3 ม.ค. 2021 เวลา 11:18 • นิยาย เรื่องสั้น
[ เรื่องเล่าชมรมวิทย์ | New Year Special ]
ตอนพิเศษ : วันปีใหม่ (1)
“ซายน์ เธอมีของขวัญจับฉลากงานเลี้ยงปีใหม่วันจันทร์หรือยัง”
โต๊ะอู้ เดินเข้ามาถาม ในขณะที่ฉันกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากออดคาบสุดท้ายดังขึ้น
“ยังเลย ว่าจะไปซื้อเสาร์หรือไม่ก็อาทิตย์นี้น่ะ”
“ซายน์จะซื้ออะไรเหรอ โต๊ะยังคิดไม่ออกอ่ะ ของขวัญจับฉลากนี่ยากที่สุดเลย คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ”
“นี่ซายน์คิดว่าตัวเองมีปัญหากับของขวัญจับฉลากอยู่คนเดียวซะอีกนะเนี่ย ป่ะ กลับบ้านกัน เก็บของเสร็จละ”
ฉันเห็นโต๊ะกำลังทำหน้ายุ่งก็อดเผลอหัวเราะออกมาเบาๆให้กับแก้มป่องแต่น่ารักน่าหยิกของเพื่อนสาวคนสนิทไม่ได้ พลางมองไปรอบๆห้องเหมือนหาใครบางคนก่อนจะเดินออกจากห้องมา วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของอาร์ตแต่เขาหายไปไหนนะ
‘ช่างเถอะ ไม่เห็นต้องสนใจเลย’
“ทำไมถึงต้องห้ามเอาของกินมาจับด้วยก็ไม่รู้เนอะ ถ้าเป็นขนมจะง่ายกว่าเยอะเลย”
โต๊ะบ่นลอยๆ เมื่อเห็นฉันเงียบไป
“อืม... คงเพราะว่าของกินแปบเดียวก็หมดล่ะมั้ง ของใช้เก็บไว้ได้นานนะ”
“แต่โต๊ะชอบของกินมากกว่านี่”
“ซายน์ก็ชอบกินโต๊ะ... โต๊ะจีนน่ะ”
“ซายน์!”
เราสองคนคุยหยอกล้อกันระหว่างเดินกลับบ้านมาเรื่อยๆ ฉันชอบบรรยากาศช่วงปลายปีแบบนี้ที่สุด สถานที่ต่างๆถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ได้ยินเพลงจังหวะสนุกสนานจากทุกที่ที่ไป ลมเย็นอ่อนๆแบบหน้าหนาวทำให้รู้สึกสดชื่น ผู้คนต่างส่งยิ้ม มอบของขวัญและคำอวยพรให้แก่กัน บรรยากาศรอบตัวช่างชวนให้มีความสุขมากจริงๆ
ถึงแม้บ้านของฉันกับโต๊ะอู้จะอยู่ห่างกันราวสองช่วงถนนแต่สามารถเดินกลับทางเดียวกันได้ ฉันจึงชวนโต๊ะอู้กลับบ้านด้วยกันเสมอถ้าไม่มีธุระที่ชมรมวิทย์หลังเลิกเรียน แต่ถ้าจะให้พูดถึงเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่บ้านอยู่ใกล้กันที่สุด ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อาร์ต หัวหน้าชมรมศิลป์ บ้านตรงข้ามนี่เอง
“กลับดีๆนะโต๊ะ เจอกันวันจันทร์”
หลังจากโบกมือลากันเรียบร้อย ฉันที่กำลังจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้านก็หันกลับไปมองที่ประตูบ้านฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง เรื่องก็ผ่านมานานร่วม 6 ปีได้แล้วนับตั้งแต่ที่ฉันตกต้นไม้ตอน ป.3 ปีหน้าก็ไม่รู้ว่าจะได้เรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่เดียวกันหรือเปล่า หรือว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะได้ปรับความเข้าใจกันสักที ‘เฮ้อ’ ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าบ้าน
วันรุ่งขึ้น หลังจากเดินวนทั่วห้างแมรี่เพื่อเลือกซื้อของขวัญจับฉลาก ฉันก็มาหยุดยืนอยู่หน้าแผนกเครื่องนอนและกำลังตั้งใจเลือกซื้อหมอนที่เมื่อรูดซิปออกมาสามารถเปลี่ยนเป็นผ้าห่มได้
“ใครๆก็ต้องนอนทั้งนั้นนี่ เอาอันนี้แหละ’
ด้วยเซนส์ในการเลือกซื้อของขวัญที่ค่อนข้างแย่ ทำให้ไม่ค่อยมั่นใจในการจับฉลากเท่าไหร่นัก เพื่อนที่ได้ของขวัญจากฉันไปมักทำสีหน้าไม่สู้ดีเสมอจนชักจะหมดความมั่นใจ หลังจากจัดการห่อของขวัญเสร็จเรียบร้อยแทนที่จะเดินออกจากห้าง เมื่อรู้ตัวอีกทีขาทั้งสองก็พาตัวเองมายืนอยู่ในแผนกเครื่องเขียนเสียแล้ว
ฉันยืนนิ่งอยู่หน้าชั้นขายสีน้ำ สีไม้ สีชอล์ค สีโปสเตอร์ อยู่สักพัก คิดถึงใครคนหนึ่งที่น่าจะชอบของเหล่านี้ ถึงแม้ฉันจะคุยกับอาร์ตน้อยลงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เราก็ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของกันและกัน ไม่หายไปไหน เมื่อนึกถึงสมัยเด็กที่ตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน​ตลอด​ ก็ยังทำให้คิดอยู่เสมอว่าเราน่าจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง เพราะจนถึงทุกวันนี้ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมรอยร้าวเล็กๆจากเหตุการณ์ตกต้นไม้วันนั้น ถึงกลายเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ระหว่างเราสองคนแบบนี้ได้
ขณะที่อยู่ในวังวนของความคิด ฉันได้เดินอย่างช้าๆมาหยุดอยู่ตรงชั้นขายสมุดแทน เราสองคนชอบขีดเขียนเหมือนกัน เพียงแต่อาร์ตชอบวาดรูปในขณะที่ฉันชอบจดบันทึก ‘สมุด’ จึงเป็นของขวัญที่ถูกใจเราสองคนเสมอ ฉันมองไปที่สมุดสเกตช์หน้าปกสีน้ำตาลเล่มหนึ่ง เรียบง่ายแต่สะดุดตา กระดาษสีขาวผิวหยาบ หนา 300 แกรมน่าจะเหมาะกับการสเกตช์ภาพและระบายสีน้ำ
‘อืม อันนี้แหละ’
ฉันหยิบสมุดสเกตช์เล่มนั้นมาจ่ายเงินแล้วเดินกลับบ้านใจลอย คิดไม่ตกว่าจะให้อาร์ตด้วยวิธีไหนและจะพูดว่าอะไรดี ถึงแม้จะเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งโต้วาทีในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ แต่การต้องมาพูดความในใจต่อหน้าแบบนี้ กลับไม่มีความกล้าเอาเสียเลย
เมื่อใกล้ถึงบ้าน อยู่ๆก็เห็นคนในความคิดปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า อาร์ตเปิดประตูออกมาจากบ้านพอดีทำให้เราสองคนสบตากันโดยบังเอิญ
1
“เอ่อ จะไปไหนเหรอ”
ฉันพูดขึ้นด้วยความตกใจ เพราะทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้
“อาร์ตกำลังจะไปห้าง ว่าจะซื้อของขวัญจับฉลากน่ะ ซายน์ล่ะ”
อาร์ตตอบพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นแบบที่มีให้มาโดยตลอด
“ซายน์เพิ่งไปซื้อกลับมาน่ะ งั้นขอตัวก่อนนะ”
 
ฉันรีบหลบสายตาแล้วเปิดประตูเข้าบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือกอดกระเป๋าที่ใส่สมุดสเกตช์ไว้แน่น
‘โอ๊ย เจอกันไม่กี่นาทีแค่นี้ยังทำตัวไม่ถูก แล้วจะทำยังไงดีเนี้ย’
บรรยากาศภายในบ้านเงียบกริบ แสดงว่าไม่มีคนอยู่บ้าน คุณพ่อที่เป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์นาโนและคุณแม่ที่เป็นดอกเตอร์ด้านเคมีโพลิเมอร์น่าจะมีงานยุ่งที่มหาวิทยาลัยทั้งคู่ในช่วงก่อนหยุดยาวปีใหม่เช่นนี้ เมื่อก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ คุณปู่คงงีบพักผ่อนอยู่ในห้องของท่านเช่นกัน ฉันจึงเดินขึ้นห้องอย่างเงียบๆ วางสมุดสเกตช์ลงบนโต๊ะเขียนหนังสือและนั่งจ้องอยู่นานสองนาน
หลังจากคิดหาวิธีร้อยแปด จึงตัดสินใจได้ว่าจะเขียนความรู้สึกทั้งหมดลงไปในหน้าแรกและยื่นสมุดให้อาร์ตไปทั้งแบบนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคงจะเป็นหลังงานเลี้ยงปีใหม่ห้อง อาร์ตจะต้องแวะไปห้องชมรมศิลป์ก่อนกลับบ้านแน่นอน
หลังจากทบทวนจนมั่นใจว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ฉันจึงหยิบปากกาเจลสีดำที่ชอบใช้ทุกครั้งเวลาจดบันทึกออกมาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่อยากบอกอาร์ตทั้งหมดลงไป
[ To be continued ]
สวัสดีค่ะทุกคน ❤️
เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ ซีรีส์เรื่องเล่าชมรมวิทย์นอกเวลา ที่เขียนร่วมกันกับเรื่องเล่าชมรมศิลป์นอกเวลา เลยมีตอนพิเศษ พาย้อนเวลาไปในวันปีใหม่สมัยอดีตของทั้ง ซายน์และอาร์ต นะคะ และขอใช้โอกาสนี้กล่าว สวัสดีปีใหม่ ทุกคนด้วย มีความสุข มีรอยยิ้ม ห่างไกลโควิดกันตลอดปีนะคะ
ตอนจบจะลงวันพรุ่งนี้นะคะ สำหรับตอนนี้ขอเชิญให้อ่านเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของตัวละคร ‘อาร์ต’ ได้ที่เพจ ให้เพลงพาไป หรือคลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ :) ⬇️
และขอทิ้งท้ายไว้ด้วยเพลง พรปีใหม่ แบบ A capella นะคะ 😊
โฆษณา