Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โหราทาสเล่าเรื่อง
•
ติดตาม
7 ม.ค. 2021 เวลา 13:43 • ธุรกิจ
The 21 Irrefutable Laws of Leadership
กับมุมมองทางโหราศาสตร์
หนังสือเล่มนี้มีชื่อภาษาไทยว่า"กฎ21 ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้"
เป็นหนังสือยอดนิยมตลอดกาลของ John C.Maxwell เกี่ยวกับการสร้างความเป็นผู้นำ
ผู้เขียนเรียนจบมาทางศาสนวิทยา และเจริญรอยตามบิดา โดยการทำงานในโบสถ์เป็นนักเผยแพร่ศาสนา ดังนั้นประสบการณ์หลัก จึงได้จาก การทำงานจริง กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคริสเตียน
คนอ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณว่า การเป็นผู้นำ ในมุมของผู้เขียนนั้น อาจมีความแตกต่างไปจากการเป็นผู้นำในสายอาชีพอื่น อย่างน้อยองค์กรที่สังกัดอยู่ก็ไม่ใช่องค์กรที่หวังผลกำไร กลุ่มเป้าหมายก็มีความศรัทธาเป็นพื้นฐานการนำข้อคิด จากหนังสือไปประยุกต์ใช้ จึงต้องคำนึงถึงบริบทที่เกี่ยวข้องและแตกต่างออกไป
ในกฎทั้ง 21 ข้อ ข้าพเจ้าจัดประเภทออกเป็น 4 กลุ่ม ให้สอดคล้องกับ ทฤษฎีโหราศาสตร์สมัยใหม่ ที่แบ่งลักษณะคนออกเป็น 4 ประเภทที่เป็นส่วนผสมของ ประเภท สนใจตัวเอง กับสนใจผู้อื่นเป็นหลัก กับประเภทที่ชอบคิดและชอบกระทำเป็นหลัก
คุณสมบัติของแต่ละคนก็เกิดจากการผสมผสานของคุณลักษณะสี่แบบนี้เข้าด้วยกันมากบ้างน้อยบ้าง คนที่มีลักษณะเด่นในสังคมในวงกว้างทั้งดีและร้ายก็มักจะมีส่วนผสมที่สุดโต่งไปในด้านใดด้านหนึ่ง
คนปรับส่วนผสมได้อย่างลงตัวเหมาะกับสิ่งแวดล้อม ก็มักจะมีความโดดเด่นในแวดวงการงานที่เขาสัมผัสอยู่ และนี่น่าจะเป็นลักษณะของผู้นำตามนัยของผู้เขียน
1
ขณะที่คนธรรมดาสามัญโดยทั่วไปที่เป็นคนส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมไม่แน่นอน ไหลไปตามสิ่งแวดล้อมและปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระตุ้น
คุณลักษณะทั้ง 21 ข้อ สามารถดูจากชาร์ตที่ ข้าพเจ้านำลงให้ดู ซึ่งจะไม่ลงลึกในรายละเอียดและบางคุณสมบัติจะใช้คำนิยามของข้าพเจ้าเพื่อการทำความเข้าใจ ซึ่งแตกต่างไปจากฉบับแปลไทยบ้าง ดังนั้นผู้ที่ต้องการคำอธิบายสามารถหาอ่านในต้นฉบับภาษาอังกฤษหรือไทย โดยตัวเลขในวงเล็บ เป็นลำดับข้อคุณสมบัติในหนังสือ
จากการวิเคราะห์คุณสมบัติทั้ง 21 ข้อ
ข้าพเจ้าพบว่าส่วนมากเกี่ยวข้องกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และเป็นเรื่องภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องสามัญสํานึก ที่การเป็นผู้นำคนนั้นหลีกเลี่ยงเรื่องปฏิสัมพันธ์ไม่ได้
กฎทั้ง 21 ข้อนี้ผู้เขียนบอกว่า ผู้นำทุกคนจำเป็นต้องมี และสามารถสร้างได้ และการสร้าง นี่ต้องเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์จากการเรียนรู้โดยใช้ระยะเวลา แต่ในหนังสือ ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าจะสร้างได้อย่างไรแต่จะอาศัยเรื่องเล่าที่เป็นกรณีศึกษาเพื่อให้คนอ่านเห็นบริบทภาวะแวดล้อมของแต่ละเรื่องราวเพื่อให้มาสรุปกับตัวเอง ถึงวิธีการที่เหมาะสม
ถ้าจะสรุปแบบสั้นๆ กฎทั้ง 21 ข้อของการเป็นผู้นำคือ การเข้าไปนั่งในหัวใจคนอื่น แต่วิธีการที่ผู้เขียนนำเสนอ สำหรับหลายคนนั้น อาจเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และท้าทายต่อการฝึกฝน
กล่าวคือคนเป็นผู้นำต้องสามารถสร้างสมดุลและความสอดคล้องระหว่าง การคิด การกระทำ การปฏิบัติตนต่อตนเองและต่อผู้อื่น
1
ในแง่ของโหราศาสตร์ไทยคนที่สามารถสร้างความสมดุลดังกล่าวจำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญในดวงชะตาดังต่อไปนี้ (เด่นคือ มีความเข้มแข็งในตำแหน่งทางราศีอุจน์เกษตร์ และเรือนชะตา คือสัมพันธ์ดีต่อลัคนา)
1.อาทิตย์ต้องเด่น
พระอาทิตย์เป็นตัวแทนของหลักการ อุดมการณ์ และความซื่อสัตย์ยึดมั่นถือมั่นต่อความเชื่อตน แต่พระอาทิตย์เด่นนั้นยังไม่พอ มหาโจรก็สามารถมีอาทิตย์เด่นได้ พระอาทิตย์จึงเป็นเจ้าฤกษ์โจโร คนที่เป็นโจรสมัยก่อนไม่ได้หมายถึงคนชั่ว เป็นเพียงคนที่เชื่อในสิ่งที่แตกต่างจากผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจจนไม่สามารถยอมรับอำนาจผู้ปกครอง คนที่มีพระอาทิตย์เด่นจึงสามารถยึดมั่นตามกฏระเบียบที่ตนเองยึดถือได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
2.พฤหัสต้องเด่น
พระพฤหัสบดีเป็นตัวแทนองค์ปัญญา เป็นฤษีทางฝ่ายสูง อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ของพระอาทิตย์ ช่วยชักนำไปสู่อุดมการณ์ที่ถูกต้อง อุดมการณ์ที่ถูกต้องตามนัยของพระพฤหัสบดีคือสิ่งที่ชาวโลกโดยทั่วไปเห็นว่าดีงาม และนำไปสู่ความสงบสุขของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ ศีลธรรม จารีต การทำมาหากิน และอื่นๆ ซึ่งความเชื่อองค์รวมของสังคมนี้สามารถแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตามวัฏจักรการโคจรของพระพฤหัสบดี-พระเสาร์ (รอบเล็กทุก 20 ปี รอบกลางทุก 60 ปี รอบใหญ่ทุก 400 ปี) สิ่งที่คนยุคหนึ่งเห็นว่าดีงาม อาจมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีในยุคถัดไป
ผู้ที่มีอาทิตย์-พฤหัสเด่นโดยเฉพาะอยู่ในวงจรตรีโกณเมษ-สิงห์-ธนูที่เป็นราศีธาตุไฟ ที่เป็นตรีโกณแห่งการกระทำ โหรโบราณถึงยกย่องให้เป็นพฤทธิเกณฑ์ จักมีความเจริญรุ่งเรือง
3.จันทร์ต้องเด่น
พระจันทร์เป็นลูกสาวของพระพฤหัสบดี เป็นฤษีทางฝ่ายสูง นั่งในอาศรมเฉยๆไม่ยุ่งกับใคร ขณะที่พระจันทร์นั่งเฝ้าอยู่หน้าอาศรมคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนพระพฤหัสบดี
จะสังเกตว่าผู้ที่มีเกณฑ์อาทิตย์-พฤหัสเด่นยังไม่เพียงพอ พฤทธิเกณฑ์ตามคติโบราณจึงใช้อ่านคนที่มีสถานะเด่นหรือเป็นใหญ่ในแวดวงตนเช่นเป็นกษัตริย์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ขุนนางแม่ทัพนายกอง สมัยนี้อาจรวมถึงผู้ประกอบการ ที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการให้คุณให้โทษผู้อยู่ใต้อำนาจ จึงเสมือนความสามารถในการใช้พระเดช
ขณะที่พระจันทร์จำเป็นต้องเด่นเพื่อแสดงถึงความสามารถในการใช้พระคุณ สามารถเข้าใจความต้องการ เข้าถึงจิตใจ ความฝัน ความหวัง ความกลัว ของคนที่ต้องเข้าไปปฏิสัมพันธ์ โดยที่คนนั้นก็ไม่ได้ร้องขอหรือเปิดปาก
ลักษณะพระคุณเด่นนั้นเป็นความจำเป็นที่ต้องการมากขึ้นในสังคมมนุษย์นิยมคนเท่ากัน โหรยุคปัจจุบันถึงยกย่องเกณฑ์จันทร์-คุรุ-สุริยา หรือ จันทร์-พฤหัส-อาทิตย์ว่าเป็นเลิศด้านความเจริญงอกงาม
4.ศุกร์ต้องเด่น
พระศุกร์เป็นเจ้าแห่งกิเลสสมบัติ หรือฤษีทางฝ่ายต่ำ คนโบราณยุคเศรษฐกิจพอเพียง มีศีลธรรมนำไม่ค่อยยกย่องพระศุกร์เหมือนคนสมัยนี้ เพราะพระศุกร์แสดงถึงความมุ่งมั่นปราถนา อยากมี อยากเด่น อยากแสวงหาสิ่งที่ตอบสนองกิเลส
ลักษณะเด่นคือมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ปฏิบัติงานช่างศิลปะได้ดีกว่าคนทั่วไป แต่สมัยนี้กลับเป็นที่ยกย่องมาก โดยเฉพาะสังคมที่ตัดสินคนที่การแสดงออกตามสื่อต่างๆ พระศุกร์ซึ่งเป็นเจ้าแห่งการแสดงและการเล่นกับสื่อ จึงมีความสามารถในการแสดงออกถึงภาวะผู้นำให้คนเห็นและติดตามนับถือได้ง่ายได้ง่าย
2
5.เสาร์ต้องเด่น
ทายโทษทุกข์ทายเสาร์ คำของคนโบราณนี้เน้นว่าคนที่พระเสาร์เด่นคือคนที่ไม่มีทางเลือก คนโบราณมองว่าพระเสาร์เป็นเจ้าแห่งความหลงผิด เนื่องจากมักขี้กังวลเกินไป เข้มงวดเกินไป วิตกเกินไป เพราะคิดเยอะเกินไปจนปรุงแต่งเป็นความระแวงไม่เชื่อใจอะไรง่ายๆ แม้แต่ตนเอง เกิดสภาพความลังเลสงสัยตลอดเวลาจนไม่ตัดสินใจ ทำให้กิจการงานเสียหาย ทางเลือกกลายเป็นทางตัน โอกาสกลับกลายเป็นปัญหา
คนที่พระเสาร์เด่นจึงมักติดในกรอบกฎเกณฑ์วิธีคิดแบบเดิมๆ ไม่กล้าทำอะไรใหม่ๆ ทำแบบเดิมๆกลายเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ในสิ่งแวดล้อมที่มีการหยุดนิ่งพวกเสาร์เด่นจะได้ความนิยมในฐานะผู้รักษากฎระเบียบ แต่ในสถานการณ์ที่มีความผันแปรเคลื่อนไหวสูง โดยเฉพาะช่วงของการเปลี่ยนยุคตามวัฏจักรดวงดาว พวกเสาร์เด่นจะกลายเป็นพวกตกยุค และอับจนความคิดไป การทายเสาร์ว่าเป็นโทษทุกข์จึงต้องพิจารณาบริบทแวดล้อมถึงทางเลือกที่เจ้าชะตามีอยู่ ถ้ามีทางเลือกก็ไม่มีโทษทุกข์
เนื่องจากพระเสาร์เจ้าแห่งความหลงผิด เป็นลูกศิษย์ของพระศุกร์ฤษีทางฝ่ายต่ำ
การผสมผสานกันระหว่างพระศุกร์-พระเสาร์เด่นสามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้พระเสาร์มีทางเลือกได้มาก ถึงขั้นกลายเป็นเจ้าแห่งการวางแผนที่ผสานทฤษฎีเข้ากับปฏิบัติได้ (โดยเฉพาะถ้ามีพระพุธเข้าร่วมกับพระเสาร์) เป็นที่ยกย่องของโหรโบราณถึงขั้นกำหนด ศุกร์-เสาร์-พุธ ในวงจรตรีโกณตุลย์-กุมภ์-มิถุน ที่เป็นตรีโกณฑ์แห่งความคิด ได้ตำแหน่ง
จักรเกณฑ์คือจักครองแผ่นดิน
คำว่าครองแผ่นดินในที่นี้คงหมายเอาว่ากรณีมีคู่แข่งคู่ต่อสู้ที่สถานะเท่าเทียมกัน คนที่ได้จักรเกณฑ์จะมีกลอุบายเอาชัยชนะคู่ต่อสู้ได้
จะสังเกตว่าโหรโบราณไม่ได้ให้น้ำหนักพระอังคารและพระพุธเท่าใด
ที่จริงพระอังคารในราศีมกรสถานะอุจจ์ได้ตำแหน่งปรักเกณฑ์ หมายถึงจักเป็นยอดคน คำว่ายอดคนในที่นี้คงหมายถึงไม่กลัวใครหรือสิ่งใด น่าจะมีในคนอาชีพท้าความตายทั้งหลาย (คนพวกนี้ที่จริงไม่ค่อยเอะอะโวยวาย มักจะแสดงออกด้วยความสงบเสงี่ยมจนแทบไม่มีใครรู้ ต่อเมื่อมีสถานการณ์ความเป็นตายจึงแสดงความเป็นยอดคนออกมา เข้าทำนองหมากัดมักไม่ค่อยเห่า)
แต่เนื่องจากอังคารเป็นเพทยาธรที่โคจรไปทั้ง12ราศียังบ่งบอกว่าลักษณะพระอังคารเด่นจะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เพราะมีลักษณะขี้เบื่อ เปลี่ยนแปลงง่าย ถึงขั้นที่คนที่ได้อาทิตย์-พฤหัสเด่นแต่มีอังคารอยู่ร่วมในวงจรตรีโกณเมษ-สิงห์-ธนู ก็จะไม่อ่านว่าได้พฤทธิเกณฑ์เนื่องจากพระอังคารจะทำให้ความสำเร็จที่ได้รับมากลับเสียหายไปได้
ขณะที่พระพุธไม่ได้ถูกยกย่องเท่าใดนัก เนื่องจากพระพุธเป็นลูกชายของพระอาทิตย์และพระจันทร์ ย่อมต้องเชื่อฟังบิดามารดาว่าจะดึงไปข้างใด
เรื่องตำแหน่งพระอาทิตย์-พระจันทร์(Moon phase) จึงเป็นเรื่องสำคัญในแปลความหมายพระพุธ (พ่อแม่ดีร้ายต่อกันส่งผลถึงลูก)
รวมถึงตำแหน่งพระอาทิตย์-พุธ
พระพุธเป็นลูกติดพ่ออยู่ห่างอาทิตย์ไม่เกิน 28 องศา ถ้าอยู่ห่างภายใน 10 องศาจากอาทิตย์เรียกว่าพุธดับ กลายเป็นลูกแหง่ หมดคุณสมบัติในการมีความหมาย ต้องเอาอาทิตย์มาอ่านแทน
ถ้าอยู่ห่างพระอาทิตย์สักราว20องศาขึ้นไปถึงเพ็ญจะแสดงออกซึ่งความเป็นพุธ ถ้าอยู่หน้าอาทิตย์เห็นหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นลูกหนีพ่อมาเที่ยวปฏิภาณดีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง อยู่หลังพระอาทิตย์เห็นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เป็นลูกเชื่อฟังพ่อความจดจำดี ผู้ใหญ่ว่าอะไรก็ว่าตาม
ความเจริญรุ่งเรืองของดวงชะตาจึงไม่สามารถพิจารณาได้จากตำแหน่งพระพุธเป็นสำคัญ แต่ขึ้นกับพระอาทิตย์-พระจันทร์ผู้เป็นพ่อแม่นั่นเอง
กลับมาที่กฎผู้นำทั้ง 21 ข้อก็จะมีคนสงสัยว่าหากกฎเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ที่กล่าวขึ้นมาเป็นจริง จะไม่ขัดกับทัศนะของผู้เขียนหนังสือหรอกหรือว่าคุณสมบัติผู้นำเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ และจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าตอบตามหลักการทางโหราศาสตร์ก็ต้องกล่าวว่า จำเพาะผู้มีเกณฑ์โดดเด่นในดวงชะตาเท่านั้นสามารถฝึกฝนได้อย่างสม่ำเสมอ จนถ้าได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้เขาอาจรู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นเพียงสามัญสำนึกที่อยู่ในใจ เพียงแต่คนเขียนหนังสือได้อธิบายในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว แต่ไม่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดเท่านั้น
ในขณะที่สำหรับคนธรรมดาสามัญทั่วไปหากอ่านหนังสือจบแล้วในช่วงเวลาเหมาะสมที่ดาวจรมาให้คุณ อาจรู้สึกตื่นเต้นเห็นเป็นองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าต่อการนำไปปฏิบัติ
ขณะที่คนอีกจำนวนมากที่อ่านหนังสือนี้จบลง (หรืออาจไม่จบ) อาจเห็นเป็นเพียงอาหารสมองมื้อหนึ่ง
โหราทาส
๗ มกราคม ๒๕๖๔
15 บันทึก
10
9
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
หนังสือ
15
10
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย