10 ม.ค. 2021 เวลา 13:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Wong Kar Wai กับความเหงาแบบ Unlimited
In the Mood for Love, Fallen Angel, 2046, Chungking Express
ขอเริ่มต้นโพสต์แรกกับการรีวิวซีรีส์จักรวาลความเหงาแบบรวบยอดของ หว่อง กาไว ผ่านหนังทั้งสี่เรื่องจากเทศกาล The World of Wong Kar-Wai’s Retrospective โดยจริง ๆ แล้วมีหนังอีกเรื่องคือ Happy Together ซึ่งตัวผู้เขียนพลาดไป555 แต่คิดว่าคงจะไม่เป็นอะไร ต้องบอกไว้ก่อนว่าพึ่งจะเคยมีประสบการณ์โดนกระทำ“ความหว่อง” ก็ครั้งนี้นี่เอง ถึงแม้ว่าจะเคยได้ยินชื่อของผกก.มาแล้วบ้าง นับว่าเป็นประสบการณ์การดูหนังที่แปลกใหม่เลยที่เดียว
ความเหงา ควันบุหรี่ และ แสงไฟนีออน สามองค์ประกอบที่โดดเด่นจากหนังหลาย ๆ เรื่องของ
หว่อง ลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บอกตัวผกก. ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นหนังของใคร โครงเรื่องในหนังของหว่องนั้นก็แสนจะธรรมดาและเรียบง่าย กับการใช้ชีวิตของเหล่าตัวละครผ่านกาลเวลาในช่วงปี 1960-1995 โดยเล่นกับเรื่องของ ความเหงา อันเกิดจาก ความรัก ที่ตัวละครหลายตัวในเรื่องมักจะเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ ซึ่งเขาเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่ข้องเกี่ยวกัน(แม้กระทั่งมือปืน) ก็ตกอยู่ในกระแสความเหงาที่หมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของฮ่องกง เหมือนกับกระแสของโลกในทุกวันนี้ ตัวหนังจึงมีความร่วมสมัยไปกับเราได้อย่างไม่ยากเย็น จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างในหนังของหว่องคือการที่ตัวละครภายในเรื่องมักจะบอกเราถึงความคิดภายในใจของพวกเขา หรือการ voice-over ที่บรรยายถึงความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่บางครั้งมันกลับขัดแย้งกับการกระทำ(ปากไม่ตรงกับจัยย) จุดนี้ยังแสดงให้เห็นถึง “ความเป็นมนุษย์” ได้เป็นอย่างดี มิหนำซ้ำยังคมคายและติดหูอีกด้วย…
"If the memory of her has an expiration date, let it be 10,000 years" - Chungking Express
แสงสีนีออน ความนัวความเกรน และโทนสีของภาพที่แตกต่างกันในแต่ละเรื่อง บ้างก็อมส้ม บ้างก็อมเขียว แต่ยึดโยงกันด้วยความรู้สึกที่โรแมนติกปนเศร้า จากการกับกำภาพ(ส่วนใหญ่)ของ Christopher Doyle แสดงถึงมุมมองทางศิลปะที่ถ่ายทอดออกมาอย่างปรานีต การลำดับภาพที่ตัดสลับไปมาทั้งอดีตและปัจจุบันแต่กลับคลุมเครือในอนาคต บ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ที่ถึงแม้บางครั้งจะไม่ได้สับสนแต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ทั้งการถ่ายแบบ handheld การสั่นและความพร่ามัวช่วยขับความรู้สึกสลัว ๆ ของแสงไฟนีออนออกมาได้ดีพร้อมกันกับเสียงดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ฟังแล้วติดหู บรรเลงขึ้นพร้อมกัน ยิ่งพาให้เราอินไปกับหนังได้อย่างง่ายดาย(เพลงทุกตัวคือดีย์อะ ทั้งหวานและติดหู ต้องไปหามาฟัง)
นักแสดงคนเดิม ๆ ในบทบาทใหม่ ๆ อย่างเช่นนักแสดงคู่บุญหว่อง เหลียง เฉาเหว่ย ที่ได้เล่นเป็นตัวเอกในหนังของหว่องหลายเรื่อง แต่เปลี่ยนบทบาทไปตามท้องเรื่อง การที่เราได้เห็นเขากลับมาโลดแล่นในบทบาทใหม่ ๆ ทำให้หวนคิดถึงความหลังในหนังเรื่องก่อน ๆ ก่อเกิดเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยและสนิทสนมได้อย่างน่าประหลาด หว่องยังซ้ำตรงจุดนี้ด้วยการใส่บทพูดหรือฉากหลังจากหนังเรื่องก่อนมาเป็นเหมือน easter egg ให้เราได้ค้นหา เสมือนเป็นจักวาลที่เชื่อมต่อกันอย่างไม่เป็นทางการ โดยที่ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นหรือจุดจบที่แน่ชัด และยังแฝงไปด้วยประเด็นทางสังคม การเมือง ที่แทรกตัวอยู่ในหนังได้อย่างแยบยล ทั้งการพูดถึงฮ่องกงในความทรงจำของหว่อง สภาพความสับสนวุ่นวายของฮ่องกงก่อนที่อังกฤษจะคืนให้กับจีนในปี 1997 หรือการที่จีนเคยบอกว่าจะปกครองฮ่องกงแบบ 1 ประเทศ 2 ระบบ ที่จะไปจบลงในปี 2046 นั่นเอง
หนังแต่ละเรื่องคือการเดินทางและการสั่งสมประสบการณ์ของหว่อง เพื่อที่จะให้มันสุกงอมได้ยิ่งขึ้น จะเห็นได้ชัดถึงวิธีการเล่าเรื่องของเขาที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเรื่อง แม้ว่าจะเป็นหนังรักปนเศร้าตามเดิมแต่กลับให้อารมณ์บางอย่างที่แตกต่างกันทำให้ทุกครั้งที่ได้ดูหนังของหว่องด้วยโครงเรื่องเดิม ๆ แต่เรากลับไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย อย่างในเรื่อง Ashes of Time ซึ่งดัดแปลงจากนิยาย "มังกรหยก" ของกิมย้งนั้น ตัวนิยายต้นฉบับเป็นแนวกำลังภายในผสมผจญภัยที่อ่านสนุกให้ความรู้สึกฮึกเหิม แต่ตัวละครในเรื่องกลับเปลี่ยวเหงา มีบาดแผลในใจ หมกมุ่นอยู่กับความรักและความแค้นในอดีต ซึ่งการดัดแปลงนี้ทำให้กิมย้งไม่เคยขายลิขสิทธิ์นิยายให้เขาอีกเลย
(5555)
ปล. (1) ถ้าอยากจะดูหนังทั้งสี่เรื่องนี้แบบไล่เรียงไทม์ไลน์เพื่อจะได้เก็บไข่ให้ครบ แนะนำว่าให้ดูแบบห้าเรื่อง อันได้แก่ Days of Being Wild, In the Mood for Love, 2046 ตามลำดับ และ Chungking Express, Fallen Angle ตามลำดับ
(2) หนังหว่องไม่ได้จะเหงาจะเศร้าไปซะทุกเรื่อง ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องไหนที่ไม่เศร้าบ้างก็ลองไปหาดูกันเอาเองนะ555 กลัวจะ spoil
(3) คิดหนักเรื่องให้คะแนนเหมียนกัน เพราะรีวิวทีแบบรวบยอด (ขี้เกียจรีวิวทีละเรื่องนั่นแหละ) สรุปว่าภาพรวมขอให้ 8.9 ละกัน ถึงแม้หนังบางเรื่องอาจจะเหมือนดูยากไปซักหน่อย แต่ถือว่าควรค่าแก่การเปิดประสบการณ์ใหม่ของรสชาติหนังเป็นอย่างยิ่ง
#TheWorldofWongKarWai'sRetrospective
#IntheMoodforLove
#FallenAngel
#2046
#ChungkingExpress
#ReviewByMe
โฆษณา