ทำไมต้องไปอิตาลี(Italy)?40ปีโรมรำลึก Roman Holiday
ด้วยความใฝ่ฝันของผู้ที่เรียนศิลปะทุกคนอยากไปอิตาลี(Italy)โดยเฉพาะศิษย์ อ.ศิลป พีระศรี(Prof. Corrodo Feroci) มีความหวังว่าสักวันหนึ่ง
จะต้องมาสัมผัสแหล่งอารยธรรม อันเก่าแก่บนโลกแห่งนี้ให้ได้ ผลงานทางจิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า
ถูกอัดแน่นอยู่ทุกตารางนิ้วของประเทศนี้ ไม่เฉพาะแต่งงานศิลปะในอดีตเท่านั้น การแทรกซึมวัฒนธรรมของประเทศอิตาลี(Italy)เข้า
กับสิ่งใหม่ๆก็ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างต่อเนื่้องในปัจจุบัน ทั้ง ดนตรีคลาสสิค,แฟชั่นเสื้อผ้า,รองเท้า,กระเป๋า,เครื่องหนัง,ไวน์,เฟอร์นิเจอร์,ของแต่งบ้าน,รถยนต์หรู รวมถึงวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน
กาแฟ,พิซซ่า และอาหารอิตาเลี่ยน ที่แทรกซึมเข้าไปสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก
* สิ่งเหล่านี้เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น ย้อนกลับไปตั้งแต่ กรีก-โรมัน และเฟื่องฟูสุดๆในยุค เรเนซอง(Renaissance)
ความต่อเนื่องของอารยธรรมเหล่านี้มีรากฐานที่มั่นคงจากอดีต และได้รับความเอาใจใส่ดูแลจากคนรุ่นปัจจุบัน ทั้งประชาชนทั่วไป
และผู้บริหารประเทศ ในอดีตเจ้าผู้ครองนครรัิฐและเศษฐีตระกูลดังๆโดยเฉพาะ ตระกูล เมดิชี(Medici)ก็อุปถัมฑ์เลี้ยงดูศิลปิน
ให้สร้างสรรค์งานศิลปะสะสมไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนในปัจจุบันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปตลอดชาติไม่มีที่สิ้นสุด ดังจะเห็นได้จาก
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆของคนทั้งโลก(รวมทั้งผู้เขียนด้วย)คือItaly ความมีรสนิยมในศิลปะ และสุนทรียภาพที่ปรากฎอยู่
รอบๆตัวของคนอินตาเลียนเหล่านี้เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ความคิดสร้างสรรค์ถูกสอดแทรกลงไปในชิ้นงาน"Italian Design"ที่ใครๆ
อยากเรียนแบบ ที่สำคัญสุดคือ ราคาแพงระยับจับใจผู้คนที่มีรสนิยม แม้จะต้องเข้าคิวรอคอยเป็นเวลานานแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อ
ที่จะเป็นเจ้าของ"Italian Design" สักชิ้น แม้จะครอบครองไม่ได้ก็ขอได้ยลโฉมสักครั้งก็ยังดี แต่ก็ไม่วายต้องเข้าคิวอยู่ดี
เข้าแถวรอซื้อตั๋วเข้าดูงานศิลป์ตามมิวเซียมต่างๆ บางแห่งจำกัดผู้ชมเข้าในแต่ละวัน(1000คน/วัน)เช่น
โบสถ์ ซานตามาเรีย เดลกราเซีย(Santa Maria del Grazia,Milano)มิลาน อันเป็นที่สถิตอยู่ของภาพเขียน อันโด่งดัีง
"อาหารมือสุดท้ายThe Last Supper"ของจิตรกรเอก เลียวนาโดดาวินชี Leonado da Vinci การได้มาืยืนอยู่หน้ารูปสลักหินอ่อน
เดวิด David,ปิเอตา Pieta หรือแหงนคอตั้งบ่า ดูภาพของ "ไมเคิลแองเจโล Michelangelo"ในกรุงวาติกัน หรือการย่ำทับรอยเท้าของ
กาลิเลโอ ตามบันไดทางเดินขึ้นสู่หอเอน เมือง ปิซ่า Pisa ก็เหมือนกับได้"Italian Design" มาครอบครอง อยู่้ภายในก้นบึ้ง
ของคลังประสบการณ์ชีวิต ความสุขของการเดินทางท่องเที่ยว เป็นแรงบัลดาลใจให้อยากบันทึก ความรู้สึก และสุนทรียภาพเบื้องหน้า
ในแต่ละช่วงเวลาที่ได้สัมผัสเหล่านั้น ประทับไว้ในความทรงจำดีๆ ผ่านทางเส้นสีและทีแปรง อันเป็นทักษะที่้ได้บ่มเพาะมาจาก
ครูบาอาจารย์ทุกๆคน โดยเฉพาะ ครูชาว Firenze: Made in Italy ผู้นี้ "ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี(15 กันยายน พ.ศ. 2435 — 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505)
Prof. Corrado Feroci เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) ชาวอิตาลีสัญชาติไทย เป็นประติมากรจากเมืองฟลอเรนซ์
ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
"ผู้วางรากแก้วให้มหาวิทยาลัยศิลปากรและศิลปะร่วมสมัยให้กับประเทศไทย.
*ก่อนไปอิตาลี(Italy) ทั้งภาษาอิตาเลี่ยนและภาษาอังกฤษของผมนั้นไม่กระดิกหูเลย ประสบการณ์เที่ยวอิตาลีก็ไม่มีความรู้มาก่อน
จนอยู่มาวันหนึ่ง พ.ศ.2517 ขณะนั้นเรียนอยู่คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในชั้นปีที่4 กำลังเดินออกมาจากร้านเนี้ยวข้างมหาลัย
มีหนุ่มอิตาเลี่ยนเดินข้ามมาจากประตูวัดพระแก้ว ตรงเข้ามาทักและสอบถามอยากหางานศิลปะสมัยใหม่เสพ (คงเห็นเราผมยาวรุงรัง
เตร่อยู่ข้างสถาบันสอนศิลปะ) จึงชวนเข้ามาในคณะผ่านลานอาจารย์ศิลป์ จึงบอกเล่าความเป็นมาของท่านผู้มีพระคุณต่อประเทศไทย
และเชื่อมโยง2ชาติให้รู้สึกใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 เป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่คัดเลือก
Prof. Corrado Feroci ชาว Firenze อิตาลี เข้ามารับราชการเป็นช่างปั้น-หล่อ เป็นผู้วางรากฐานที่เข้มแข็งให้แก่วงการศิลปะไทย
สมัยใหม่จากการที่ได้พร่ำสอนและผลักดันลูกศิษย์ให้ได้มีความรู้ความสามารถในวิชาศิลปะทั้งงานจิตรกรรมและงานช่าง
มีจุดประสงค์ให้คนไทยมีความรู้ความเข้าใจในศิลปะและสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะได้. จากนั้นเดินชมห้องเรียนดูงานของนักศึกษา...
พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องศิลปะ หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า อาร์มันโด้ (Armando)อาศัยอยู่ที่โรมกับพี่สาวเป็นนักหนังสือพิมพ์เขียนวิจารย์ศิลปะ
ชอบเดินทาง ท่องเที่ยวเลาะมาตั้งแต่ บังคราเทศ ศรีลังกา อินเดีย พม่า และเข้าไทย ปักหลังใช้ชีวิตอยู่ภาคใต้เดือนกว่า ก่อนขึ้นมากรุงเทพฯ
ก่อนกลับอิตาลี อาร์มันโด้ชอบนิสัย และความเอื้อเฟื้อของคนไทย จากการไปกินๆนอนๆอยู่ทะเลภาคใต้ของไทย.
พร้อมต้อนรับหากอยากไปอิตาลี(Italy) แลกเปลี่ยนที่อยู่ของกันและกัน.
จนกระทั่งเรียนจบพ.ศ.2521และทำงานอิสระอยู่1ปี คิดถึงคำชวนของอาร์มันโด้ (Armando)จึงอยากไปอิตาลี เขียนจดหมายไปหา
ตอบกลับมาว่า บินมาเลยหากช่วงนั้นไม่อยู่จะฝากให้พี่สาว*ฟลอเรียน่า(Floriana)ดูแล.เพราะอาร์มันโด้เดินทางบ่อย.
*เดือนมิถุนายน พ.ศ.2523 จึงเป็นจุดเริ่มต้น การเดินทางของเส้น สีและทีแปรงของ สิริพุฒ พูลลาภ SiriputArts
****ทำไมต้องไปอิตาลี(Italy)?