11 ม.ค. 2021 เวลา 16:02 • ศิลปะ & ออกแบบ
ด้วยความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบปฏิภาณ พระรามจึงมอบหมายให้องคตพญาวานรทำหน้าที่ทูตสื่อสาร เดินทางไปกรุงลงกาเพื่อเจรจากับทศกัณฐ์ ให้คืนนางสีดามาโดยดี จะได้ไม่ต้องทำศึกกัน
นอกจากสติปัญญาแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่องคตมีความเหมาะสม คือนางมณโฑแม่ของเขา ขณะนี้เป็นมเหสีเอกของทศกัณฐ์ มีฐานะราชินีแห่งกรุงลงกา ถือว่าพระรามได้ส่งผู้สูงศักดิ์แถมมีความเกี่ยวข้องผูกพันไปเจรจา ภารกิจขององคตคือความหวังสุดท้ายที่จะระงับการรบราฆ่าฟัน ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ
แต่กลับเป็นว่าองคตเองแทบไม่มีความรู้สึกผูกพันอันใดกับนางมณโฑ เนื่องจากเขาถูกมนต์วิเศษของพระฤาษี ย้ายจากครรภ์ของนางไปฝากไว้ในครรภ์แม่แพะตั้งแต่ยังไม่คลอด เขาถือว่ามารดาผู้ให้กำเนิดคือนางแพะ ดังนั้นองคตจึงไปนครลงกาโดยปราศจากความซาบซึ้งคิดถึงแม่
องคตพังประตูเมืองลงกา ตรงเข้าท้องพระโรงวังหลวงอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจขบวนร่ายรำและสิ่งของรับขวัญที่นางมณโฑเตรียมมาต้อนรับ เผชิญหน้าทศกัณฐ์อย่างทรนงองอาจ ไม่ยี่หระต่อเสนา ขุนทหาร บรรดายักษ์ทั้งปวงที่รายล้อม
ก่อนเจรจา องคตจัดแจงนั่งบนหางตัวเองที่ขยายยาวขึ้น และม้วนวนเป็นชั้นๆ ซ้อนกันจนสูงเท่าบัลลังก์ของทศกัณฐ์
ด้วยความหยิ่งยะโส ถือทิฐิ ดื้อดึง และเปี่ยมด้วยโทสะของทั้งสองฝ่าย การเจรจาต่อรองเรื่องนางสีดาจึงล้มเหลว หนำซ้ำยังขยายความไปถึงข้อบาดหมางเก่าๆ ระหว่างทศกัณฐ์กับพาลี บิดาขององคต
องคตกล่าวถึงอดีตที่ทศกัณฐ์ต่อสู้พ่ายแพ้พาลีถึงสองครั้ง ครั้งแรกเสียนางมณโฑ ไม่มีปัญญาแย่งคืนเองได้ ต้องให้พระฤาษีมาช่วยขอร้อง ครั้งที่สองแปลงกายเป็นปูยักษ์จะไปฆ่าองคตสมัยเด็กๆ ก็ถูกพาลีจับมัดประจานกลางเมืองซะอีก เป็นเรื่องอับอายเสียเกียรติของทศกัณฐ์อย่างยิ่ง
นอกจากนี้บรรดาพี่น้องและญาติของทศกัณฐ์ ไม่ว่าจะเป็น ทูษณ์ ขร ตรีเศียร นางกากนาสูร ล้วนดับดิ้นสิ้นชีพด้วยศรพระราม อีกหน่อยทศกัณฐ์และวงศาคณายักษ์ทั้งปวงคงมีจุดจบไม่ต่างกัน
ทศกัณฐ์จึงย้อนว่าพาลีก็ตายลงด้วยศรพระรามด้วยเหมือนกันนั่นแหละ (แม้พาลีจะใช้ศรนั้นแทงตัวเอง) องคตหลงผิดไปรับใช้กราบไหว้ผู้ฆ่าบิดาตนเองได้อย่างไร แล้วยังนอบน้อมนับถือสุครีพอยู่ได้ ทั้งที่สุครีพคือผู้ทรยศหลักหลัง พาพระรามมาฆ่าพาลี
ส่วนหนุมานที่ใครๆกล่าวขานว่ามีฤทธิ์เลิศสุดในบรรดาวานร ก็ไม่เห็นเก่งแค่ไหน เมื่อครั้งลักลอบเข้าเมืองลงกา ก็โดนจับได้เพราะแพ้แก่ศรนาคบาศของอินทรชิตด้วยซ้ำ
เมื่อการเจรจาต่อรองไม่เป็นผล หนำซ้ำกลายเป็นการรื้อฟื้นความแค้นเก่าก่อนให้ปะทุขึ้นอีก สุดท้ายสงครามก็เกิดขึ้นจนได้
ผมลองถ่ายทอดบทสนทนาระหว่างองคตและทศกัณฐ์ลงในภาพวาด วาดฉากโขนที่รายรอบตัวละครทั้งสองให้คล้ายกับบอลลูน หรือช่องคำพูดในหนังสือการ์ตูน เหตุการณ์ต่างๆในบอลลูนได้สไตล์จากภาพพิมพ์หินวัดโพธิ์
นอกจากตัวละครหลักทั้งสอง อุปกรณ์ประกอบการแสดงตั้งใจทำให้ดูเรียบง่าย ไม่อลังการหรูหรา ท้องพระโรงสมมติเอาง่ายๆ บัลลังค์ไม้แบบบ้านๆ อันเดียวใช้หลายฉาก ตามสไตล์ของโขนสดหรือลิเก ที่ร่อนเร่ไปแสดงตามวัดชานเมือง ย้ายวิกไปเรื่อยๆ ตามแต่จะมีผู้ว่าจ้าง
เสนายักษ์ได้ตัวอย่างมาจากผู้แสดงโขนสด ส่วนเสนาลิงนั้นไม่มีในเรื่อง แต่ตามธรรมเนียมโขนสด จะมีลิงตลกอยู่ตัวหนึ่งชื่อหนุมวย เป็นเพื่อนสนิทของหนุมาน เมื่อหนุมานต้องไปปฏิบัติภารกิจเดี่ยวๆ หนุมวยจะติดตามไปด้วยตลอด คอยเจรจาส่งมุกรับมุก
นอกจากหนุมานกับหนุมวยแล้ว ยังเคยเห็นมัจฉานุมีมัจฉาแน็ต ผมเลยคิดว่าองคตก็น่ามีลิงตลกคู่หูกับเขาด้วย อาจจะชื่อองเคล็ด เลยวาดลงในภาพ
กล้องที่ลิงตลกถืออยู่ คือโรไลเฟล็กซ์ รุ่นเลนส์มุมกว้าง 55 มม. ( Rolleiwide ) ผลิตประมาณยุค 1960s ซึ่งหลายปีก่อนผมชอบเอาไปถ่ายภาพชีวิตหลังเวทีการแสดงโขนสด ลิเก งิ้ว ด้วยฟิล์มขาวดำ
โฆษณา