เรื่องเล่า ระหว่างให้อาหารปลา
ขณะกำลังให้อาหารลูกปลากดเหลืองอยู่ อยู่ ๆ ก็หันไปเห็นต้นหม่อน (Mulberry) ที่ปลูกไว้ แตกกิ่งก้านออกมาหลายกิ่ง
.
เลยเดินไปดูต้นอื่น ๆ ที่ปลูกอยู่ตามขอบบ่อ ทุกต้นกำลังแตกกิ่งออกใบสวยงาม แต่มีอยู่สามต้นที่สูงถึงหน้าอก แต่ใบดูแห้ง ๆ และหนึ่งในนั้นดูเหมือนว่ากำลังจะเหี่ยวตาย
.
สาเหตุเกิดมาจากเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว พี่ที่เคยมาช่วยงานได้หยุดงานไป ทำให้ไม่มีคนมาตัดหญ้า ขอบบ่อเลยรก เราจึงจ้างคนรับจ้างตัดหญ้าทั่วไปมาตัดให้
.
ซึ่งเราลืมบอกไปว่ามีต้นหม่อนเรียงอยู่รอบ ๆ ขอบบ่อ ไม่คาดคิดว่าเขาจะไม่เห็นว่าเป็นต้นไม้ที่เราปลูก เพราะต้นหม่อนสูงประมาณเข่าอยู่บ่อนึง ส่วนอีกบ่อสูงถึงหน้าอก ซึ่งสูงกว่าต้นหญ้าอย่างแน่นอน
.
ปรากฏว่าคนที่รับจ้างตัดหญ้าให้ลูกชายซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นมาตัดให้ เราไปที่บ่อตอนที่เขาตัดเกือบเสร็จแล้ว และได้ตัดต้นหม่อนไปเกือบหมด เหลือสามต้นที่เราไปทันพอดี
.
ด้วยความเป็นวัยรุ่นที่ไม่ได้ทำงานละเอียดรอบคอบ บวกกับความที่ไม่รู้จักต้นหม่อนเลยตัดอย่างราบคาบ
.
ทันทีที่รู้ว่าหม่อนที่เราอุตส่าห์สั่งกิ่งมาเพาะชำ รดน้ำอยู่เป็นเดือน ๆ โดนตัดหมดก็รู้สึกโกรธ เพราะที่สำคัญเราปลูกหม่อนนี้ช่วงเรากำลังตั้งครรภ์และเราต้องสูญเสียลูกในท้องไป
.
เราแอบรู้สึกผิดที่ไปรดน้ำหม่อนซึ่งอาจมีการเกร็งหน้าท้องตอนตั้งครรภ์อ่อน ๆ เกรงว่าการทำงานของเราอาจมีผลกับลูกในท้อง ถึงแม้ว่าคุณหมอจะบอกว่าไม่เกี่ยวก็ตาม
.
แต่เราก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรเขา เพราะเราเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้บอกไว้ก่อนว่ามีต้นไม้ที่ขอบบ่อด้วย
.
พอมาวันนี้ได้มาเห็นต้นหม่อนที่ถูกตัดทิ้งแตกกิ่งใหม่สวยงาม ในขณะที่ต้นที่ไม่โดนตัดกลับดูไม่งามจนอยากจะตัดต้นออกด้วยซ้ำ
.
ทำให้เรานึกถึงนิทานเรื่องหนึ่งขึ้นมา เลยอยากนำมาเล่าเผื่อใครยังไม่เคยได้ยินค่ะ
.
มีชายชราผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมีทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตครบแล้ว เขามีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนหนึ่ง มีม้าที่ได้รางวัลหนึ่งตัว และมีทุกอย่างที่คนส่วนใหญ่ต้องการ
.
แต่อยู่มาวันหนึ่งสิ่งที่มีค่าของเขา คือ ม้าของเขา ได้แหกคอกออกมาและวิ่งเตลิดหายไปในป่า แค่ชั่วพริบตาเขาก็เสียม้าที่มีค่าของเขาไป
.
เมื่อเพื่อนบ้านรู้ข่าวต่างก็พากันมาแสดงความเห็นใจ ทุกคนบอกกับเขาว่า "ม้าของท่านหนีไปแล้ว ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้"
.
เพื่อนบ้านพยายามปลอบโยนชายชราผู้นี้ แต่เขากลับตอบว่า "พวกท่านทราบได้อย่างไรว่ามัน คือ โชคร้าย"
.
อีก 2-3 วันต่อมา ม้าก็กลับมาบ้านเพราะมันรู้ว่าที่นี่จะมีอาหารและน้ำให้มัน และมันได้นำม้าป่าแสนสวยกลับมาด้วยถึง 12 ตัว
.
เมื่อเพื่อนบ้านทราบข่าวต่างก็พากันมาแสดงความยินดี และกล่าวว่า "ท่านช่างโชคดีอะไรเช่นนี้"
.
แต่ชายชราผู้นั้นก็ตอบว่า "ท่านทราบได้อย่างไรว่ามันคือโชคดี"
.
ในวันถัดมาลูกชายคนเดียวของเขาพยายามที่จะขี่ม้าป่าตัวหนึ่งในบรรดา 12 ตัวนั้น เขาถูกม้าสลัดตกลงมาขาหักและต้องพิการนับแต่บัดนั้น
.
เมื่อเพื่อนบ้านรู้ข่าวก็พากันมาแสดงความเสียใจและบอกว่า "ลูกชายท่านต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต ช่างโชคร้ายอะไรหนอ"
.
แต่ชายชราผู้นั้นถามอีกเช่นเคยว่า "ท่านทราบได้อย่างไรว่ามันคือโชคร้ายน่ะ"
.
อีก 1 ปีต่อมา มีขุนศึกคนหนึ่งมาที่เมืองนี้เพื่อเกณฑ์ชายหนุ่มที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงทุกคนไปรบ
.
พวกเขาแพ้สงครามและทุกคนถูกฆ่าตายหมด ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือ ลูกชายขาพิการของชายชราผู้นั้น.....
.
เราไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่เหตุการณ์ไหนจะเป็นโชคร้าย หรือเหตุการณ์ไหนจะเป็นโชคดีที่แท้จริง
.
ดังนั้นเราอย่าไปด่วนตัดสินอะไรด้วยความยึดติด หากถึงคราวโชคดีก็อย่าหลงระเริงจนเกินไป แต่หากถึงคราวโชคร้ายก็อย่าไปฟูมฟายจนขาดสติ
.
ตอนแรกรู้สึกโมโหที่ต้นหม่อนโดนตัด แต่ตอนหลังกลับรู้สึกดีใจที่ได้ต้นใหม่ที่สวยงาม แม้จะโตช้าไปสักหน่อย
.
และการที่เราโชคร้ายต้องสูญเสียลูกไปตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ อาจจะเป็นโชคดีที่เขาจากไป เพราะถ้าออกมาเขาอาจจะไม่แข็งแรงพอ
.
หวังว่าเราอาจจะโชคดีได้เขากลับมาใหม่ในวันที่เขาแข็งแรงพร้อมที่จะอยู่กับเราจริง ๆ ในสักวัน 🌿🌿
.
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาให้กำลังใจนะคะ ❤️