Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากดาวนี้
•
ติดตาม
3 ม.ค. 2021 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# มนุษย์ขนมปังขิงที่ถูกตามล่า
ต้นทุนของคนเรานั้นไม่เท่ากัน บางคนต้องลงแรงมากมายจนอายุมากแล้วจึงจะได้มาซึ่งผลลัพธ์ บางคนต้องทนทุกข์กับการสูญและความผิดพลาดจนนับครั้งไม่ได้ บางคนเฝ้าทำการศึกษาและมองหาโอกาสแต่สุดท้ายก็ต้องเจ็บและทำพลาด ซ้ำแล้วซ้ำอีก อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
1
ขนมแสนอร่อย
วันหนึ่งแม่ครัวเข้าไปในครัวเพื่อทำขนมปังขิง เธอเอาแป้งกับน้ำทรีเคิลและขิงผสมให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำเพิ่มเพื่อให้แป้งบาง
จากนั้นเธอก็เติมแป้งอีกเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนผสมข้นขึ้น เธอเติมเกลือและเครื่องเทศเพิ่มเติม จากนั้นก็รีดออกมาเป็นแป้งสีเหลืองเข้มที่สวยงามเนียนละเอียด
เธอตัดเป็นรูป สามเหลี่ยมและวงกลมวางไว้ในถาดจนเต็มสองใบ จากนั้นเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่า “โอ๊ะ...ฉันทำขนมขิงให้กับบ๊อบบี้น้อยของฉันด้วยดีกว่า” ว่าแล้ว เธอก็เริ่มตัดแป้งเป็นรูปทรงเด็กชายที่มีทั้ง เท้า ขา แขน ลำตัว ลำคอ และผม
โครงร่าง
พร้อมด้วยหมวกใบเล็ก ๆ หนึ่งอัน จากนั้น เธอยังเติมปากของมนุษย์ขนมปังขิงนี้ด้วยลูกเกดชิ้นโต เติมดวงตาสองดวงที่สดใสด้วยอัลมอนด์เผาและเมล็ดยี่หร่า พร้อมทั้งวาดใบหน้า และรายละเอียดเล็กน้อยเพิ่มเติมเข้าไป
เพียงเวลาไม่นานมนุษย์ขนมปังขิงก็พร้อมเข้าเตาอบ โดยลักษณะของเขาเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ดูครึกครื้นมาก ซึ่งในความเป็นจริง เขาดูเจ้าเล่ห์มากจนแม่ครัวกลัวว่าหากเขามีชีวิตขึ้นมา เขาอาจวางแผนก่อเหตุร้ายได้ และเพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น
เธอจึงวางคุกกี้สี่เหลี่ยมลงไป แล้วจึงก็ตามด้วยคุกกี้ทรงกลม จากนั้นเธอจึงวางมนุษย์ขนมปังขิงตัวน้อยไว้ที่มุมด้านหลังสุด ซึ่งเป็นมุมที่เขาจะไม่สามารถหนีไปไหนได้หากเขามีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
1
ก่อนภัยจะมา
ด้วยความสบายใจเธอจึงออกจากครัว เพื่อไปทำความสะอาดตามห้องต่าง ๆ จนกระทั่ง นาฬิกา ส่งเสียงร้องดังลั่นขึ้นมา 2 ครั้ง เธอจึงร้องอุทานขึ้นมาว่า “กี่โมงแล้วเนี่ย! ขนมปังขิง ของฉันจะไหม้หมดแล้ว!!!!!”
หลังจากนั้นเธอก็วิ่งลงไปที่ห้องครัวแล้วรีบไปตรวจเช็คขนมที่อยู่ในเตาอบทันที ซึ่งจากที่ดูนั้น คุกกี้สี่เหลี่ยมสีกำลังสวยและขึ้นรูปได้อย่างดี ส่วนคุกกี้ทรงกลมของเธอนั้นก็ขึ้นฟูกำลังน่าทาน และขนมปังขิง ก็สีสวยกำลังดี เช่นกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอจึงยกขนมทั้งหมดออกจากเตา แต่ในระหว่างที่กำลังจะยกถาดที่มีมนุษย์ขนมปังขิงออกมานั้นเอง จู่ ๆ ตัวของเขาก็ส่องประกายแสงเจิดจ้า
ประกายแสง
แล้วเขาก็ลุกขึ้นมายืนที่มุมถาด เขามองผ่านดวงตาเมล็ดยี่หร่าเล็ก ๆ ของเขาที่เป็นประกาย และปากลูกเกดของเขาที่กำลังเดือดปุด ๆ แบบงงงวย
แต่ทันใดนั้น เขาก็กระโดดข้ามขนมอบต่าง ๆ แล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องครัวทันที "วิ่ง วิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ คุณจับผมไม่ได้หรอกคนขายขนมขิง!" เจ้าขนมปังขิงกล่าว
หลังจากนั้นเหตุการณ์ชุลมุนก็เกิดขึ้น แม่ครัวที่พยามไล่ตาม แต่เธอก็ทำได้ไม่เร็วมากนัก เพราะเธอเป็นหญิงรูปร่างใหญ่ เธอจึงร้องเรียก มูเซอร์ แมวของเธอที่นอนขว้างประตูอยู่ว่า “มูเซอร์ มูเซอร์ ช่วยหยุดขนมปังขิงนั้นที ขนมนั้นสำหรับบ๊อบบี้น้อยของฉัน”
หรือเป็นแค่ฝัน
แต่ในครั้งแรกที่แม่ครัวเรียกนั้น เจ้ามูเซอร์ กลับคิดว่า นั้นเป็นเพียงบางคนที่พูดอยู่ในความฝันเท่านั้น มันจึงทำท่าทางกลิ้งไปมาอย่างเกียจคร้านต่อไป
แม่ครัวจึง ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีกครั้งว่า “เจ้ามูเซอร์ จอมขี้เกียจ!” เธอพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ จนเจ้าแมวตกใจและสะดุ้งโหย่งขึ้นมาทันที
แต่ทว่าในตอนนี้ มนุษย์ขนมปังขิงก็ได้วิ่งผ่านหางของเจ้ามูเซอร์ ไปได้แบบสบาย ๆ เสียแล้ว อีกทั้งเขายังวิ่งตรงไปยังสวน ซึ่งเจ้ามูเซอร์ ที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงวิ่งตามไปทันที แม้มันจะอยู่ในอาการงัวเงีย
งัวเงีย
เกินกว่าที่จะรู้ได้ว่ามันกำลังพยายามจับตัวอะไร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำความเร็วได้ดีทีเดียว ซึ่งถัดจากมันไปนั้น แม่ครัวตัวโตก็วิ่งด้วยความกระตือรือร้น มาพร้อมถาดและไม้สำหรับนวดแป้งที่อยู่ในมือด้วย
ตอนนี้ที่ด้านล่างของทางไปสวนนั้น ยังมี เจ้า โทลเวอร์ นอนอยู่ในแสงแดดกับหินอุ่น ๆ ข้างกำแพงสวนอยู่ แม่ครัวจึงร้องออกมาว่า“ โทลเวอร์, โทลเวอร์ หยุดเจ้ามนุษย์ขนมปังขิงนั้นที! ฉันต้องการเขาสำหรับบ๊อบบี้ตัวน้อยของฉัน”
โทลเวอร์ ที่ได้ยินเธอเรียกเป็นครั้งแรกนั้น มันก็คิดว่า มีคนพูดอยู่ในความฝันเช่นกัน มันจึงนอนตะแคงข้างพร้อมกับกรนเสียงดังต่อไป จากนั้นแม่ครัวจึงเรียกอีกครั้งว่า "โทลเวอร์ โทลเวอร์ หยุดเขาหยุดเขา!"
สะดุ้งตื่น
จากนั้นสุนัขก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วกระโดดลุกพลวดพลาดขึ้น เพื่อดูว่าสิ่งนั้นคืออะไรที่มันควรจะหยุด
แต่ในขณะที่สุนัขกระโดดขึ้นมานั้น มนุษย์ขนมปังขิงตัวน้อยที่เฝ้ามองหาโอกาส ก็รอดตัวผ่านหว่างขาของเจ้า โทลเวอร์ มาอย่างเงียบ ๆ พร้อมทั้งปีนขึ้นไปบนกำแพงหินด้านบน เพื่อให้หลบซ่อนไม่เห็น โทลเวอร์ เห็นได้สำเร็จแล้ว
แต่แล้ว เจ้าแมว มูเซอร์ ที่เห็นแบบนั้นมันจึงวิ่งเข้าหามนุษย์ขนมปังขิงโดยเร็ว แม่ครัวที่วิ่งมาระยะหนึ่งแล้วจึงเริ่มเหนื่อย เธอจึงทำได้เพียงตะโกนด้วยเสียงหอบ อย่างรุนแรงว่า "วิ่งไปเลยเจ้ามูเซอร์ วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจับเจ้ามนุษย์ขนมปังขิงนั้นที!"
รับคำสั่ง
เจ้าแมวที่ได้ฟังเช่นนั้น ก็เร่งฝีเท้าตัวเองขึ้น จนเริ่มเข้าไปใกล้ขนมปังขิงขึ้นทุกที ส่วนเจ้าหมา โทลเวอร์ และแม่ครัว ที่ได้เห็นเช่นนั้น ก็เริ่มฮึกเหิม จากนั้นทั้งสองก็วิ่งตามมาติด ๆ จนกระทั่ง เจ้าแมวกระโจนเข้าใส่ขนมปังขิงด้วยความเร็ว
จากนั้นแม่ครัวและเจ้าโทลเวอร์ ก็ล้มทำตามไปด้วย ทั้งสามจึงจับกันไปจับกันมาจนวุ่นวายไปหมดเพราะคิดว่า จับเจ้าขนมปังขิงได้แล้ว
ในขณะเดียวกัน ขนมปังขิงนั้นกลับปีนขึ้นไปบนกำแพงสวนและยืนอยู่ด้านบนพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ามองไปที่การต่อสู้ของทั้งสามนั้น แล้วเขาก็หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาเมล็ดยี่หร่าเล็ก ๆ ของเขาด้วยความสนุกสนาน
เบิกบาน
"อ้าว! วิ่งวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณจับผมไม่ได้หรอกคนขายขนมปังขิง!" เจ้าขนมปังขิงพูดเยาะเย้ย
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น การชุลมุนของทั้งสามก็จบลงทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็คอย ๆ แยกตัวออกจากกัน เจ้าแมวที่ออกมาพร้อมกับหน้าบูดเบี้ยวและเต็มไปด้วยรอยเท้าของสุนัข ส่วนเจ้าสุนัขก็มีรอยขีดข่วนของเจ้าแมว พร้อมทั้งรอยฝ่าเท้าของแม่ครัว และแม่ครัวเองนั้นก็ออกมาในสภาพผมฟู และแขนขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนมากมายเช่นกัน
หลังจากที่ตั้งสติได้ เจ้าขนมปังขิงที่เห็นสุนัขเดินตรงมาที่มัน มันจึงกระโดดลงจากกำแพงและเริ่มวิ่งผ่านสนามหญ้าไป จนกระทั่งไปเจอต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางสนามเข้า
เป้าหมาย
มันจึงเริ่มปีนขึ้นไปเพื่อหวังจะซ่อนตัว แต่มันกลับไม่รู้เลยว่า บนต้นไม้นั้น มีเจ้าลิง แจ็คโก้ กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์และได้เห็นเหยื่อของมันกำลังปีนขึ้นมาแล้ว
ในขณะเดียวกัน แม่ครัวก็ตะโกนตามหลังขึ้นมาว่า “แจ็คโก้ เจ้าช่วยจับเจ้ามนุษย์ขนมปังขิงนั้นที” เมื่อได้ฟังเช่นนั้น แจ็คโก้ จึง กระโดด เพื่อหวังเข้าไปจับเจ้าขนมปังขิง แต่แล้วขนมปังขิงก็ไหวตัวทันเสียก่อน เจ้าขนมปังขิง จึงตกลงไปบนหลังของสุนัข โทลเวอร์
เจ้า โทลเวอร์ ที่ยังไม่ทันได้สังเกตเห็น ขนมปังขิง จึงใช้โอกาสนี้ วิ่งไปซ่อนที่ด้านหลังต้นไม้ พร้อมทั้งคิดกับตัวเองว่า “ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสุนัขนั้นไม่สามารถปีนต้นไม้ได้และฉันก็คิดว่าแม่ครัวตัวโตนั่นก็ปีนต้นไม้ไม่ได้เช่นกัน แต่สำหรับลิงนั้น ฉันไม่แน่ใจเพราะฉันไม่เคยเห็นลิงมาก่อน ฉันควรทำยังไงดีน๊าา"
ครุ่นคิด
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าขนมปังขิง จึงตัดสินใจล้อมปีนขึ้นไปจนถึงกิ่งไม้บนสุด พร้อมทั้งพูดไปพรางว่า “ไต่ขึ้นไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณจับฉันไม่ได้หรอก คนขายขนมปังขิง!"
เจ้าลิงที่ได้ยินเช่นนั้น มันจึงจับกิ่งไม้อันหนึ่งแล้วพุ่งตัวขึ้นไปบนยอดไม้ พร้อมทั้งยืนเคียงข้างเจ้าขนมปังขิงอย่างรวดเร็ว เจ้าขนมปังขิง ที่ตกใจมันจึงเริ่มใช้ปลายเท้าเล็ก ๆ ขยับถอยหลังไปที่ละน้อย
จนกระทั่งมันพลาด เกือบตกลงไปด้านล่าง แต่โชคยังดี
ที่มันสามารถคว้ากิ่งไม้เล็ก ๆ อันหนึ่งไว้ไ้ด้ทัน เจ้าลิง จึงเหวี่ยงตัวไปตามกิ่งไม้ และเหยียดแขนยาวของมันไปดึงมนุษย์ขนมปังขิงเข้ามา จากนั้นเขาก็อุ้มมนุษย์ขนมปังขิงขึ้นและมองจ้องด้วยความหิว จนทำให้ปากลูกเกดเริ่มเม้มลง อีกทั้งดวงตาก็เต็มไปด้วยน้ำตา
โอกาสมาถึงแล้ว
ในขณะเดียวกัน แม่ครัวที่เฝ้าดูเหตุการณ์นั้นอยู่ จึงร้องขึ้นมาเสียงดังลั่นว่า “บ๊อบบี้ บ๊อบบี้น้อย ตื่นมาทานขนมได้แล้วจ้ะ” ทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกไป บ๊อบบี้ ที่นอนหลับกลางวันอยู่นั้น ก็ตื่นขึ้นมา พร้อมทั้งกระโจนออกจากที่นอนด้วยความรีบร้อน
เขาวิ่งออกไปตามเสียงที่เรียกนั้นโดยไม่ใส่รองเท้า จนเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เขาก็เหลือบไปเห็นที่หน้าต่าง ซึ่งในขณะนั้น เขาเห็นว่า สนามที่อยู่ถัดจากครัวไป มีสุนัข ลิง และแม่ครัว ที่กำลังส่งเสียงดังวุ่นวายกันไปหมด
เขาจึงเดินลงไปตามทางเดินด้วยเท้าเปล่า เขาย่ำไปตามกรวดอุ่น ๆ ปีนข้ามกำแพง และในไม่กี่วินาที เขาก็มาถึงใต้ต้นไม้ ซึ่งทันเห็น เจ้า ลิงแจ็คโก้ ถือมนุษย์ขนมปังขิงตัวน้อยที่น่าสงสารไว้ในมือของมัน
การมาถึง
เมื่อได้เห็นแบบนั้น บ๊อบบี้ จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “วางมันลงนะ แจ็คโก้” เจ้าลิงที่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบยืนขนมปังขิงนั้นให้กับเพื่อนที่เขารักทันที
จากนั้น บ๊อบบี้ก็ คว้าเจ้าขนมปังขิงนั้นขึ้นมาและมองไปที่ปากของลูกเกดเล็ก ๆ ที่คว่ำและสั่นเทา อีกทั้งยังน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาเมล็ดยี่หร่า แต่ด้วยเหตุที่ บ๊อบบี้ หิวเกินกว่าที่จะนึกถึงน้ำตาของขนมปังขิงแล้ว เขาจึงกัดเข้าไปคำใหญ่หนึ่งครั้ง และกลืนขาทั้งสองข้างและลำตัวด้านล่างของขนมปังขิงไปโดยเร็ว
“โอ้!” ขนมปังขิงกล่าว“ ฉันหายไปหนึ่งในสามแล้ว!”
จากนั้น บ๊อบบี้ ก็กัดครั้งที่สอง และกลืนส่วนที่เหลือของร่างกายและแขน “ โอ้!” ขนมปังขิงกล่าว“ ฉันหายไปสองในสามแล้ว!”
รับและทานอย่างเต็มที่
บ๊อบบี้กัดครั้งที่สามและกลืนทั้งศีรษะของขนมปังขิงไป พร้อมด้วยเสียงที่ตามหลังมาว่า “ โอ้! ฉันหายไปหมดแล้ว!” และนั้นคือจุดจบของเรื่อง
โดยสรุปแล้ว ขนมปังขิงนั้นเปรียบเสมือนโอกาส ส่วนทั้ง สี ตัวละครที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนั้น เปรียบเหมือนตัวแทนของคนหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีโอกาสและมีต้นทุนในชีวิตที่ไม่เท่ากัน
หลายคนต้องลงแรงมากมายกว่าจะได้มาซึ่งผลลัพธ์และโอกาสนั้น แต่บางคนกลับไม่ต้องทำอะไรมากเลย แต่ผลลัพธ์นั้นกลับมาปรากฎอยู่ตรงหน้าแล้ว
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “แม้ต้นทุนชีวิตไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีเหมือนคนอื่นในวันข้างหน้าไม่ได้ ถึงแม้หลายสิ่งในชีวิตเราจำเป็นต้อง ยอมรับ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจำเป็นต้องยอมแพ้ ต่อสิ่งที่พบเจอเหล่านั้นไปด้วย”
3
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
https://americanliterature.com/childrens-stories/the-gingerbread-man
https://m.youtube.com/watch?v=YoQyyB5xvLk
https://www.enchantedlearning.com/stories/folktale/gingerbreadman/story/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Gingerbread_Man
ติดตามเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/fromthisstar
Blockdit :
https://www.blockdit.com/fromthisstar
Youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCnJ-nawjrUuhDDiLLrOHQAw
เยี่ยมชม
youtube.com
เรื่องเล่าจากดาวนี้ | ตอน ภาษาที่สอง - Podcast
จะอยู่กับความกลัวและความทรมานต่อไป หรือจะผลักดันตัวเอง มันก็อยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะเลือกทำอะไร ฟังเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจดังที่ Eraldo Banovac กล่าวไว...
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
1 บันทึก
22
22
4
1
22
22
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย