การนั่งรับประทานในร้านอาหาร เป็นสาเหตุติดเชื้อโควิดมากกว่าที่คิด
เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมทุกครั้งที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่รุนแรงขึ้น ร้านอาหารมักจะถูกห้ามไม่ให้มีการนั่งในร้าน
ก่อนอื่นขอบอกว่าบทความนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทำให้เกิดผลกระทบทางลบกับร้านอาหาร แต่เป็นการหาวิธีทำให้ร้านอาหารปลอดภัยมากขึ้น จะได้ไม่กลายเป็นสถานที่ที่จะถูกปิดทุกครั้งเวลาที่มีการแพร่ระบาด เราต้องมีวิธีที่จะแยกร้านที่มีความปลอดภัยสูงออกจากร้านที่มีความปลอดภัยต่ำให้ได้
การกระทำที่ดูเหมือนปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วอันตรายกว่าที่คิด เพราะ
1. การนั่งรับประทานในร้าน มักจะทำให้เราต้องอยู่ในที่แออัด นั่งใกล้กันกว่าระยะปลอดภัย
2. การไหลเวียนของอากาศในร้านอาหารมักจะไม่ดี อย่างบอกก่อนหน้านี้ ร้านอาหารเดี่ยว (standalone restaurant) ติดเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้น หรือเครื่องปรับอากาศแบบด้านบนแบบที่มีแรงลมสูง และไม่มีการดึงอากาศภายนอกเข้ามาระบายอากาศ มีความเสี่ยงสูงมาก
3. อุปกรณ์ช้อนส้อม ภาชนะในร้านมักจะอยู่รวมๆ กัน และหยิบจับโดยพนักงานหลายคน หากมีพนักงาน 1 คนที่ติดเชื้อ อาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อได้โดยง่าย
4. ร้านอาหารเป็นที่ที่คนจะถอดหน้ากากอนามัยเพื่อรับประทานอาหาร จึงมีโอกาสแพร่เชื้อสูงกว่าไม่ใส่หน้ากากหลายเท่าตัว ยิ่งหากมีการพูดคุย ร้องเพลง ตะโกน ไอ หรือจาม ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นมาก อย่าลืมว่าในภาวะแบบนี้คนแพร่ไม่ใส่หน้ากาก คนถูกแพร่ก็ไม่ใส่หน้ากาก
จากการศึกษาข้อมูลผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกา CDC พบว่าผู้ติดเชื้อมีประวัติการนั่งทานที่ร้านอาหาร มากกว่ากลุ่มควบคุมถึงสองเท่า ในขณะที่พฤติกรรมอย่างอื่น เช่น ไปทำงาน ร้านตัดผม ไปวัด กลับไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยยะ
ส่วนการศึกษาเรื่องเครื่องปรับอากาศนั้น มีการศึกษาพอสมควร และมีกรณีศึกษาจากการติดเชื้อในจีน และเกาหลีใต้ และสรุปว่าการไหลเวียนของอากาศมีผลกับการติดเชื้อ
ถ้าดูจากภาพด้านล่างของเคสผู้ติดเชื้อในประเทศจีน จะเห็นได้ว่า คนไข้ต้นตอนั่งอยู่โต๊ะที่ 1 ตรงกลาง แต่สามารถแพร่เชื้อจนคน 9 คนที่นั่งทั้งเหนือลม และใต้ลมจากเครื่องปรับอากาศติดเชื้อกัน ส่วนคนที่นั่งนอกเส้นทางลมโดยตรงกลับรอดการติดเชื้อไปได้
แผนผังที่นั่งในร้านอาหารในประเทศจีนที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก
ข้อแนะนำสำหรับลูกค้า
1. หลีกเลี่ยงการนั่งรับประทานที่ร้านอาหาร หากเป็นไปได้
2. หากต้องรับประทานที่ร้าน แนะนำให้เลือกร้านขนาดใหญ่ เป็นร้านเปิดรับอากาศภายนอก
3. หากไม่ได้ ร้านอาหารในห้างขนาดใหญ่ยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าร้านเดี่ยวขนาดเล็กที่ติดเครื่องปรับอากาศ
ข้อแนะนำสำหรับทางการ
1. หากต้องการลดผลกระทบกับร้านอาหาร ต้องมีมาตรการตรวจสอบมาตรฐานการไหลเวียนของอากาศและคุณภาพอากาศแต่ละร้านอาหาร หากร้านอาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน ต้องสั่งให้ปิด หรือได้แต่ซื้อกลับอย่างเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถแยกร้านอาหารปลอดภัยออกจากร้านที่ไม่ปลอดภัย และทำให้ต้องเลือกที่จะปิดการนั่งรับประทานที่ร้านอาหารทั้งหมดแทน
2. งดเว้นกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น เสียงเพลงที่ดัง การเล่นเพลงสด
3. ไลน์บุฟเฟต์มีความเสี่ยงสูงมาก ควรงดเว้น
4. ทางการควรกำหนดให้ร้านอาหารควรมีนโยบายให้พนักงานลาได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข หากป่วยหรือมีอาการ และมีพนักงานสำรองพร้อมทดแทน
5. พิจารณากฏเกณฑ์ในการควบคุมความหนาแน่น และระยะเวลาการอยู่ในร้าน
ข้อแนะนำสำหรับร้านอาหาร
1. เพิ่มระยะห่างระหว่างโต๊ะอย่างน้อย 2 เมตร
2. เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ และมีการดึงอากาศใหม่มาผสม
3. เพิ่มการกรองอากาศโดยใช้แผ่นกรองกากาศแบบ HEPA
4. หากทำได้ยาก ให้ติดตั้งเครื่องกรองอากาศให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ เป็นไปได้ ให้กระจายทั่วพื้นที่
5. ร้านอาหารต้องอนุญาตให้พนักงานลาในกรณีที่ป่วยหรือมีอาการน่าสงสัย และพร้อมแจ้งกรมควบคุมโรคให้ดำเนินการตรวจสอบทันที
6. มีมาตรการในการควบคุมความหนาแน่นของพื้นที่ รวมไปถึงการกำหนดระยะเวลาที่อยู่ในร้าน
- 523
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
