5 ม.ค. 2021 เวลา 12:16 • ปรัชญา
มืดแปดด้าน มืดจริงหรือ???
สถานการณ์ตอนนี้หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพมืดแปดด้าน ตามสำนวนไทยมืดแปดด้านหมายถึง คิดอะไรไม่ออก นึกไม่ออก จนปัญญาหาทางออกไม่ได้ ปกติจะมี ทิศ6ทิศ คือ บน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หลัง คนโบราณคงจะต้องการเน้นย้ำว่ามันจนหนทางอย่างเหลือเกิน จึงมีสำนวนมืดแปดด้าน ออกมา มืดจริงๆในชีวิตคงไม่มีแม้เราจะหลับตาในที่มืดมันก็ยังมีแสง ไม่มีทางที่จะเจอหลุมดำที่แม้แต่แสงยังไม่สามารถผ่านได้
จริงๆแล้วในชีวิตคนเรากว่าจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ คงจะเคยผ่านสภาวะมืดแปดด้านกันมาบ้าง มากน้อยต่างกันไป เมื่อลองมองย้อนกลับไปจะพบว่าเราเติบโตขึ้นมาอีกขั้นหลังจากพ้นสภาพมืดแปดด้านมา คล้ายกับหนอนกลายเป็นผีเสื้อ สภาพมืดแปดด้านจึงเป็นบททดสอบที่สำคัญของแต่ละคน ถ้าไม่สามารถผ่านมันไปได้ก็จะกลายเป็นเรื่องเศร้า
ลองมาคิดดู สภาพมืดแปดด้านเกิดขึ้นจากอะไร ปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน อะไรมีสัดส่วนมากกว่ากัน ลองมาคิดดูตอนที่ตัวเองเกิดสภาพมืดแปดด้าน ในอดีตอย่างน้อยก็สองครั้งเท่าที่จำได้ ครั้งแรกตอนจบ ม.6 ที่บ้านยากจน อยากเรียนก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ถ้าสอบได้ก็กลัวไม่มีเงินเรียน สมัยนั้นยังไม่มี กยศ ให้กู้ยืมเรียน จะไปขอทุนก็ไม่รู้จะไปขอที่ไหน เกิดสภาพมืดแปดด้าน สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ ทำตามที่แม่บอกคือ เดินก้าวหนึ่งคิดก้าวหนึ่ง คือ อย่าไปวิตกกังวลอนาคตให้มันมากเกินไป ตอนนี้ต้องสอบก็ไปสอบ สอบเสร็จก็ไปทำงานระหว่างรอผล สอบได้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ก็ค่อยมาคิดกัน สุดท้ายก็สอบได้ เอาสร้อยนาคไปจำนำเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมแรกผ่านไปก่อน แล้วก็ผ่านไปที่ละก้าวจนจบ
การเข้าโรงจำนำครั้งแรกมันก็ให้ความรู้สึกหลายๆอย่างปะปนกัน ไม่เข้าก็ไม่มีเงิน แต่มันก็ทำให้เข้าใจความลำบากในการหาเงิน ตั้งแต่บัดนั้นมา ปัจจัยภายนอกอาจบีบเข้ามาแต่ปัจจัยภายในที่จะทำให้เราพ้นหรือจมอยู่กับสภาพมืดแปดด้าน
ถ้าจะแนะนำคนที่อยู่ในสภาพมืดแปดด้าน คิดอะไรไม่ออก ก็ให้หยุดคิด อยู่นิ่งๆไม่ต้องโวยวายหรือดิ้นรนอะไรให้มากไป ไปนอนซะแล้วจิตใต้สำนึก จะเริ่มขบวนการค้นหาคำตอบให้เองจนคุณเองจะแปลกใจ หรือจะเดินก้าวคิดก้าวแบบที่แม่ผมสอนมาก็ไม่ว่ากัน อีกวิธีที่จะได้ผลคือลดอัตตาของตัวเองลง อีโก้ต่างๆก็วางลงซะ ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้แต่ยอดมนุษย์ยังต้องมีคนช่วย แค่เล่าให้ฟัง
โฆษณา