังไม่มีการขอใบเสนอราคา หรือโทรเข้ามาสอบถามสินค้า จะเน้นที่การไปสวัสดีปีใหม่ลูกค้า พี่ๆเซลล์ จะหอบตะกร้าสวัสดีปีใหม่ไปบริษัทลูกค้า และคนในทีมอีก 2-3 คน ก็จะถือหิ้วตะกร้าไปไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ
บริษัทลูกค้าเต็มไปด้วยตะกร้าของขวัญจากซัพพลายเออร์หลายๆเจ้า เราหันไปเห็นเค้ามีเป็นห้องสำหรับวางตะกร้าของขวัญเลย เพราะได้กันเยอะจริงๆ พอเอาของไปให้ ก็ต้องตบด้วยการมาถามงาน แบบสุภาพๆ ว่า ปีนี้ได้โปรเจคอะไรมามั้ย ฝากด้วยนะคะ เป็นอันว่าเสร็จหน้าที่ แล้วก็ทำอะไรแบบนี้เกือบทั้งเดือนมกราเลย
ปกติแล้ว แผนกเซลล์ครึ่งเช้าจะเข้าออฟฟิศมาจัดการงานเอกสาร เช็คเมลล์ ส่งใบเสนอราคา คุยอธิบายสินค้า นัดลูกค้าเข้าพบ จากนั้นช่วงเที่ยงจะทานข้าวกันในบริษัท แล้วตอนบ่ายถึงแยกย้ายกันออกไปหาลูกค้าของตัวเอง
บริษัทเราอยู่ลึกเข้ามาในซอยแคบๆ มีร้านอาหารน้อย มีร้านก๊วยเตี๋ยวน้ำตกที่ร้านไม่ค่อยสะอาดนัก กับข้าวราดแกงที่ไม่ค่อยอร่อย ถ้าอยากหาร้านกินดีก็ต้องขับรถออกไปหน่อย เลยจะนิยมสั่งจากร้านแล้วให้แมสเซนเจอร์วิ่งไปรับมาส่งที่บริษัท
การทานข้าวด้วยกันในห้องกินข้าวนี่แหละเป็นศูนย์รวมการเม้าท์มอย และนินทานาย หรือนินทาใครสักคนที่ไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วยกันตอนนั้น เด็กใหม่อย่างเราต้องอยู่เงียบๆ นั่งฟังเก็บข้อมูลไป ไม่ออกความเห็น ไม่ออกตัวแรง และไม่เลือกข้าง เรายังเป็นน้องใหม่อยู่ต้องทำงานกับทุกคนให้ได้ไม่มีปัญหา
ไม่ค่อยชอบสภาพแวดล้อมที่ขี้นินทาเลยค่ะ ทำได้ดีที่สุดก็คือเงียบ หรือฟังที่เค้าว่าคนอื่นว่าทำอะไรผิด จะได้ไม่ทำแบบนั้น เราว่าเรื่องงานควรติ แล้วบอกกันตรงๆ แต่ต้องไม่หักหน้าต่อหน้าคนอื่น เป็นวิธีที่ดูชัดเจน จริงใจสุดแล้ว แล้วก็จบไปเลยไม่ต้องเอามานินทาต่อแล้ว
ช่วงปลายเดือนมกราตรงกับวันตรุษจีนค่ะ ที่ทำงานมีไหว้ตรุษจีน ที่นี่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนดอกไม้ เปลี่ยนน้ำหน้าพระ ไหว้พระภูมิ ทำกันเต็มรูปแบบทุกวัน และวันตรุษจีนก็ไม่พลาดค่ะ มีการแจกส้มสำหรับบูชาให้พนักงานทุกคน สาวๆ แผนกอื่นนัดกันแต่งสีแดงกัน แต่พี่สาวๆ ในทีมเซลล์นัดกันว่าจะใส่กี่เพ้าแดงทั้งทีม เล่นให้ใหญ่กว่าแผนกอื่น
เราไม่มีชุดกี่เพ้าแดงเลยค่ะ และคิดว่าจะไม่ซื้อด้วย แต่พอมาคิดอีกที หรือว่าคุณแต้ว (หุ้นส่วนบริษัท) จะแจกอั่งเป่าถ้าเราใส่กี่เพ้ามาทำงาน เหมือนสมัยเด็กๆ ที่แต่งตัวน่ารักแล้วจะได้ซอง เย็นวันนั้นเลยไปจัดกี่เพ้าแดงใส่มาไหว้ตรุษจีน คงคอนเซ็ปต์ “เอาใจนาย” บ้าง
ใส่กี่เพ้าถ่ายรูปกับพี่ๆในทีม
แต่สุดท้ายใส่กี่เพ้าแดงมาก็ไม่ได้อั่งเปานะ คิดไปเองทั้งนั้น แต่ถ่ายรูปออกมาสวยดีนะคะ
ช่วงเดือนแรกการไปหาลูกค้าของเรา คือการไปกับพี่ในทีมก่อนค่ะ ไปเรียนรู้จากการปฎิบัติจริง ทุกๆสัปดาห์เราจะต้องไปทำ Presentation แล้วมาพูดเพื่อให้หัวหน้าประเมินภาพรวมว่า ความรู้เกี่ยวกับโปรดักส์มีครบมั้ย และพร้อมออกไปลุยเดี่ยวได้แค่ไหน
ใช้เวลาประมาณเดือนกว่า กว่าที่เราจะกล้าออกไปลุยเดี่ยว แต่พี่ก็ให้พี่โฟร์แมน ตามไปประกบด้วย เอาไปช่วยเสริมเวลาลูกค้าถามอะไรที่มัน Technical หรือความรู้จากหน้างาน
เราขอจบ Part II ไว้เท่านี้ก่อนนะคะ รอบหน้าจะมาแบบมีสาระเข้มๆกันแล้ว
เราขอบคุณทุกคอมเม้นต์ในโพสต์แรกมากๆนะคะ ได้อ่านคอมเม้นต์แล้วรู้สึกดีมาก ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
1
โฆษณา