15 ม.ค. 2021 เวลา 09:00 • ท่องเที่ยว
นอน POSHTEL ดื่มเพลง JAZZ และฟัง COCKTAIL ที่ KORAT
Poshtel มาจากคำว่า posh ที่แปลว่า โก้หรูดูดี เมื่อนำมารวมกับคำว่า hostel จึงกลายเป็น poshtel ที่พักสไตล์แบบ hostel แต่เรียบหรูขึ้น พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ซึ่งในคืนพิเศษอย่างคืนวันเสาร์ จะมีบาร์ Jazz ที่เขากล้าบอกว่า ตัวเองคือบาร์ Jazz ลับแห่งเดียวในโคราช และ Cocktail นานาชนิดที่มาจาก Bartender ผู้ฝึกฝนฝีมืออยู่สม่ำเสมอ
เราจะพาทุกคนไปลองประสบการณ์พิเศษด้วยการนอน Poshtel ดื่มเพลง Jazz และฟัง Cocktail ที่ Within Korat - Mixology Cafe x Poshtel
บาร์ Jazz วันเสาร์ตอนสองทุ่ม
“ดนตรีจะเริ่มสองทุ่มนะคะ คุณลูกค้าจะลงมาที่บาร์ประมาณกี่โมงดี?” Reception สาวเอ่ยถามเราด้วยน้ำเสียงสดใส และคงเพราะเธอสังเกตได้ว่าเราน่าจะนึกไม่ออก เธอจึงเสนอเวลาทุ่มครึ่งให้เรา ซึ่งเราตอบตกลงทันทีแบบไม่ต้องคิด
Withinkorat - mixology cafe x poshtel ในคืนวันเสาร์ที่แต่งแต้มสีสันของบาร์ด้วยดนตรีJazz
Within Korat เป็นโรงแรมตลอดเวลา เป็น café ในตอนกลางวัน เป็น Bar ในตอนกลางคืน และที่สำคัญที่สุดมันเป็น บาร์ Jazz ในคืนวันเสาร์ เราทำการจองที่พักและสำรองที่นั่งสำหรับฟังดนตรี Jazz มาแล้วล่วงหน้าจาก Line Official ของที่นี่ การมาโคราชในสัปดาห์นี้ เป็นการมาเพื่อเริ่มต้น New Year’s Resolution ของเราในปี 2021 และการเล่าเรื่องราวที่เราเก็บเกี่ยวได้จากที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนั้นด้วย
“ดนตรี Jazz คืออะไร”
ในฐานะคนที่ฟังเพลงมาแต่เฉพาะที่ Spotify จะจัดมาให้ เราขอตอบเลยว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน มีคนบอกว่า Jazz มันฟังยาก ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจริงมั้ย และก่อนที่เราจะจองที่พักและมาฟัง Jazz ที่นี่ เราไม่เคยตั้งใจไปฟัง Jazz ที่บาร์ไหนมาก่อนเลย เราเลยทำการบ้านง่ายๆ ด้วยการเปิด Google และคำตอบที่ได้ก็ไม่ช่วยให้เราเข้าใจ Jazz มากขึ้นเท่าไหร่ แต่มีอยู่คำตอบนึงที่สะกิดใจเราและทำให้เราหยุดตั้งคำถาม คำตอบนั้นตอบในทำนองว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราตั้งใจฟังดนตรี Jazz เพื่อหาความหมายของมัน เมื่อนั้นดนตรี Jazz ก็จะฟังยาก ปล่อยให้ดนตรีบรรเลงโดยที่เราใช้ชีวิตตรงหน้าไปเรื่อยๆ โดยมีมันเป็น background น่าจะดีกว่า เออว่ะ...เราลองฟังดนตรีแบบนั้นดูบ้างดีกว่า ปล่อยให้เพลงบรรเลง และเราจดจ่อกับเรื่องราวตรงหน้าในขณะนั้น...
การพูดคุยกับ Bartender ผ่าน Cocktail ที่เธอทำ
Bartender หลักในค่ำคืนนี้ เป็นสาวผมสั้นผู้ที่บอกกับเราว่า เธอไม่ค่อยชอบหน้าตาของตัวเองเท่าไหร่ เก้าอี้หนึ่งในหกตัวที่ตรง Counter Bar ด้านหน้าของ Bartender สาวคนนั้น เป็นที่นั่งของเราในค่ำคืนนี้ ขวดเหล้าหลากยี่ห้อวางเรียงรายบนตู้ด้านหลัง กลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้ที่ถูกเบิร์นจนกลายเป็นผลึกน้ำตาลสีใสบนเนื้อ lemon ชิ้นบางส่งกลิ่นหอม และเสียงของ Shaker นั้น เป็นงานศิลปะชั้นเลิศที่แสดงต้อนรับเราเป็นการแสดงแรก ก่อนจะได้ชมก้อนกลุ่มนักดนตรี Jazz ในการแสดงถัดไป ผลึกน้ำตาลสีใสถูกประกับบนเครื่องดื่มแก้วแรกเพื่อเสิร์ฟให้กับลูกค้าคนก่อนหน้าเรา...
“สีผมใหม่หรอ?” Bartender สาวเอ่ยทักขึ้น “คราวก่อนไม่ใช่สีนี้นี่...” เธอทักถึงสีผมสีใหม่ของเรา เธอทักได้ถูกต้องไม่มีอะไรผิดพลาด และเธอก็จำได้ถูกต้องด้วยว่า “Cocktail สีส้ม” คือเมนูที่เราเคยสั่งในค่ำคืนเนิ่นนานคืนหนึ่งที่เราเคยมาที่นี่ Bartender สาวบอกกับเราว่า
เธอพยายามจดจำลูกค้าให้ได้ทุกคน รวมไปถึงจดจำเครื่องดื่มที่ลูกค้าแต่ละคนชอบด้วย
อืม... Bartender เขาใส่ใจกันแบบนี้ทุกคนมั้ยนะ...
“วันนี้ดื่มอะไรดี? คราวนี้อยู่ให้ถึงบาร์ปิดเลยนะ คราวก่อนอยู่แปปเดียวเอง” เธอถามถึงเมนูที่เราจะดื่ม วันนี้เรามีโควตาในการดื่มสามแก้ว นี่คือโจทย์การดื่มที่เราได้รับสำหรับคืนนี้ เพราะมันคือ Package ที่โรงแรมจัดให้กับลูกค้าที่จองเข้าพักกับทางโรงแรมโดยตรง โดยลูกค้าจะได้สิทธิในการเลือกดื่มกาแฟหรือ Cocktail ในราคาพิเศษ
เราไม่ใช่คนที่มีความรู้ทั้งในเรื่องของกาแฟและ Cocktail แต่เราชอบการดื่มเครื่องดื่มพวกนี้นะ การสร้างสรรค์เมนูของทั้งสองอย่างมันเหมือนการสร้างสรรค์งานศิลปะ การได้นั่งหน้าบาร์แล้วจ้องมองไปที่ Barista และ Bartender ในขณะที่พวกเขากำลังสร้างสรรค์เครื่องดื่มแต่ละเมนูมันเหมือนเรากำลังชมศิลปินที่กำลังสะบัดพู่กันลงบนผืนผ้าใบ นอกจากนั้น เรายังได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้า บางครั้งก็เหมือนเราจะหลุดเข้าไปอยู่ในบทสนทนาเกี่ยวกับชีวิตของกันและกันด้วย เสน่ห์ของ Barista และ Bartender ก็คือ ยามที่พวกเขาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องดื่มแต่ละแก้วที่ทำขึ้น เราว่าเขาภูมิใจกับทุกแก้วที่ทำขึ้นนะ ถ้าคุณไม่เชื่อลองสังเกตแววตาของพวกเขาเวลาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเครื่องดื่มดูสิ
Cocktail No.1 Cocktail of Conflict
ช่วงเวลาสามสิบนาที ก่อนที่วงดนตรี Jazz จะมา โจทย์แรกที่ Bartender สาวได้รับจากเรา คือ “Cocktail ที่มีรสชาติของความขัดแย้ง” ซึ่งที่มาของโจทย์นี้มาจากเรื่องราวที่เราคุยกันหน้าบาร์นั่นเอง เราคุยกันถึงเรื่องการเมือง เรื่องของราชา เราก็เลยนึกถึงโจทย์นี้ขึ้นมา เราบอกกับ Bartender ว่า เราอยากให้เครื่องดื่มแก้วนี้บอกเล่าเรื่องราวของความขัดแย้งผ่านสายตาของเธอ ดูเหมือนโจทย์นี้จะไม่ยากเท่าไหร่สำหรับ Bartender สาวของเรา เราเลือกให้เครื่องดื่มแก้วแรกเป็นแบบ Refreshing (หมายถึง Cocktail ที่เน้นความสดชื่น)
เธอเริ่มจัดแจงและลงมือสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นนี้อย่างตั้งใจ เสียง Shaker ดังคลอไปกับเสียงดนตรี และเมื่อเธอจัดแจงรินเครื่องดื่มลงแก้ว เราจึงได้สังเกตเห็นชั้นสีแดงๆ ที่ก้นแก้ว เธอบอกว่าชั้นสีแดงที่เราเห็นคือ “syrup กระเจี๊ยบ” และด้านบนคือชั้นของเหล้า เธอบอกกับเราว่า เธอใช้ syrup กระเจี๊ยบที่ด้านล่างสุด ส่วนบนคือส่วนของเหล้าอะไรสักอย่าง โดยมี Ricard ทำหน้าที่ประสานทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน เมื่อเราทำการคน เธอบอกกับเราว่า มันเหมือนอะไรสักอย่างที่เข้ามาแก้ไขความขัดแย้ง ซึ่งสำหรับเรามองว่า Ricard คือ ความเข้าใจน่ะนะ
ในส่วนของรสชาติ Bartender สาวของเรา ตีความรสชาติของความขัดแย้งออกมาดีนะเราว่า ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ของเครื่องดื่มที่แสดงความขัดแย้งออกมาอย่างซึ่งหน้า แต่รสชาติเองก็มีความขัดแย้งด้วย มันเหมือนจะกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว แต่ไม่เลย ความขมเบาๆ ของเหล้าและความฝาดเล็กน้อยของ Ricard ที่ติดค้างในลำคอ แม้ว่าพวกมันจะลงท้องของเราไปแล้วก็ตาม ความหวานของ syrup กระเจี๊ยบที่พยายามแสดงตัวเองมาติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากของเรา เหมือนกับว่าทั้งหมดจะเป็นเนื้อเดียวกันในตอนที่เราคน แต่เมื่อดื่มไป มันก็มีความแตกต่างกันของรสชาติอยู่ดี Cocktail แก้วนี้ Bartenderของเราไม่ได้ตั้งชื่อ...
Cocktail หมายเลข 1 - Cocktail ที่มีรสชาติของความขัดแย้ง
Cocktail No. 2 is coming
ระหว่างการละเลียดดื่มเครื่องดื่มแก้วแรก นักดนตรี Jazz ศิลปินผู้ที่จะมาเปลี่ยนบาร์ธรรมดาของเราในค่ำคืนนี้เป็นบาร์ Jazz ก็เดินทางมาถึง พวกเขาจัดแจง Setting เครื่องดนตรี เทส ๆ โหลๆ หนึ่งสองสาม จากนั้นเสียงของเพลง Jazz แรกก็ดังขึ้น ... เราไม่รู้ว่ามันคือเพลงอะไร แต่เราว่า มันฟังง่ายอยู่นะ มันเบา และไม่ลึกล้ำ แบบที่เราคาดคิดเอาไว้ตอนแรก อาจจะเพราะว่า เขาตั้งใจเล่นให้มันฟังง่ายด้วยหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ แต่มันทำให้บรรยากาศในบาร์ดีขึ้นแบบที่รู้สึกได้ชัดเลยล่ะ ความรู้สึกแบบที่เรากำลังพายเรืออยู่ในทะเลสาบยามพลบค่ำที่มีลมพัดเบาๆ
ต่อมาเป็น Cocktail No.2 Bartender สาวทิ้งช่วงให้เราได้คิดโจทย์สำหรับ Cocktail แก้วนี้นานอยู่พอสมควร เครื่องดื่มแก้วนี้เป็นแก้วที่สองซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเครื่องดื่มแก้วแรกและแก้วสุดท้าย เราคิดเอาไว้ว่ามันน่าจะเป็นเครื่องดื่มที่บอกเล่าเรื่องราวของคนชั้นกลาง คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในระบบภาษีของรัฐ Bartender สาวคิ้วขมวดเล็กน้อย ตอนได้ยินว่า เธอจะต้องทำเครื่องดื่มแบบไหน เราว่าเธอเริ่มคิดหนัก กับโจทย์ที่ว่า “Cocktail ที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของคนชั้นกลาง” ลูกค้าอีกคนที่นั่งถัดไปถึงกับหันมาบอกพวกเราว่า อยากลองดื่มด้วย มันคงเป็นรสชาติของการถูกกดทับสินะ ....
แม้ว่า Bartender สาวของเราจะแอบคิดหนักเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็หันไปหยิบเหล้าด้านหลังออกมาสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่อไป ได้อย่างรวดเร็ว ... เสียงดนตรีของศิลปินเพลง Jazz ดังประกอบไปกับลีลาการชงเหล้าของศิลปินอีกคนที่หน้าบาร์ มันเหมือนกับว่า นี่เป็นฉากการแสดงอะไรสักอย่างบนเวทีเล็ก ๆ ที่มืดสลัว กลิ่นหอมของผิว lemon ที่ถูกเบิร์นเบาๆ และ Cocktail แก้วที่สองของเราก็พร้อมเสิร์ฟ...
“The pain of the middle class” คือ Cocktail แก้วที่สองของเราท่ามกลางดนตรี Jazz ในค่ำคืนนี้
กลิ่นของ Cocktail แก้วนี้ มันเต็มไปด้วยความสดใสนะ มันหอม lemon สีสันเหมือนเหล้าที่ชงดื่มในวงเหล้าหน้าบ้าน แต่รสชาติขม ขมแบบตรงไปตรงมา รสเปรี้ยวเล็ก ๆ แทบจะถูกกลบมิด Bartender สาวบอกกับเราว่า เธอตีความความเจ็บปวดออกมาเป็นความขม มันคือความขมขื่น มันเหมือนกับว่าเราจะสดใสในตอนที่เรากำลังใช้ชีวิต แต่จริง ๆ ไม่เลย เมื่อเราใช้ชีวิตไปสักพัก มันขมขื่นแบบสุดๆ
Cocktail แก้วนี้มาจาก Vodka สูตรของทางร้าน ที่ได้จากการนำไปผสมกับ lemon ความขมมาจากผิวของผิวของ lemon จากนั้นนำมาผสมเข้ากับเหล้ารัม รินลงบนน้ำแข็งก้อนใหญ่ on the rock แม้จะหอมสดใสมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย แต่มันก็ขมขื่น เราว่า ในยามที่เราเจ็บปวดกับชีวิตที่ไร้ทางเลือก เราจะดื่มเหล้า จริงมั้ยนะ...
เรานั่งดื่ม Cocktail แก้วที่สองนี้ต่อไป พร้อมกับสั่งปีกไก่ทอด spicy มาเยียวยาความเจ็บปวด นักดนตรี Jazz ของเราพักครึ่งทาง ปล่อยให้เพลงใน Playlist ของร้านกล่อมเหล่านักฟังและนักดื่มไปพลาง ในตอนนี้ Bartender สาวของเรา ยังคงถามไถ่ถึงโจทย์ Cocktail แก้วต่อไปเป็นระยะ ไม่รู้ว่าเธอสนุกหรือกดดัน แต่เราว่าการสั่ง Cocktail ในค่ำคืนนี้ มันเหมือนเป็นการสื่อสารกันในฐานะของคนอยากดื่มกับ Bartender เกี่ยวกับเรื่องราวของการเมืองและสังคม ด้วยการตีความออกมาเป็นรสชาติของ Cocktail แต่ละแก้ว
ไม่นานนักหลังจากพักครึ่งทาง ดนตรี Jazz ก็กลับมาบรรเลง ประกอบบรรยากาศของบาร์อีกครั้ง พร้อมกับการเดินทางมาถึงช่วงท้ายของค่ำคืนนี้ เพลงแรกที่พวกเขาเริ่มต้นบรรเลง เป็นเพลงที่เราคุ้นหู สามารถฮัมตามเบาๆ ได้แบบไม่คาดคิด และเท่าที่หน่วยความจำในสมองจะสามารถขุดค้นมาได้ เราน่าจะเคยฟังเพลงนี้จาก Playlist หนึ่งใน Spotify ของเรา และนั่นน่าจะเป็นเพลงเดียวในคืนนี้ที่เราคุ้นหู
Cocktail หมายเลข 2
The last one in the night
ความจริงแล้ว เราคิดโจทย์ของ Cocktail แก้วสุดท้ายนี้ได้ตั้งแต่ดื่ม Cocktail แก้วแรก แต่แล้วเราก็คิดว่า มันไม่สะท้อนตัวตนหรือเรื่องราวของ Bartender สาวผู้เป็นเกียรติชงเหล้าให้เราในค่ำคืนนี้เอาเสียเลย ดังนั้น เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนโจทย์ใหม่ในตอนท้าย และมอบให้มันเป็นส่วนของการบอกเล่าเรื่องราวของตัว Bartender เอง นั่นก็คือ “New years’ Resolution 2021” เราอยากให้เป็นแก้วสุดท้ายของค่ำคืนที่ทิ้งเอาไว้ด้วยการทบทวนตัวเองว่าในปีต่อไป เราจะทำอะไร หรืออยากลองใช้ชีวิตแบบไหน
“New Years’ Resolution 2021” คือ Cocktail ที่บอกเล่าเรื่องราวความตั้งใจของ Bartender ถึงเครื่องดื่มหรือความตั้งใจของเธอ ในปี 2021 นี้ มันจะออกมาเป็นเครื่องดื่มแบบไหนกันนะ ในครั้งนี้เราได้เห็น Bartender ของเราครุ่นคิดหนักกว่าที่เคย เหมือนว่าเธอจะนิ่งคิดอยู่นาน แต่แล้วสุดท้ายก็เหมือนแก้วที่ผ่านมา เธอสวมวิญญาณศิลปิน หยิบเหล้าในตู้ออกมาเตรียมการ และดูเหมือนว่าเธอจะตั้งใจเอามาก ๆ กับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้
Cocktail หมายเลข 3 ในโดมใสควันฉุย
Cocktail แก้วนี้ดูเหมือนจะอลังการกว่าเดิมเล็กน้อยนะ ... หน้าตาของแก้วเหล้าที่วางอยู่ในโดมที่รมควันด้วยใบ Rosemary เผา ทันทีที่เปิดโดมนั่นออก ควันหอมๆ ของ Rosemary คละคลุ้ง.... และนี่คือเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายของเราในค่ำคืนนี้ “The New Years’ Resolution of my Bartender” เธอบอกกับเราว่า มันคือเครื่องดื่มที่บอกให้เรารู้ว่า เราได้เติบโตขึ้นแล้ว เราจะเข้มแข็ง และยังคงความอ่อนโยนเอาไว้อีกเล็กน้อย
เครื่องดื่มแก้วนี้ ประกอบไปด้วย Whisky, Soda และ Syrup อีกเล็กน้อย ด้วยความที่เราเลือกให้เครื่องดื่มแก้วสุดท้ายเป็นแบบ Spirit-forward ดังนั้น Cocktail แก้วนี้จึงมาในรสชาติที่ค่อนข้างเข้ม รสชาติขมแปร่งปร่าแต่เจือหวานเล็กน้อย เข้มข้น เหมาะแก่การเป็นแก้วปิดท้ายก่อนนอน และเป็น Cocktail แห่งการเติบโตของ Bartender ของเราด้วย
Cocktail แก้วนี้ Bartenderของเราตั้งชื่อว่า “ไฟไหม้” (what?)
การแสดงของศิลปิน Jazz ของเราในค่ำคืนนี้จบลง เรียกเสียงปรบมือได้จากนักฟังและนักดื่มทุกคน ผู้คนทยอยกลับบ้าน หน้าบาร์กลับเข้าสู่บรรยากาศแรกในตอนร้านเปิด และเช่นกัน เมื่อเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายในมือหมดลง เราก็ต้องโบกมือลา Bartender สาวของเราในค่ำคืนนี้ แน่นอนว่า เราไม่ลืมค่าตอบแทนเล็กน้อยสำหรับความทุ่มเทใส่ใจของ Bartender สาว
“ครั้งนี้เราอยู่จนบาร์ปิดเลยนะ”
เรื่อง-ภาพ : เราเอง
ฝากกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
ถ้าหายไปนาน คอมเมนต์ตามเราด้วย
โฆษณา