10 ม.ค. 2021 เวลา 07:34 • ท่องเที่ยว
Gelato (เจลาโต้) 🍦
เราเป็นคนนึงที่ชอบทานไอศกรีมมากๆและรู้ว่าที่อิตาลีขึ้นชื่อเรื่องไอศคกรีมมากเช่นกัน พอเราย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่พลาดที่จะไปลอง พอได้ลองแล้วบอกได้เลย อร่อยมากเลยคะ มันมีความเนียน นุ่ม ละมุนมากและรสชาติดีมาก เราเลยไปลองหาประวัติคร่าวๆมาอ่านดู
➡️GELATO (เจลาโต้) เป็นภาษาอิตาเลี่ยน มาจากคำว่า “frozen” หรือผลิตภัณฑ์แช่เยือกแข็ง เหมือนกับไอศกรีมทั่วไป โดยถือกำเนิดขึ้นที่อิตาลี ตั้งแต่ ศตวรรษที่16 และนับจากนั้นเจลาโต้ก็กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของวัฒนธรรมอาหารอิตาเลี่ยน โดยเชฟเจลาโต้แต่ล่ะคนจะมีสูตรเจลาโต้ของตนเอง เหมือนเป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเชฟแต่ละคนเลย
➡️สำหรับส่วนผสม
เจลาโต้มีส่วนประกอบหลักเป็น นม ส่วนไอศกรีมจะมีส่วนประกอบหลักเป็นครีม เจลาโต้จะใช้วัตถุดิบหลักเป็นพวกถั่ว ชีส และผลไม้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ หรือเติมสารกันเสียลงไป เพื่อรักษาคุณสมบัติเดิมของวัตถุดิบไว้
➡️ขอแตกต่างของเจลโต้กับไอศกรีมทั่วไป
1. เจลาโต้จะมีไขมันต่ำประมาณ 4-8% เน้นใช้วัตถุดิบสด เช่น ผลไม้ ถั่ว เจลาโต้แบบนมจะมีส่วนผสมของครีมน้อยกว่านม ทำให้เวลาทานเจลาโต้ไขมันจะน้อยกว่าไอศกรีมซึ่งมีไขมันสูง ลิ้นของเราจะได้รสชาติของส่วนผสมหรือวัตถุดิบอย่างชัดเจน และทำให้เนื้อสัมผัสของเจลาโต้มีความนุ่มละมุนลิ้นมาก
ส่วนไอศกรีมทั่ว ๆ ไป จะมีไขมันตั้งแต่ 14% ขึ้นไป ทำให้มีความครีมมี่ ทำให้ต้องใส่กลิ่นสังเคราะห์เพื่อเพิ่มรสชาติให้ไอศกรีม
2. เจลาโต้มีอากาศที่อยู่ในเนื้อไอศกรีมน้อยกว่า ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะนุ่ม หนักกว่าไอศกรีมที่อัดอากาศเข้าไปเยอะ ๆ เพื่อให้เนื้อไอศกรีมฟู มีปริมาณมากขึ้น
3. เจลาโต้จะเสิร์ฟในอุณหภูมิ ประมาณ -9 ถึง -12 ส่วนไอศกรีมทั่วไปอยู่ที่ -11 ถึง -13 จะเห็นว่าหากเราทานของเย็น ๆ ลิ้นจะชา ทำให้ไม่สามารถรับรู้รสชาติที่แท้จริงของไอศกรีมได้เต็มที่
ปล. ร้านเจลาโต้ที่นี่หาได้ง่ายมากเลยคะ ส่วนถ้วยเล็กที่เราซื้อมาราคาอยู่ที่ 1.5 ยูโรคะ เป็นราคาปกติทั่วไปเลยจ้า
โฆษณา