4 ม.ค. 2021 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์
[ย้อนเวลาหามาเล่า Ep.157 มนุษย์หมาป่าแห่งตอนใต้ คดีสุดพิศวงของครอบครัววอร์เรน ]
เรื่องที่จะนำมาให้ทุกท่านอ่านในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีสุดพิศวงของครอบครัววอร์เรน โดยเราเคยเห็นคดีของเอ็ดและลอเรน ผ่านตามาบ้างจากจักรวาลผี Conjuring
แต่คดีที่นำมาเล่าทุกท่านในวันนี้ออกจะพิเศษสักนิด คราวนี้ไม่ใช่ผีที่มาสิงสู่ร่างมนุษย์ หากแต่เป็นมนุษย์หมาป่า ส่วนเรื่องจะเป็นเช่นไรนั้นตามอ่านกันได้เลยครับ
บิล แรมซี่่ คือเด็กน้อยที่เกิดและเติบโตในแถบทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา เขาใช้ชีวิตเฉกเช่นเด็กปกติที่รักสายลม แสงแดดตามประสาเด็ก แต่เรื่องประหลาดที่จะพลิกชีวิตเขาไปตลอดกาลนั้นเกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันเสาร์ในปี 1952 เมื่ออยู่ดีๆบิลก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย ขณะที่กำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน พร้อมกับได้กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ที่สำคัญมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ได้กลิ่น กลิ่นของมันน่าขยะแขยงมากจนทำให้เจ้าตัวถึงกับอาเจียนออกมา ก่อนจะรีบแจ้นไปบอกแม่ว่ามีบางสิ่งกำลังเข้ามาจับเขา
"มีสองสิ่งที่ผมต้องหนี อย่างแรกเลนคือคลื่นยักษ์ในทะเลที่ซัดเข้ามา และอย่างที่สองคือหมาป่า"
เขาบอกกับแม่ด้วยความตกใจ จนกระทั่งมีบางสิ่งพยายามเข้ามายึดร่างของเขา บิล มีท่าที่ที่เปลี่ยนไป เขาเริ่มคลุ้มคลั่ง แผ่รังสีแห่งความดุร้ายอกมา การขยับร่างกายเริ่มเปลี่ยนไป อยู่ดีๆก็เดินไปที่รั้วแล้วดึงมันขึ้นมาเหวี่ยงไปๆมาๆ ราวกับหวดไม้เบสบอล ทั้งที่เจ้าหนูพึ่งจะอายุแค่ 9 ขวบ !
รวมถึงอยู่ดีๆก็ไปเอาลวดตาข่ายที่ขึงไว้มาแทะเล่นราวกับสัตว์เดรัจฉาน พร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา
พ่อแม่ที่เห็นดังนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจึงรีบหนีเข้าไปหลบในบ้าน และปล่อยให้ลูกน้อยเกี้ยวกราดจนพอใจอยู่ข้างนอกรอจนอาการประหลาดนี้จบลง เรื่องราวในวันนั้นยังคงหลอกหลอนครอบครัวแรมซี่เป็นอย่างมาก
จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปราวๆ 15 ปีนับตั้งแต่มีสิ่งประหลาดบางอบ่างเข้ามายึดร่างกายของบิล เขาไม่เคยมีอาการแบบนั้นอีกเลยและใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติ ตอนนี้เขากลายเป็นคุณพ่อลูกสาม มีครอบครัวที่แสนอบอุ่นเหมือนปกติของปุถุชนคนธรรมดา จะมีก็เพียงแค่ฝันร้ายที่ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่เรื่อยๆ เช่น 2 ปีหลังจากแต่งงาน เขามักจะฝันร้ายถึงเรื่องเดิมๆ และจุดจบของฝันดังกล่าวก็ยังคงเหมือนเดิมทุกๆครั้ง ซึ่งมันทำให้เจ้าตัวต้องตื่นมากลางดึกเสมอๆ แต่ที่แปลกว่านั้นคือ ร่างกายของเขาจะเย็นเฉียบ เหงื่อแตกพลั่ก ด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัว และ วิตกกังวลทุกครั้งไป
ในฝันนั้นเขาเห็นภรรยากำลังนอนหันหลังให้เขาอยู่ จนกระทั่งเธอพลิกตัวกลับมา เธอกรีดร้องราวอย่างบ้าคลั่งก่อนจะวิ่งหนีไป และเป็นเช่นนี้จนถึงปี 1967 ที่เขาเริ่มไม่ฝันถึงเรื่องนี้ ฝันร้ายจบลง เขาใช้ชีวิตปกติไปอีกราว 18 เดือนจนกระทั่งฝันร้ายกลับมาเยอนเขาอีกครั้ง คราวนี้่เขาฝันว่าได้ยินเสียงบางอย่างกำลังกรีดร้องโหยหวนอยู่ที่หัวเตียง พอมองดูก็ตกใจสีดขีด เพราะสิ่งที่กำลังร้องอยู่นั้นคือตัวเขาเองที่กำลังกู่ร้องราวกับสัตว์ป่า
โอเคนั่นคือฝัน มันทำร้ายเพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น แต่...แล้วจากฝันมันกลับกลายสู่โลกความเป็นจริง ในปี 1983 มีบางสิ่งเข้ามายึดร่างเขาอีกแล้ว คราวนี้บิลกำลังไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ หลังจากที่ดื่มไปสองสามแก้ว อยู่ดีๆบิลก็รู้สึกแปลกๆ คือรู้สึกร่างกายเขาเย็นยะเยือก ความทรงจำครั้งวัยเยาว์ย้อนกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ล้างเนื้อล้างตัว พรางคิดว่า "คงไม่สบายมั้ง" แต่จังหวะนั้นเอง ในขณะที่กำลังล้างหน้าอยู่นั้น อยู่ดีๆเขาก็เหลือบไปมองกระจก แล้วเห็นหมาป่ายืนอยู่ข้างหลังเขา !
เขาผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบกลับไปนั่งดื่มต่อกับเพื่อนๆ เหตุการณ์นี้ดูไม่มีอะไรจนกระทั่งในขณะที่กำลังจะกลับบ้าน ไม่มีสัญญาณที่ผิดปกติจนกระทั่งเจ้าตัว "คำราม" ออกมา ก่อนจะหันหน้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู๋ข้างๆ มือเกร็งและสภาพนิ้วมีอาการบิดงอราวกับกงเล็บ และพยายามที่จะกัดเพื่อน โชคดีที่คนขับยังมีสติอยู่ เขารีบจอดรถเข้าข้างทางก่อนจะช่วยกันล็คอบิลและจับไปใส่ไว้ในกระโปรงรถ เวลาผ่านไปสักครู่เสียงคำรามที่ออกมาจากด้านหลังๆก็ค่อยๆเงียบหายไป และกลับไปเป้นชายคนเดิมที่เพื่อนๆเขารู้จัก
แต่เหตุการณ์ประหลาดไม่หยุดลงเพียงแค่นี้ ในปีเดียวกันช่วงก่อนคืนคริสมาสต์อยู่ดีๆบิลก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมา เขาคิดว่าเขาต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆ ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเข้าไปอยู่ในห้องฉุกเฉิน ในขณะที่พยาบาลกำลังจะวัดควานดัน อยู่ดีๆเจ้าตัวก็พุ่งขึ้นมา กระโจนกัดคุณพยาบาลเสียจมเขี้ยว เขาเริ่มคุ้มคลั่งอีกแล้ว บุรุษพยาบาลพยายามเข้ามาจัดการบิลแต่ก็ไม่เป็นผล
อยู่ดีๆคนป่วยก็กลายมามีพลังราวกับสัตว์หน้าขนที่แสนดุร้าย มีท่าทีไหล่ค่อม มือทั้งสองข้างบิดงอ นิ้วหงิกราวกับกรงเล็บและเริ่มแยกเขี้ยวออกมา และเริ่มทำร้ายคนในห้องนั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะเข้ามาล็อคตัวและใส่กุญแจมือ แต่ก็ไม่เป็นผล พลังมหาศาลเหวี่ยงคุณตำรวจกระเด็นราวกับของเล่น สุดท้ายจึงต้องทำการยิงยาระงับประสาทใส่ จึงสามารถจับกุมได้สำเร็จ เจ้าตัวจึงถูกจับกุมและถูกนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก แน่นอนว่าเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเล่าเรื่องราวสุดประหลาดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
เช้าวันต่อมาเจ้าตัวตื่นขึ้น และเล่าทุกอย่างให้หมอฟัง คุณหมอแนะนำว่าบิลควรเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนมกราคม ปี 1984 ขณะที่กำลังกลับจากการไปเยี่ยมแม่ อยู่ดีๆเจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกเหมือนเดิมอีกแล้ว เขารีบแจ้นไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาต้องอยู่กับพยาบาลคนเดิม คนที่เขากัดแขนพร้อมกับตำรวจ คุณพยาบาลแสดงอาการกลัวอย่างชัดเจน และบอกว่าจะขอไปตามหมอ แต่ไม่ทันขาดคำนายบิลก็คลั่งขึ้นมาอีกแล้ว เขาเหวี่ยงพยาบาลอัดกับกำแพง และเริมโจมตีตำรวจอย่างบ้าคลั่งอีกแล้ว
แต่ครั้งนี้ตำรวจเอาชนะเขาจนได้และนำตัวส่งโรงพยาบาลจิตเวทย์ทันทีแต่ก็ถูกปฏิเสธการรักษาเพราะว่าไม่พบว่าเจ้าตัวผิดปกติแต่อย่างใด
ในปี 1987 นี่เป็นปีที่เจ้าตัวแสดงอาการในที่สาธารณะมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะที่สถานีตำรวจ, ลานจอดรถ หรือสถานีรถไฟ แน่อนว่าทุกครั้งจบลงที่บิลต้องทำร้ายร่างกายใครสักคน จนเจ้าตัวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้แพทย์ทำการส่งเข้าสแกน MRI เพื่อหาต้นตอของเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ มันจนปัญญาของวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์จริงๆ เพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวก็อาละวาดอีกครั้ง
ในปี 1989 เรื่องนี้ไปเข้าหูสองสามีภรรยานักปีศาจวิทยา เอ็ด และ ลอเรน วอร์เรน พวกเขาเสนอให้บิลมาหาพวกเขาที่โบถส์แห่งหนึ่งในรัฐคอนเนตทิคัต ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาเชื่อว่ามีบางอย่างกำลังสิงสู่บิลอยู่
เรื่องดังกล่าวไปถึงหูหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง พวกเขาเสนอที่จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้บิลเดินทางไปพบครอบครัววอร์เรนแลกกับสกู๊ปข่าวที่พวกเขาจะได้รับ
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ก่อนทั้งสองฝ่ายจะได้พบกัน อยู่ดีๆบิลก็มีอาการประหลาดขึ้น เขาพยายามจะรัดคอภรรยาในขณะที่เธอหลับ
บิลมีอาการประหลาด เขาไม่ค่อยแฮปปี้นักกับพิธีดังกล่าว ในที่สุดพิธีเริ่มขึ้นโดยมีท่านบิช็อปโรเบิร์ต แม็คเคนน่าเป็นผู้ทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป บิลเริ่มมีอาการแปลกๆ มืองอนิ้วหงิกราวกับเล็บของสัตว์ร้าย ครอบครัววอร์เรนพยายามคุยด้วยแต่เขาก็ไม่ตอบ มีเพียงเสียงขู่คำรามที่ดังออกมา พร้อมท่าทีที่จะทำร้ายบาทหลวง
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง บิช็อปแมคเคนน่าร่ายบทสวดที่เป็นภาษาละตืนใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ท่าทีของเขาค่อยๆกลับเป็นปกติ ราวกับว่าสิ่งชั่วร้ายได้หลุดออกไปแล้ว โดยตลอดการทำพิธีนั้นมีการบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วย
เรื่องราวที่แสนชั่วร้ายเหมือนจะจบลง เขากลับไปใช้ชีวิตปกติเช่นเดิม ครั้งสุดท้ายที่ชื่อของบิล แรมซี่ถูกพูดถึงคือในปี 1992 เมื่อเขาแสดงอาการคุ้มคลั่งอีกครั้ง แต่ไม่มีการบันทึกภาพเอาไว้ได้ ก่อนจะเงียบหายไปจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่อาจทราบว่าในปัจจุบันเจ้าตัวเป็นอย่างไร ยังมีอาการอยู๋ไหม แต่ทราบมาว่าครั้งหนึ่งเรื่องของบิลเคยเกือบถูกนำไปสร้างไปเป็นภาคต่อของจักรวาลผีอย่าง Conjuring ภาค 3 ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงเอาการพิจารณาคดีฆาตกรรมของ อาร์นี่ ไชแอนน์ จอห์นสัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผีสั่งให้ผมฆ่า” มาสร้างแทน ซึ่งแน่นอนว่าทางเพจได้มีการแปลไว้แล้ว สามารถย้อนไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้ครับ
.
ปล. ตอนนี้ Facebook มันปรับใหม่ การเห็นเพจจะน้อยลง เพราะฉะนั้นจึงอยากรบกวนเพื่อนๆ ช่วยกด See first ให้ผมด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดเรื่องเล่าสนุกๆจากเพจเราครับ
.
.
ท่านสามารถย้อนอ่านตอนเก่าๆได้ที่ลิงค์นี้ครับ
.
.
ถ้าชอบโพสนี้อย่าลืมกด Like โพสนี้ กดแชร์ให้คนอื่นได้อ่านกัน และอย่าลืมกดถูกใจเพจพุงพลุ้ยคุยไปเรื่อยด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
#ห้ามคัดลอกบทความ #กรุณากดแชร์แทนการก๊อปวาง 🚫🚫🚫
โฆษณา