4 ม.ค. 2021 เวลา 12:08 • ความคิดเห็น
ของขวัญปีใหม่สำหรับ trader.....
ปีใหม่นี้เคทขอมอบหลักการและเคล็ด "วิธีแก้พอร์ต" เป็นของขวัญให้กับเพื่อนๆเหล่าเทรดเดอร์ที่น่ารักทุกท่านนะคะ
สิ่งที่ยากที่สุดในการเทรด คือ การแก้พอร์ต โดยเฉพาะการติดลบหนักๆ ระดับ 50-70% ขึ้นไป
เมื่อตลาดเล่นงานนักลงทุนอย่างหนัก สิ่งแรกที่นักลงทุนจะสูญเสียคือ วิจารณญาณ และ ตามด้วยการสูญเสียสภาพจิตใจอันแข็งแกร่ง อีกทั้งความทะเยอทะยานที่มีมาจะค่อยๆสูญสิ้นไป
นักลงทุนที่โดนตลาดเล่นงาน ณ จุดนี้ เกินกว่า 90% จะถอดใจ ยอมแพ้ สิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยาก ยอมแพ้ ปล่อยหุ้นตามยถากรรม และสุดท้าย ก็เดินออกจากตลาดไป เพราะการจะคืนทุนในจุดที่ติดลบหนักๆ นักลงทุนต้องทำกำไรจากทุนเดิมให้ได้ถึง 100% ในกรณีที่ติดลบ 50% ซึ่งเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมาก
(แต่มันสามารถทำได้ค่ะ ถ้าใจคุณยังสู้อยู่)
1
ในทฤษฎี MEW นอกจากการออกแบบพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งแล้ว สิ่งที่เราถนัดที่สุดคือ "การแก้พอร์ต" ค่ะ
สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ก่อนการแก้พอร์ต คือ คุณต้องรู้ว่า จังหวะไหน ควรแก้ ควรสู้ และจังหวะไหนควรยอมแพ้ !!
อ่ะมาดูกันเลยละกันค่ะ.....
ขอยกตัวอย่างล่าสุด กับกรณี delta หุ้นที่ร้อนแรงที่สุดแห่งศตวรรษ 5555
1
ภาพของสมาชิก บูลฟินVIP
นักลงทุนได้เข้าซื้อ delta ที่ 813*200 หุ้น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. มีผลขาดทุนเกือบ 50%
การขาดทุนระดับนี้ การจะคืนทุนได้หุ้นต้องวิ่งขึ้นถึง100% หรือ อีกนัยนึงคือ นักลงทุนต้องทำกำไรจากทุนเดิมให้ได้ 100% ขึ้นไป งานหนักมากค่ะบอกเลย
1
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
เมื่อเวลาที่หุ้นลงหนักๆ สิ่งสำคัญของการแก้พอร์ตคือ
1. เช็คดูสภาพคล่อง เช็คกระสุน ว่าสามารถ coverage หุ้น coverage พอร์ตได้ไหม ? ถ้าได้ ได้ถึงระดับไหน ?
และ 2. ดูสภาพหุ้น พฤติกรรมและลักษณะทางเทคนิค ดูช่วงราคา กรอบที่จะสวิง ว่ามีโอกาสเท่าไหร่ มากน้อยแค่ไหน
ถ้าเช็คเบื้องต้นแล้ว โอเค เราก็สามารถลงมือแก้พอร์ตได้ แต่ถ้าไม่โอเค ก็ต้องยอมตัดขาดทุนทันทีค่ะ
และ สุดท้าย 3 . สำคัญมากค่ะ ต้องเตรียมใจให้พร้อม ปรับสภาพจิตใจให้ได้ ต้องนิ่ง
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
ในภาพคือ นักลงทุนมีสภาพคล่องสามารถรับได้ที่ 200หุ้น หมายถึงอัตราส่วน1/1 กับหุ้นเดิม
แต่...ถ้าตามหลักทฤษฎี mew การแก้พอร์ตกรณีนี้จะต้องเป็น 1/2 หรือ ใช้งบประมาณในการซื้อใหม่ 400 หุ้น เพื่อจะได้คัพเวอร์กับต้นทุนที่เสียไปได้ และจะทำให้การแก้พอร์ตไม่เหนื่อยเกินไป ไม่ต้องใช้หลายไม้
แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อdelta ที่ราคานี้ ถือว่าผิดหลักการตั่งแต่แรกอยู่แล้ว และด้วยความเสี่ยงของหุ้นตัวนี้ก็สูง ดังนั้น การออกไม้ที่ 200 หุ้นจึงเป็นการคัพเวอร์ที่พอดีอยู่ในเกณฑ์
1
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
จากภาพ เมื่อเก็บหุ้นได้ ณ ราคา 412*200 หุ้น ทำให้ต้นทุนลดลงเหลือ 613-/หุ้น
สรุปรวมทั้งหมดตอนนี้เราจะมี 400หุ้นโดยจะแบ่งเป็น 4 ไม้
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
จากภาพด้านบน ไม้แรก ทำการขายออกที่ 100 หุ้น บริเวณที่ 510 - ไม้ที่ 2 ขายออกที่บริเวณ 508-
จังหวะนี้เราจะพิจารณาหาจังหวะซื้อเพิ่ม เมื่อทุนต่ำ และจะขายออกเมื่อหุ้นวิ่งขึ้นสูง
1
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
ไม้ที่ 3 แบ่งขายอีก 100 หุ้น ที่บริเวณ 550-540
1
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
สรุปขายออกไป 3 ไม้
ไม้ที่ 1 ขายที่510 กำไร= 9,800
ไม้ที่ 2 ขายที่ 508 กำไร = 9,600
ไม้ที่ 3 ขายที่ 548 =ขาดทุน 26,500
รวม 3 ไม้ ขาดทุน = 7,100
ส่วนไม้ที่ 4 คงเหลือในพอร์ต ยังไม่คิดผลขาดทุน
1
ภาพของสมาชิกบูลฟินVIP
จากภาพบน จังหวะนี้นักลงทุนหลุดโฟกัส (คาดว่าคงติดธุระ) ทำให้พลาดการเข้าซื้อ หุ้นที่ย่อลงมาช่วงราคา 485-475
ถ้าในกรณีที่นักลงทุนเก็บหุ้นเพิ่มได้ 1 ไม้ที่บริเวณราคาดังกล่าว และสามารถขายได้อย่างน้อยที่ ช่วงราคา520- ในวันถัดไป ก็จะทำให้มีกำไร เพิ่มอีก 3,500- จะทำให้ผลขาดทุนลดลงเหลือแค่เพียง
3,600 (จากเดิม ที่ขาดทุน7,100)
และ หากในกรณี ที่เราล้างพอร์ตโดยการขายไม้สุดท้ายที่คงค้างไว้ ที่ราคาบริเวณเดียวกัน คือ ช่วง520- ไม้สุดท้ายนี้จะขาดทุนที่ 29,300-
และจะทำให้ผลขาดทุนจากเดิม 78,200- เหลือเพียง 32,900- หรือจากขาดทุน เกือบ 50% คุณจะเหลือขาดทุนเพียง 20% เท่านั้นค่ะ !!!
การติดลบ 30% ที่หายไป จะส่งผลให้คุณ
สามารถทำกำไรอีกแค่ 25% ก็คืนทุน จากเดิมที่ต้องทำกำไรถึง100% ในกรณีที่คุณคัทหุ้นออก
ทีนี้มาดูว่าอะไรคือปัจจัยในการเข้าซื้อขายในช่วงราคาต่างๆ ใช้อะไรประเมิน บ้าง
1
ในเชิงจิตวิทยาและเทคนิค การที่หุ้นทิ้งตัวดิ่งลงมาแรงนั้น จะเกิดการรีบาวเสมอ เปรียบเสมือน ลูกบาส หรือ ลูกเทนนิส ที่ตกลงจากที่สูง แล้วจะเกิดการกระดอนขึ้น การกระดอนในครั้งแรกจะแรง กว่าในครั้งถัดๆไป ตามกฏฟิสิกส์
1
แต่....เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วัตถุอย่างหุ้นนั้นต้องดิ่งลงแรงระดับไหน ถึงจะรีบาว และ รีบาวในอัตราส่วนที่เท่าไหร่ ?
จากสถิติที่เคยเก็บ และประสบการณ์ของเคทที่เคยสังเกตุ การรีบาวของหุ้นมักเป็น อัตราส่วนใกล้เคียงกับ 2/1 เสมอ กล่าวคือ ถ้าหุ้น ดิ่งลงวันแรกที่ 25% หรือ ล่วงฟลอร์ 30% โอกาสที่รีบาวกลับมาในวันถัดไป โอกาสขึ้น หรือ เด้งขึ้น คือ 12-15% หรือ= 2/1 นั่นเอง ตัวเลขนี้จะเป็นกรอบคร่าวๆ ที่ไม่ได้ฟิกตายตัว ย้ำอีกครั้งว่าเป็นอัตราส่วนที่ใกล้เคียงเท่านั้น แปรผันได้ตลอดเวลา แต่ส่วนมากจะยังอยู่ในกรอบประมาณนี้ การพิจารณาต้องอาศัยตัวแปรอื่นๆ เช่น พื้นฐานและพฤติกรรมของหุ้น และสภาพแวดล้อมอิทธิพลของตลาด
บางครั้งการดิ่งแรงๆในวันแรก วันถัดไปก็อาจจะดิ่งลงต่อได้ ดังนั้นต้องดูตัวแปรให้ดีๆ
แต่สถิติ ที่เห็นบ่อยๆและใช้ได้ผลเสมอ คือ 2 ฟลอร์ 1 ลิ่ง หรือ ดิ่งลง 2วันติด และพอวันที่3 ก็เด้งขึ้นชน ceiling
ตัวอย่างที่เคยพบเห็นหุ้นลักษณะนี้หรือใกล้เคียงก็ได้แก่ GL EARTH BEAUTY GGC STARK เป็นต้น
2
ลักษณะนี้เปรียบไปก็เหมือนการสะสมพลังงานของหุ้นนั่นเอง
(ในทางจิตวิทยาของ MEW ก็มีอธิบายลักษณะการทุบหุ้น ที่คล้ายกับกรณี 2ฟอลร์ 1 ลิ่ง ไว้คร่าวๆ เช่นกัน )
1
ทีนี้ในเชิงเทคนิคหล่ะ เราจะดูอะไร ยังไง?
1
แน่นอนว่าเราก็อาศัยการดูจากกราฟนั่นแหละ ในการเทรดหุ้นแบบสวิงที่มีกรอบราคาเคลื่อนไหวแรงๆ เราต้องอาศัยการดู timefram อย่างน้อย 30m กำลังดี ยิ่งดู tf สั้นเท่าไหร่ยิ่งดี(หรือ15m) เพราะจะเห็นช่วงการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างวันชัด และในกรณีที่หุ้นเคลื่อนไหวรุนแรง การเปิด tf สัก 30m นั้นถือว่ากำลังพอดี
จากรูปเราจะเห็นได้ชัดว่า ราคาใดคือ แนวรับ และแนวใดคือแนวต้าน
จะเห็นว่า กรอบราคาสำคัญจะ วิ่งอยู่ที่ 400-560เป็น
กรอบใหญ่ และช่วงกำหนดราคากลางจะอยู่ที่ 480-
ทีนี้เราต้องวางแผนการเข้าซื้อ โดยกำหนดกรอบราคาล่วงหน้าคร่าวๆเอาไว้ก่อน
เมื่อเราได้ราคาปิดของวันที่ 29 ธ.ค. มาที่ 430 ตีเลขกลมๆ เมื่อใช้ทฤษฎี 2 ฟลอร์ 1 ลิ่ง มาจับ ก็จะได้ กรอบราคาไฮของวันพรุ่งนี้ที่ 559 เห็นไหม ว่ามันช่างพอดีเป๊ะอะไรซะขนาดนั้น
ทำไมเราถึงใช้ กฏ 2 ฟลอร์ 1 ลิ่ง กับ delta หล่ะ ในเมื่อก่อนหน้านี้ หุ้นไม่ได้ติดลบฟลอร์ 2 ครั้งติดสักหน่อย ?
จริงอยู่ที่หุ้นไม่ได้ร่วงทำฟลอร์ 2วันติด
แต่...ในเชิงจิตวิทยา หากนับจากราคาไฮที่หุ้นร่วงลงมา จาก 830 มา ที่ 400 นี่ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับการโดน 2 ฟลอร์เลยค่ะ ตีว่าวันละ -28% โดน 2รอบเลยค่ะ
2
เมื่อใช้ tf 30m ก็จะทำให้เราเห็นช่วงราคาชัดขึ้น วางแผนได้ง่ายขึ้น
โดยเราก็จะวางแผน ขายแนวต้านที่ 560 เผื่อแก๊ปสัก 20-30 จุดในการขาย (ใช้การตั้งราคาในช่วงที่มีโอกาสแมทได้ง่ายที่สุด มีความเป็นไปได้มากที่สุด) และตั้งรับที่ 485
ถึงตรงนี้จะเห็นว่าก็สัมพันธ์กับการซื้อขาย แก้พอร์ตของเรา ที่ขาย 510-550 และรับที่ 485
ง่ายๆแค่นี้เองค่ะ ลองเอาไปแอพพลายใช้กันดูนะคะ
1
มิ้วๆ
โฆษณา