Lord of the Flies, William Golding
วรรณกรรม Young Adult (YA) ที่สอดแทรกประเด็นด้านสังคมมามากพอๆ กันกับการเติบโตของตัวละคร
ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มเด็กนักเรียนชาวอังกฤษที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ณ เกาะร้างแห่งหนึ่งทั้งหมดต้องช่วยกันพยายามเอาชีวิตรอด และหาทางสื่อสารกับโลกภายนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ
เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น การรวมกลุ่มกันจึงจำเป็นที่จะต้องมีกฏระเบียบ แบ่งสรรหน้าที่รับผิดชอบ ทุกอย่างเกือบจะไปได้ดี แต่ความผิดพลาดหนึ่งทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเริ่มผุกร่อน และเมื่อสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเพิ่มมากขึ้น กฏระเบียบจึงพังทลายลง จากมิตรเป็นศัตรู ความไว้ใจกลายเป็นความหวาดระแวง
Golding เขียนนิยายเล่มนี้ได้ค่อนข้างดำมืดพอสมควร เขาเปลือยให้เราเห็นสันดานดิบด้านหนึ่งของมนุษย์ เมื่อมนุษย์ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้น แม้แต่ตัวละครที่ไม่น่าจะมีพิษภัยที่สุดก็กลายเป็นคนที่ป่าเถื่อนได้ (ซึ่งอันที่จริงจุดนี้ก็ทำให้เกิดคำถามว่าเด็กอายุ 10-12 ปี จะโหดร้ายได้ขนาดนั้นเลยหรือ หรือแท้จริงนี่คือการกระทำโดยขาดความยั้งคิดแบบเด็กๆ เท่านั้น)
นิยายยังพาเราไปให้เห็นว่าการพึ่งพาอาศัยกันในสังคมมนุษย์ ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ และการเคารพซึ่งและกัน เมื่อใดก็ตามสังคมสูญเสียสิ่งเหล่านี้ ระเบียบย่อมพังทลายลง ความโกลาหลจะตามมา และสุดท้ายระเบียบเก่าก็จะถูกทดแทนด้วยระเบียบใหม่
แม้เราจะพบว่า protagonist ของเรื่องจะเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ มีเหตุผล และเป้าหมายที่ดูเหมาะกับสถานการณ์มากที่สุด เหมาะที่จะเป็นผู้นำ แต่ตัวละครนี้กลับขาดคุณสมบัติความเป็นผู้นำอยู่มาก
สิ่งที่ตัวละครเอกชอบทำคือการยึดอยู่กับเป้าหมายที่เขาคิดว่าถูกต้อง จนหลายครั้งปฏิเสธความคิดของคนอื่นที่เขาเห็นว่าไม่เข้าท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่บั่นทอนขวัญกำลังใจของกลุ่ม จนเป็นเหตุนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงในที่สุด
ความน่าติดตามของนิยายเล่มนี้อยู่ในระดับกลางๆ หนังสือใช้เวลาครึ่งเล่มในการพาเราไปดูวิวัฒนาการของกลุ่ม จนถึงกลางเล่มเราถึงจะเริ่มเห็นความสั่นคลอนของกลุ่ม และมากขึ้นเรื่อยๆ จนในช่วงท้ายที่ตัวเอกของเรื่องต้องเผชิญกับปัญหาของกลุ่มเพียงลำพัง (ซึ่งก็ให้ความสนุก ตื่นเต้นระดับหนึ่ง)
โดยสรุปเป็นนิยายที่น่าอ่านระดับหนึ่ง คนชอบความตื่นเต้นเล่มนี้อาจจะทำงานด้วยไม่มากนัก แต่ถ้าชอบสำรวจความเป็นมนุษย์ เล่มนี้จัดเป็นหนึ่งใน classic novel ที่คอหนังสือไม่ควรพลาด
- Lying there in the darkness, he knew he was an outcast. “ ‘Cos I had some sense.” -
เมื่อหันไปก็ไม่เจอใคร เราจะเลือกความถูกต้อง หรือการยอมรับจากสังคม
8 มกราคม 2564
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
