3 ม.ค. 2021 เวลา 10:08 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ดาบพิฆาตอสูร – เสาหลักของแอนิเมชันยุคใหม่!
ในปี 2563 ที่ผ่านมา ด้านความสำเร็จของแอนิเมชันคงไม่มีใครเกิน Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba หรือชื่อไทยว่า ดาบพิฆาตอสูร ที่โด่งดังทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ที่ตอกย้ำความฮิตในแบบที่สร้างปรากฎการณ์ทำเงินถล่มทลาย แม้โควิด-19 ก็ไม่อาจขวาง
ดาบพิฆาตอสูร เริ่มต้นมาจากมังงะของ โคโยฮารุ โกโตะเกะ จำนวน 23 เล่มจบ ที่เขียนระหว่างปี 2559 และเพิ่งจบไปเมื่อกลางปี 2563 นี่เอง ส่วนแอนิเมชันก็มีออกมาแล้วหนึ่งซีซัน จำนวน 26 ตอน และภาพยนตร์ ซึ่งดูแลงานสร้างโดยสตูดิโอ Ufotable
โดยส่วนตัวที่ไม่เคยติดตามอ่านมังงะมาก่อน พอได้เห็นกระแสความฮิตที่ถล่มถลายระดับปรากฎการณ์เช่นนี้ เลยอยู่เฉยไม่ได้ ต้องหาเวลาไล่เก็บซีรีส์ทั้ง 26 ตอนและภาพยนตร์ให้ครบ จนได้เข้าใจเสียทีว่าทำไม ดาบพิฆาตอสูร ถึงโด่งดังขนาดนี้ โดยจะขอลงรายละเอียดออกเป็น 3 ส่วน
เนื้อเรื่อง
ดาบพิฆาตอสูร เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ยุคไทโช (1912 - 1926) เมื่อครอบครัวคามาโดะได้ถูกอสูรสังหาร โดยเหลือรอดชีวิตเพียง ทันจิโร่ ลูกชายคนโต และ เนซึโกะ น้องสาวที่ถูกทำให้กลายเป็นอสูร ความต้องการที่จะหาทางช่วยเหลือน้องสาวให้กลับเป็นคนดังเดิม จึงตั้งเป้าหมายชีวิตที่จะเป็น “นักล่าอสูร” ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก จนได้เข้า “กลุ่มพิฆาตอสูร” ได้ในที่สุด และได้พบเพื่อนคนสำคัญอย่าง เซนอิตซึ และ อิโนสุเกะ ที่ออกเดินทางทำภารกิจปราบอสูรร่วมกัน
ความน่าสนใจเริ่มต้นจากตรงนี้ แม้เรื่องจะโฟกัสที่ตัวเอกทันจิโร่ ในการล่าอสูรเพื่อช่วยน้องสาว แต่ในภาพใหญ่นี่คือการต่อสู้ระหว่าง 2 กลุ่ม ด้านหนึ่งคือ “กลุ่มพิฆาตอสูร” องค์กรนอกกฎหมายที่มี “9 เสาหลัก” ผู้ใช้วิชาดาบและพลังปราณธาตุต่าง ๆ ทำหน้าที่ปราบอสูรที่ทำร้ายและกินคน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ หาทางพิชิต “คิบุซึจิ มุซัน” ผู้ให้กำเนิดเหล่าอสูรต่าง ๆ ที่แวดล้อมด้วยกลุ่มอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในนาม “12 จันทราอสูร”
เพียงแค่นี้ก็จินตนาการถึงความมันในฉากแอ็คชันได้ไม่สิ้นสุดแล้ว ท่าไม้ตายต่าง ๆ มีเอกลักษณ์ ตัวละครแต่ละตัวโดดเด่น และที่สำคัญคือการออกแบบการต่อสู้ที่มีมิติ ไม่ได้ใช้แค่กำลัง ต้องใช้สมองด้วย ใครเป็นสายแนวต่อสู้ ยังไงก็ต้องชอบเรื่องนี้
แต่ที่เหนือไปกว่านั้น คือการออกแบบตัวละคร ที่มีเสน่ห์ มีความลึก และให้เวลามากพอที่จะทำให้ได้รู้จักเบื้องหน้าเบื้องหลัง ทำเข้าใจในการกระทำและเห็นใจกับสิ่งที่ตัวละครต้องเผชิญ จนเกิดความรู้สึก “รัก” ในตัวละครขึ้นมา ที่กล่าวมานั้นไม่ได้หมายถึง “กลุ่มตัวเอก” เพียงฝ่ายเดียว เพราะ “กลุ่มวายร้าย” ในเรื่องนี้ก็มีเสน่ห์และมิติที่ลึก จนอาจจะบอกว่าลึกมากกว่ากลุ่มตัวเอกด้วยซ้ำ และหากเคยได้ยินคำกล่าวว่า ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัว ก็ต้องขอเติมไปอีกว่า ดูดาบพิฆาตอสูร ก็ทำให้ย้อนดูตัวได้เหมือนกัน ทำให้เราได้แง่คิดดี ๆ มาปรับใช้กับชีวิต
แอนิเมชัน
สตูดิโอ Ufotable ที่นับเป็นแถวหน้าของวงการ ได้รับหน้าที่ทำ ดาบพิฆาตอสูร ในฉบับแอนิเมชันซีรีส์ ซึ่งตอนนี้ออกมาแล้วหนึ่งซีซัน จำนวน 26 ตอน ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีเกินขาด แฟนดาบพิฆาตอสูรหลาย ๆ คน ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากแอนิเมชัน (รวมตัวผมด้วย)
การแปลงภาพนิ่ง ๆ ให้เป็นภาพเคลื่อนไหวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีเรื่องของท่าทางการเคลื่อนที่ มิติของตัวละคร ภาพและดนตรี ซึ่งทั้งหมดต้องพึ่งพาพลังจินตนาการสูงมาก แต่ด้วยต้นฉบับของ โคโยฮารุ โกโตะเกะ ที่ทำไว้ดีมาก ๆ อยู่แล้ว เปรียบไปก็เหมือนกับ วัตถุดิบชั้นดี ซึ่งสตูดิโอ Ufotable ก็เป็นเชฟมือหนึ่ง ที่รู้ว่าจะดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาให้ดีที่สุดอย่างไร ผลที่ได้เลยเป็นแอนิเมชันคุณภาพสูงในทุก ๆ ด้าน ที่โดดเด่นที่สุด ก็คงเป็นฉากแอ็คชันที่ทำออกมาได้สนุกมาก ๆ
ภาพยนตร์
Demon Slayer: Mugen Train หรือในชื่อไทยว่า ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ซึ่งก็เป็นฝีมือของ สตูดิโอ Ufotable เช่นเดียวกัน ได้กลายเป็นหนังแอนิเมชันก็ทำรายได้แซง Spirited Away ขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น
ฉบับภาพยนตร์นี้ ไม่ใช่ภาคพิเศษหรือมีเนื้อเรื่องพิเศษแต่อย่างใด เพราะเรื่องราวเล่าต่อจากแอนิเมชันซีรีส์ ที่กลุ่มทันจิโร่ เนซึโกะ เซนอิตซึ และ อิโนสุเกะ ต้องไปทำภารกิจสืบหาข้อเท็จจริงของการหายตัวไปของประชาชนบนขบวนรถไฟ โดยมี “เสาหลักเพลิง” เรนโงคุ ร่วมทางไปด้วย ที่เบื้องหลังนั้นมี “จันทราอสูร” เข้ามาเกี่ยวข้อง
นั่นหมายความว่าแอนิเมชันเรื่องนี้ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่เคยสัมผัสดาบพิฆาตอสูรมาก่อนไม่ว่าจะฉบับมังงะหรือแอนิเมชัน Ufotable รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนดูคือใคร เลยไม่ต้องเสียเวลาในการอธิบายที่มาที่ไป และพาเรื่องราวไปสู่ไคลแมกซ์ทันที
อาจเพราะความมั่นใจในความโด่งดังและประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ฉบับแอนิเมชันซีรีส์ ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้จึงเป็นการงานคุณภาพสูง จัดหนัก จัดเต็ม โชว์ศักยภาพการทำแอนิเมชันในยุคนี้ แอ็คชันดุดัน ดราม่าสะเทือนใจ เต็มไปด้วยแง่งามทั้งในด้านเนื้อเรื่องและคุณภาพงานสร้างของแอนิเมชัน เป็นความยอดเยี่ยมจนหาข้อตำหนิได้ยากจริง ๆ
โดยสรุป ดาบพิฆาตอสูร ทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ ไม่ได้เป็นเพียงงานที่แฟน ๆ ต่างยกย่องเท่านั้น แต่นี่ยังเป็นงานที่คนที่ชื่นชอบแอนิเมชันไม่ควรพลาดจริง ๆ สำหรับซีรีส์สามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้เลยทาง Netflix, LINE TV, AIS Play ใครสะดวกอะไรเลือกได้เลย สำหรับภาพยนตร์ตอนนี้ยังพอมีรอบอยู่ ยังไม่สายเกินไป..
#ตีตั๋วชนโรง #ดาบพิฆาตอสูร
โฆษณา