6 ม.ค. 2021 เวลา 09:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หนังต่างประเทศมีส่วนแบ่งการตลาดแค่ 16% จากรายได้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีนเมื่อปี 2020 ที่ทำไว้ถึง 3 พันล้านเหรียญ
หนังนำเข้าทำรายได้สูงที่สุดประจำปีได้เพียงอันดับ 6 สำหรับบ็อกซ์ออฟฟิศของจีนในปี 2020 และมีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกันปีต่อปีกับปี 2019 ถึงเกือบๆ 55% จากรายงานของเหมาหยาน เอนเตอร์เทนเมนท์ (Maoyan Entertainment) โดยมูลเหตุสำคัญก็ไม่พ้นการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีผลต่อกำหนดฉายของหนังฮอลลีวูด ที่ทำให้บางเรื่องถึงกับหายไปจากโปรแกรมของตลาดภาพยนตร์ ที่กลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อปีที่ผ่านมา จากรายงานของวาไรตี
โดยหนังต่างประเทศมีส่วนแบ่งการตลาดในบ็อกซ์ออฟฟิศของจีนเมื่อปี 2018 อยู่ที่ 38% และ 35.9% ในปี 2019 แต่ในปี 2020 หนังต่างประเทศทำยอดขายตั๋วได้แค่ 16.3% จากยอดขายตั๋วทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการลดลงแบบฮวบฮาบ
คอหนังในประเทศจีนซื้อตั๋วชมภาพนตร์กันมากถึง 548 ล้านใบในปี 2020 และทำเงินได้ถึง 3.13 พันล้านเหรียญ หรือ 20.4 พันล้านหยวน แซงอเมริกาเหนือกลายเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดเรียบร้อย ถึงแม้รายได้จะลดลงจากปี 2019 ที่ทำไว้ 9.2 พันล้านเหรียญถึง 68.2% และลดลงจากปี 2018 66.5% หากเปรียบเทียบกัน บ็อกซ์ออฟฟิศของอเมริกาเหนือทำรายได้แค่ 2.28 พันล้านเหรียญในปีที่แล้ว ตกลงกว่า 80% จาก 11.4 พันล้านเหรียญที่ทำไว้ในปี 2019
หนังต่างประเทศในจีนปีนี้ ทำรายได้ดีในเดือนกันยายน เมื่อทำเงินรวมกันถึง 132 ล้านเหรียญ หรือ 853 ล้านหยวน ส่วนเดือนที่แย่ที่สุดก็คือตุลาคม ที่ทางการบล็อคหนังต่างชาติเพื่อเปิดทางให้หนังเจ้าถิ่นเข้าฉายเพื่อฉลองวันชาติ ซึ่งหนังต่างประเทศทำเงินรวมกันในเดือนนี้ 13.9 ล้านเหรียญ หรือ 89.9 ล้านหยวน
นอกจากนี้โรงหนังในประเทศจีนยังได้รับผลกระทบจากโคโรนาไวรัสเต็มๆ เมื่อต้องปิดให้บริการร่วมถึง 178 วันระหว่างวันที่ 23 มกราคม - 20 กรกฎาคม และเมื่อกลับมาเปิดใหม่ทางการก็มีการจำกัดที่นั่งเพียง 30% ของความจุ ก่อนที่จะค่อยๆ คลายล็อคเป็น 50% ในวันที่ 14 สิงหาคม และท้ายที่สุด 75% ในวันที่ 25 กันยายน ขณะที่ประเทศยังคงมีมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มขึ้นของโควิด-19
โรงหนังในจีนทำรายได้รวมกันถึง 2.8 พันล้านเหรียญ (18 พันล้านหยวน) นับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง และหนังสงครามอิงประวัติศาสตร์กลายเป็นหนังที่ได้รับความนิยม รวมไปถึงหนังฟีลกู และหนังโรแมนซ์​
เพื่อเป็นการควบคุมรายจ่ายในการทำงาน โรงภาพยนตร์เลือกจะลดลงรอบฉายที่ไม่ใช่เวลาไพรม์ไทม์ รายงานของเหมาหยานระบุว่า นับตั้งแต่กลับมาให้บริการ โรงภาพยนตร์วางรอบฉายในช่วงไพรม์ไทม์ คือ 6 โมงเย็น – ทุ่มถึง 26.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 24.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ขณะที่ผู้ชมชาวจีนมีอายุเฉลี่ยที่น้อยกว่าคนดูในอเมริกาเหนือ โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 28.8 ปีในปี 2020 และมีผู้ชมเพียง 11% ที่อายุมากกว่า 40 ปี นอกจากนี้ คอหนังชาวจีนยังไปชมภาพยนตร์น้อยกว่าในประเทศอื่นๆ เช่นเกาหลีใต้ โดยพวกเขาจะดูหนังเฉลี่ยกันคนละ 1.73 เรื่องต่อปี ซึ่งลดลงจากปี 2019 ที่ทำไว้ 2.88 เรื่องต่อปี และ 3.06 เรื่องต่อปีในปี 2018 สาเหตุที่ลดลงก็น่าจะเป็นเพราะการที่โรงภาพยนตร์ปิดให้บริการเป็นเวลานาน และจำนวนหนังที่ออกฉายลดลง
ผู้กำกับ กวน ฮู กลายผู้กำกับแห่งปีของจีน เมื่อหนัง The Eight Hundred ของเขา กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดทั่วโลกของปี 2020 ทำรายได้มากกว่า 460 ล้านเหรียญ ส่วน The Sacrifice หนังโปรจีน ว่าด้วยสงครามเกาหลีที่เขาร่วมกำกับ ก็เป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 5 ของจีน โดยทำรายได้มากกว่ารายได้หนังต่างประเทศทุกเรื่องในปี 2020 รวมกัน
โฆษณา