3 ม.ค. 2021 เวลา 15:29 • สุขภาพ
COVID-19 ระลอกสอง
...การระบาดของ COVID-19 ระลอกสอง สร้างสถานการณ์ที่ต่างจากครั้งแรกมากมาย
- จากครั้งแรกที่ตื่นตระหนกหวาดผวา มาเป็นครั้งสองที่เบื่อหน่ายอ่อนล้า
- จากครั้งแรกที่หวาดระแวงระมัดระวัง มาเป็นครั้งสองที่ว้าวุ่นรำคาญใจ
- จากครั้งแรกที่ร่วมมือร่วมแรง มาเป็นครั้งสองที่ปล่อยไปตามยถา
- จากครั้งแรกที่เห็นอกเห็นใจ มาเป็นครั้งสองที่โกรธข้องขุ่นเคือง
...นั่นเป็นเพราะว่า
- การระบาดครั้งแรกทุกคนรู้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ทุกคนต้องร่วมแรงกันฟันฝ่าผ่านไปให้ได้ จึงช่วยกันต่อสู้อย่างสุดกำลัง
- แต่การระบาดระลอกสองทุกคนรับรู้ว่ามาจากการละเลย การไม่ระวัง ความเห็นแก่ได้ เป็นเหตุที่ไม่น่าจะปล่อยให้เป็นไป
- ดังนั้น ความกระตือรือร้นจึงเป็นความเบื่อหน่าย ความร่วมมือจึงเป็นการปล่อยปละ ความเห็นใจจึงกลายเป็นความโกรธแค้น โดยเฉพาะเมื่อทุกคนรับรู้ว่าการแก้ไขปัญหานั้นไม่ได้ตรงจุดที่เป็นต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง
...การที่จะผ่านปัญหาหรือความทุกข์ใดไปได้นั้น
- อย่างแรกก็คือต้องยอมรับว่ามีปัญหา และต้องรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นจากอะไร
- หลังจากนั้นจึงแก้ไขปัญหาที่วิกฤตเฉพาะหน้าให้ผ่านไปให้ได้
- แล้วจึงแก้ไขที่เหตุของปัญหาเพื่อมิให้เกิดซ้ำรอยใหม่
...กรณีการระบาดของ COVID-19 ระลอกสองนี้
- ทุกคนรวมทั้งรัฐบาล ต้องยอมรับสถานการณ์ที่แท้จริงก่อนว่า เป็นการระบาดที่มีแนวโน้มจะกว้างขวางกว่าครั้งแรกมาก ดูท่าทางจะหยุดได้ยาก และรัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้ทุกคนได้รับรู้ด้วยตนเองไม่ใช่ให้ประชาชนไปแสวงหาข้อมูลจากที่อื่นซึ่งไม่รู้ว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริงหรือไม่
- การป้องกันที่ดีที่สุดเริ่มต้นที่ตนเอง ทุกคนต้องทำตามแนวทางการป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ทุกคนต้องฮึดสู้แม้ว่าจะเหนื่อยล้าเต็มที ทุกคนต้องลืมไปก่อนว่าเหตุคืออะไรแล้วตั้งใจทำตรงหน้าให้เต็มที่ มาตรการอะไรก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหากว่าไม่เริ่มต้นที่ป้องกันตนเอง และถ้าเริ่มที่การป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัดก็ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรอีกเลย ณ ตอนนี้กล่าวโทษกันไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะถ้าหากไม่ช่วยกันผลร้ายก็จะตกอยู่ที่ตัวเอง
- หน่วยงานราชการทุกส่วนต้องเข้มแข็งและยืนหยัดเป็นแบบอย่างให้กับประชาชน ไม่ว่าจะถูกต่อว่าหรือโดนก่นด่าอย่างไรก็ต้องอดทนและกล้ำกลืน โดยเฉพาะหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขและมหาดไทยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมป้องกันการระบาดและการรักษาพยาบาล
- ประชาชนจะต้องยอมรับว่าเมื่อสถานการณ์เริ่มสงบเราก็เริ่มละเลยการป้องกัน จากละเลยก็กลายเป็นหละหลวม ทั้งที่เราก็รับรู้ว่าสถานการณ์รอบประเทศและสถานการณ์โลกยังไม่ได้สงบอย่างในประเทศไทย เพียงแต่ประเทศไทยสามารถปิดการนำเข้าโรคเอาไว้ได้จึงหยุดการกระจายของโรคได้ชั่วคราว เมื่อเกิดรูรั่วของแนวป้องกันประเทศจึงเกิดการกระจายลุกลามอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ
- ประชาชนจะต้องกลับมาเคร่งครัดและมีวินัยในการใช้ชีวิตอย่างจริงจังเพื่อหยุดยั้งการกระจายของโรคให้ได้โดยไม่ปล่อยให้เป็นภาระของใครคนใดคนหนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
- รัฐบาลต้องยอมรับว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากความมักง่าย การปล่อยปละละเลย การไม่ควบคุมดูแล และการทุจริตในระบบราชการ เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลยังพยายามไม่พูดถึง ทำเป็นมองข้าม ประชาชนก็ยังสามารถสืบค้นข้อมูลได้เอง แล้วประชาชนก็พร้อมที่จะปักใจเชื่อข้อมูลที่ได้รับมาทันทีโดยไม่ต้องกลั่นกรองซ้ำอีก เพราะว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนรับรู้และเชื่อว่ามีจริงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในความจริงใจของรัฐบาลและทำให้ความร่วมมือในการทำตามมาตรการของรัฐบาลไม่ได้เข้มแข็งจริงจัง
- รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจในการจัดการต้นตอของปัญหา เพื่อเรียกศรัทธาให้กลับคืนมาจากประชาชน
๑) โสเภณีข้ามแดน เป็นไปไม่ได้ที่ ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ และมหาดไทย จะไม่รู้เรื่อง
๒) แรงงานข้ามชาติ เป็นไปไม่ได้ที่ ทหาร มหาดไทย ตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงแรงงาน จะไม่รู้เรื่อง
๓) บ่อนการพนัน เป็นไปไม่ได้ที่ ตำรวจ มหาดไทย และท้องถิ่น จะไม่รู้เรื่อง
ซึ่งประชาชนกำลังจับตามองอยู่แต่ก็ไม่เห็นว่ามีการจัดการอะไรนอกจากแถลงการณ์โป้ปดมดเท็จและการแสดงความไร้เดียงสาออกหน้าสื่อมวลชนซึ่งไม่มีใครเชื่อ
- รัฐบาลต้องมีมาตรการจัดการกับผู้ที่ไม่มีวินัยแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน ผู้ที่รักษาแต่สิทธิของตนเองโดยไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้วทำให้ผู้อื่นต้องรับผลกรรมที่ไม่ได้กระทำ มีคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมากมายที่จะต้องกักกันแต่ออกมาเพ่นพ่านตามท้องถนนแล้วสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ต้องทำมาหากิน ไม่มีมาตรการจัดการกับคนกลุ่มนี้อย่างจริงจัง มีแต่เสียงขู่ว่าผิดกฎหมายแต่ไม่เคยเอากฎหมายมาทำอะไรให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าเมื่อทำผิดแล้วต้องได้รับโทษอะไร
มาตรการทางสังคมจึงไม่มีใครอยากทำตามเพราะรู้สึกว่าตนเองอดทนและลำบากมามากแล้วยังต้องมารับผลจากการกระทำของคนที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
การระบาดระลอกสองนี้ การบริหารจัดการจะต้องทำอย่างเข้มแข็งและจริงจังทั้งทางด้านรัฐศาสตร์ที่ต้องควบคู่กันกับนิติศาสตร์
โฆษณา