9 ม.ค. 2021 เวลา 19:01 • นิยาย เรื่องสั้น
เริ่มต้นอาชีพแรกของฉันกับงาน Sale Executive

Part III - ขายอะไร ขายให้ใคร ขายอย่างไร
Part III ขายอะไร ขายให้ใคร ขายยังไง
อย่างที่เคยเกริ่นๆไปนิดนึง เราเป็นเซลล์ขายสินค้าอินทีเรียค่ะ ตัวอย่างสินค้า เช่น พรมดักฝุ่น จริงๆแล้วมีขายหลายอย่างเลย แต่พรมดักฝุ่นเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด
บริษัทเรามีโรงงานเล็กๆ ผลิตสินค้าเอง Product Made in Thailand จากคนงานเมียนมาร์ มีหัวหน้าคนงานที่คุมโรงงานเป็นคนไทย โรงงานตั้งอยู่แถบชานเมือง โรงงานเป็นทั้งที่ผลิตสินค้าและเป็นทั้งห้องแถวที่พักของคนงานเมียนมาร์สิบกว่าชีวิต
โรงงานกับออฟฟิศอยู่แยกกัน แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก ขับรถ 20 นาทีก็ถึงแล้ว
งานบริหาร การซื้อขาย เอกสารจะจัดการในออฟฟิศ มีเซลล์ออกไปหาลูกค้า ไปวางสเปค มีบัญชีตามเก็บเงิน พอจบซื้อขายแล้ว แล้วก็เป็นหน้าที่ของทีมโรงงานที่ต้องรับผิดชอบคำสั่งซื้อต่อ โดยคนงานผลิตจะผลิตพรมขนาดตามสั่ง แล้วคนงานทีมผลิตนี่แหละ ก็ไปเป็นช่างที่เข้าไปติดตั้งพรมตามโครงการต่างๆ
หลายคนอาจจะสงสัย ทำไมพรมต้องติดตั้งด้วย เพราะมันเป็นพรมแบบที่ฝังไปกับพื้น พอเดินแล้วจะเสมอไปกับกระเบื้อง ลองสังเกตตอนเราเดินเข้าประตูห้างเซนทรัล นั่นแหละค่ะ แบบนั้นเลย ก็เลยต้องมีช่างจากเราเข้าไปติดตั้งงานโดยเฉพาะ
คนงานเมียนมาร์ที่โรงงานทำงานให้สารพัดจริงๆค่ะ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
ถ้ามองธุรกิจนี้เป็นร่างกาย คนงานเมียนมาร์คงเป็นกระดูกสันหลังให้ ร่างกายจะทำงานต่อไปไม่ได้ ถ้าขาดกระดูกสันหลังที่คอยค้ำจุนโครงหลักให้ ทั้งที่คนงานมีความสำคัญขนาดนี้ แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีความเป็นอยู่ที่ลำบากสุดๆ เหมือนเป็นฐานพีระมิดชั้นล่างสุด ถัดมาเป็นพนักงานในออฟฟิศ แล้วบนยอดพีระมิดคือผู้ประกอบการที่ยืดกอดอก
หัวหน้าคนงานเป็นคู่สามี-ภรรยา คนไทย คุมคนงานเมียนมาร์ประมาณสิบกว่าคนในโรงงาน มีหมาหนึ่งตัวชื่อ “แบ๊ว” เอามาคอยเฝ้าโรงงาน แบ๊วเป็นหมาสีน้ำตาล อ้วน ขาสั้น ขี้อ้อน ชอบกินไอติมไผ่ทอง เราเคยลูบหัวแบ๊วสักสองที แบ๊วก็นอนหงายให้เกาท้องอย่างง่ายดาย นี่น่ะหรือ..หมาที่เฝ้าโรงงาน
กลับมาที่การทำงานของเราต่อกันค่ะ เรามีหน้าที่ทั้งการวางสเปค และการขายสินค้า
เริ่มจากการวางสเปคก่อน การวางสเปคคือการเข้าไปคุยกับผู้ออกแบบ หรือสถาปนิก ที่ทำงานเราเค้าเรียก “ผู้ออกแบบ” กันน่ะค่ะ ให้ลงสินค้าเราไว้ในแบบ เราที่เป็นเซลล์ขายพรม ก็ต้องเข้าไปนำเสนอวัสดุของบริษัทกับผู้ออกแบบ ให้ผู้ออกแบบเห็นว่าโปรดักส์ของเราดีนะ เลือกพรมของเราไปอยู่ในแบบสิ
และเมื่อผู้ออกแบบเลือกวัสดุเรา และเขียนคุณสมบัติของสินค้าเราลงในแบบแล้ว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการเข้าไปวางสเปคแล้ว เหลือแค่เวลาที่ใช้งานจริง ลูกค้าก็จะติดต่อมาซื้อเอง
หลักจากนั้น แบบจากผู้ออกแบบจะถูกนำไปประมูลหาบริษัทรับเหมาที่รับโครงการนี้ ซึ่งบริษัทจะรับเหมาก็ทำการสร้างโครงการนั้นให้เกิดขึ้นจริง อิงจากแบบที่ผู้ออกแบบลงไว้ เลือกวัสดุตามแบบที่ผู้ออกแบบวางไว้
ผู้รับเหมาก็จะเป็นผู้ติดต่อบริษัทซัพพลายเออร์ที่ขายสินค้า หน้าที่ของเซลล์ในขั้นตอนนี้คือ การให้ความรู้การติดตั้งโปรดักส์ หรือว่าเข้าไปดูหน้างาน จัดการเอกสารซื้อขาย ดูแลไปจนส่งมอบสินค้า หรือติดตั้งสินค้าเสร็จ
การไปหาผู้รับเหมาจะเราต้องเข้าไปที่ไซส์ก่อสร้างด้วย ก็จะมีความฝุ่นเยอะ คนงานเยอะ เดี๋ยวตอก เดี๋ยวทุบ เดี๋ยวขน ตอนไปครั้งแรกรู้สึกตัวเองเกะกะไปหมด อยู่ผิดที่ผิดทาง ก่อนเข้าไซส์จะต้องผ่านการตรวจการแต่งกายจากยามข้างหน้า มองไล่ลงมาตั้งแต่หัวยันเท้า ใส่หมวกวิศวะ รองเท้าผ้าใบ แต่งตัวทะมัดทะแมงเข้าไป
เคยได้มีโอกาศขึ้นลิฟท์คนงานด้วยค่ะ เป็นลิฟท์โปร่งๆ ตอนขึ้นลิฟท์เห็นหมดว่าขึ้นไปถึงชั้นไหนแล้ว ลมพัดแรงแล้วลิฟท์ขยับตามแรงลม เห็นวิวเหมือนลิฟท์แก้ว แต่เสียวใส้ระดับบันไดลิงเลย
นี่คือโครงการที่ต้องขึ้นลิฟท์คนงานไป ด้านบนจะเป็นวิวทะเลประมาณนี้
ก็จะเห็นว่ากว่าจะปิดแต่ละโครงการ ใช้เวลาค่อนข้างนานเลย ใช้เวลาตั้งแต่เข้าไปวางสเปก ลงแบบ จนผู้รับเหมามาซื้อ แต่ละโครงการกินเวลาไปหลายปี บริษัทเลยแบ่งเป็นทีม ทีมวางสเปคก็เน้นเข้าไปพบผู้ออกแบบอย่างเดียวเลย ทีมเซลล์ก็เข้าไปหาผู้รับเหมาอย่างเดียวเลย เราเป็นน้องใหม่เลยมีโอกาสได้ลองทั้งสองขา ค่อยๆเรียนรู้งานไปว่าชอบงานฝั่งไหน แล้วค่อยไปทำขาที่ตัวเองถนัด
วันนี้ขอจบตอนนี้ไว้เท่านี้ก่อนนะ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ ถ้ามีส่วนไหนอยากจะแนะนำ พิมมาบอกเราตรงคอมเมนท์เลยนะคะ ยินดีจะรับฟังมากๆค่ะ
โฆษณา