9 ม.ค. 2021 เวลา 02:27 • หนังสือ
ประเดิมเล่มแรกเป็นหนังสือ How to ที่ผมชอบมากเล่มนึงเพราะมีประโยชน์มากๆ เลยอยากมาแชร์ หนังสือเล่มนี้เกิดจากการแก้ปัญหาเวลามีงานหลายๆอย่างที่เราต้องทำ จนเราไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนอะไรหลัง ทั้งในด้าน การงาน เงิน ครอบครัว สุขภาพ แต่เราชอบคิดว่าสักวันเราต้องได้ทำมันทั้งหมดนั่นแหละ ซึ่งบอกเลยคุณคิดผิด เพราะเราไม่มีเวลามากพอที่จะทำทุกสิ่ง ถ้าให้เวลากับสิ่งนึงอีกด้านนึงจะเหลือเวลาลดลง จริงมั๊ย ? ดังนั้นเราควรเลือกทำสิ่งที่มันสำคัญกับชีวิตเราจริงๆ และตัดทิ้งบางงานออกไป
ไบรอัน เทรซี่ หนุ่มคนหนึ่งได้ต้องการที่จะค้นหาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเอง เค้าทดลองค้นหาวิธีต่างๆมาเป็นเวลากว่า 30 ปี จนเค้าค้นพบกฎข้อสำคัญในการทำให้ชีวิตพัฒนาอย่างรวดเร็วนั่นก็คือ “ความสามารถในการจดจ่ออย่างแน่วแน่กับภารกิจที่สำคัญที่สุด โดยพยายามทำมันให้ดีและสมบูรณ์ คือกุญแจดอกสำคัญที่ไขประตูไปสู่ความสำเร็จ” หลายๆแนวคิดเล่มนี้โฟกัสไปที่ด้าน ยกระดับความสามารถ ประสิทธิภาพและผลงานของเรา โดยผ่านกล่องเครื่องมือต่างๆที่ผมจะย่อยให้คุณ ดังนี้
• #สร้างเป้าหมายให้ชัดก่อน ว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร โดยเขียนเป้าหมายออกมาเป็นข้อๆ แล้วระบุเส้นตาย พร้อมทั้งแปลงเป้าหมายนั้นๆออกมาเป็นงานที่คุณต้องทำว่ามีอะไรบ้าง
• ถ้าจะเลือกระหว่างสองงาน ให้เลือกงานที่ ยากและงานที่สำคัญกับชีวิตก่อน
• ไม่ว่าจะงานอะไรที่เราตัดสินใจว่าจะทำแล้ว ให้ทำเลย ไม่ต้องรีรอ เรื่องนี้ทางไม่มีทางลัด ต้องฝึกอย่างเดียวเท่านั้น
• วางแผนแต่ละวันไว้ล่วงหน้า เพราะ “1 นาทีที่คุณวางแผนนั้นจะช่วยประหยัดเวลาได้ถึง 10 นาทีเลยทีเดียว” โดยเทคนิคคือ ระบุสิ่งที่ต้องทำล่วงหน้า 1 คืน เพราะจิตใต้สำนึกของคุณจะง่วนอยู่กับสิ่งเหล่านั้นตลอดทั้งคืนขณะคุณหลับ แบบว่าตื่นมาตอนเช้าเราก็จะรู้งานทันที 55
• งานที่สำคัญ 20% จะให้มูลค่ามากถึง 80% ดังนั้นเลือกงานที่สำคัญที่สุด ที่สำคัญกับชีวิต และจดจ่อกับมันไปก่อน จนกว่างานนั้นจะทำเสร็จ โดยกฎข้อสำคัญคือ “ต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำงานที่ไม่สำคัญก่อน”
• #ความจริงหนึ่งข้อคืองานสำคัญมักจะใช้เวลาพอๆกับงานที่ไม่สำคัญ แต่ถ้าทำงานสำคัญสำเร็จจะรู้สึกภูมิใจและพอใจอย่างล้นเหลือ ดังนั้นไม่ควรเสียเวลากับงานไม่ได้ช่วยให้เปลี่ยนแปลงชีวิต หรือเข้าใกล้เป้าหมาย
• ดร. เอ็ดเวิร์ด แบนฟิลด์ ได้ให้ข้อสรุปว่า “มุมมองระยะยาว” เป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำที่สุดว่าคนคนหนึ่งจะยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของตนได้ขึ้นมาหรือไม่ โดยทัศนคติและเป้าหมายระยะยาวนั้น มีความสำคัญมากกว่า การศึกษา เชื้อชาติ และสติปัญญาเสียอีก ดังนั้นการคิดระยะยาวจะทำให้การตัดสินใจระยะสั้นดีขึ้น โดยคนที่ประสบความสำเร็จจะมีภาพในอนาคตที่ชัดเจน แล้วเค้าจะรู้ว่าการกระทำใดที่ทำให้เค้าเข้าใกล้ภาพนั้น และการกระทำใดที่ผลักให้เค้าออกห่างจากภาพความสำเร็จนั้น
• 1 กฎที่ต้องยอมรับคือ “เราไม่มีเวลาพอที่จะทำทุกสิ่ง แต่เรามีเวลาพอที่จะทำสิ่งที่สำคัญที่สุด”
 
• เราอาจคิดว่าเส้นตายที่เร่งรัดจะทำให้คนทำงานได้ประสิทธิภาพมากขึ้น แต่จากงานวิจัยพบว่าตรงกันข้ามเลย เราควรสร้างเส้นตายโดยเผื่อเวลาทุกๆขั้นตอนไว้ประมาณ 20% เผื่อความล่าช้า เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราจะทำงานได้อย่างไม่กดดันแล้วได้งานที่มีคุณภาพ
• คำถาม 3 ข้อเพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ อะไรคืองานที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน อะไรคือสิ่งที่มีแค่ฉันคนเดียวที่ทำได้ และอะไรคืองานที่จะเป็นการใช้เวลาของฉันอย่างคุ้มค่าที่สุด ณ ตอนนี้
• ฝึกใช้คำว่า “ไม่” กับงานที่ไม่สำคัญ โดยผลัดงานไม่สำคัญไปทำวันอื่น หรือให้คนอื่นทำแทนไปเลย เอาเวลาที่เหลือมาทำงานสำคัญจะดีกว่า ถือได้ว่าเป็นการผัดวันประกันพรุ่งอย่างสร้างสรรค์
• เทคนิคลำดับความสำคัญของงาน โดยใช้ ABCDE โดย A คืองานที่ต้องทำ สำคัญกับชีวิต B คืองานที่ควรทำ ทำแล้วจะดี C คืองานที่ทำก็ดีไม่ทำก็ได้ D คืองานที่ให้คนอื่นทำแทนได้ E คืองานหรือกิจกรรมที่ไม่ควรไปทำหรือตัดทิ้งไปเลย
• #จงระบุว่าตำแหน่งงานของเรานั้นมีหน้าที่หลักๆ คืออะไร ยกตัวอย่างเช่น ฝ่ายขาย หน้าที่หลักคือ การหาลูกค้า การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ การระบุความต้องการ การนำเสนออย่างดึงดูดใจ การขจัดข้อโต้แย้ง การปิดการขาย รวมถึงการขายซ้ำและการสร้างกระแสบอกต่อ แล้วหน้าที่หลักของคุณละ คืออะไร ระบุมันออกมา ถ้าคุณทำบางอย่างที่ไม่ตรงกับหน้าที่หลักของคุณ คุณจะได้รู้ตัว
• จงตอบคำถามนี้ “#ถ้ามีทักษะหนึ่งอย่างที่เมื่อฉันพัฒนาจนเชี่ยวชาญแล้วจะส่งผลกระทบในแง่บวกต่ออาชีพการงานมากที่สุด ทักษะนั้นน่าจะเป็นอะไร” เมื่อคุณตอบคำถามนี้จะทำให้ผลงานบางอย่างที่ยังไม่โดดเด่นอาจพัฒนาอย่างก้าวกระโดด อย่าเดินหนีสิ่งที่เรายังไม่ถนัด เพราะมันเป็นตัวฉุดตำแหน่งหน้าที่การงานของเราอยู่ก็เป็นได้
• บางที คำที่สำคัญที่สุดในโลกของการทำงานน่าจะเป็นคำว่า “การทำประโยชน์” เพราะยิ่งคุณสร้างผลงานและทำประโยชน์ให้กับบริษัทได้มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งได้รับรางวัลทั้งในแง่การเงินและจิตใจมากเท่านั้น
• “เมื่ออยู่ที่ทำงาน คุณภาพของเวลานั้นมีความสำคัญ แต่เมื่ออยู่ที่บ้านปริมาณของเวลานั้นกลับสำคัญมากกว่า” เวลาอยู่ที่ทำงานให้ตั้งใจทำงานให้เสร็จ แล้วเอาเวลาที่เหลือให้มากที่สุดไปอยู่กับครอบครัว
• เตรียมการให้พร้อมก่อนเริ่มงาน โดยการเตรียมพื้นที่ หรืออุปกรณ์ที่จำเป็น หรือจำนวนคน ให้พร้อมก่อนเริ่มงานจะทำให้ลดการผัดวันประกันพรุ่งได้ คติประจำใจของเค้าคือ ทำให้ถูกแค่ 80 เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยไปแก้อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ โดยไม่ต้องคาดหวังว่างานจะออกมาสมบูรณ์แบบในครั้งแรก เพราะการยึดติดกับความเพอร์เฟ็กจะทำให้คุณไม่กล้าลงมือทำ ลังเล จนไม่ได้ทำในที่สุด “ความน่ากลัวกว่าความล้มเหลวคือการกลัวว่าจะล้มเหลวแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย”
• #จับตามองถังน้ำมันทีละถัง บางทีการมองการใหญ่ที่เดียวอาจทำให้เราท้อได้ และตามด้วยความว่าล้มเลิก ดังนั้นเราควรแบ่งงานเป็นงานย่อยๆ หรือถ้าจะกินกบตัวใหญ่ เราก็ต้องกินไปทีละคำ มีเรื่องเล่าว่า เมื่อต้องการเดินข้ามทะเลทราย ชาวฝรั่งเศส จะทำเครื่องหมายไว้ตามเส้นทาง โดยวางถังน้ำมันขนาด 55 แกลลอนไว้ทุกๆ 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางจากจุดที่คุณยืนอยู่ไปยังเส้นขอบฟ้า ด้วยเหตุนี้เราจะเห็นถังน้ำมัน 2 ถังด้วยกัน คือถังที่เราเพิ่งเดินผ่านมาและส่วนอีกถังถัดไปอีก 5 กิโลเมตร แค่นั้นก็ไม่หลงทางแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือแค่มองหาถังน้ำมันถังต่อไปผลก็คือเราจะข้ามทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ เพียงแค่จับมองถังน้ำมันทีละถังเท่านั้นเอง!
1
• “จงทำงานของคุณแต่อย่าหยุดแค่งานของคุณ ให้ทำเกินไปอีกเล็กน้อย งานที่เพิ่มเพียงเล็กน้อยมีค่ามากกว่างานที่เหลือทั้งหมดเสียอีก”
• “ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณคือ การตัดสินใจให้ได้ว่าอะไรคืองานที่คุณรักจริงๆจากนั้นก็ทุ่มเทสุดชีวิตเพื่อทำงานนั้นให้ดีที่สุด
1
• #พัฒนาทัศคติในแง่บวก จากงานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 22 ปี พบว่าการมองโลกในแง่ดีเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คนเรามีความสุข รวมถึงประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เพราะดูเหมือนว่าคนมองโลกในแง่ดีจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคนอื่นๆในทุกๆด้าน เทคนิคเป็นคนมองโลกในแง่ดี คือ มองหาแง่มุมดีๆในทุกสถานการณ์ มองหาบทเรียนอันล้ำค่าจากทุกๆปัญหาและความล้มเหลว คนที่มองโลกในแง่ดีมักหาทางออกมากกว่าพร่ำบ่นและโทษคนอื่น และจดจ่อต่อเป้าหมายต่อไปไม่ไขว้เขวกับเรื่องเล็กน้อย
• นอกจากจะวางแผนไว้ล่างหน้าแล้ว 1 คืน เราควรกำหนดเวลาให้ชัดเจนว่าเวลาไหนเราจะทำอะไรแล้วลงมือทำจนเป็นนิสัย เช่น อ่านหนังสือ 5 นาทีตอนก่อนนอน ทุกวัน หรือออกกำลังกาย 15 นาทีตอน 7.00 ลงมือทำต่อไป ทุกวันๆ อย่างต่อเนื่อง จนสิ่งนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราโดยไม่ต้องฝืนทำ ถึงจุดนั้นเราจะเป็นคนกำหนดชีวิตของเราเอง
1
คงได้ความรู้กันไปไม่มากก็น้อยนะครับ ใครที่ชอบสรุปนี้ฝากกดไลค์ กดแชร์ เพจ THE BRIEFBOOK เป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ รอติดตามเล่มต่อไปใครมีเล่มไหนอยากให้สรุปแนะนำได้ใต้คอมเม้นนี้เลยนะครับ
1
ตอนนี้ THE BRIEFBOOK มี LINE Official แล้วนะครับ ❤
คลิ้กที่ลิงค์นี้ได้เลย ! >> https://lin.ee/35IQCbj
ดูแคตตาล้อกหนังสือเเนะนำของ THE BRIEFBOOK ได้ที่ : https://m.facebook.com/101021166915580/posts/1326454891038862/?d=n
<<<<<SEPARATOR<<<<<
โฆษณา