14 ม.ค. 2021 เวลา 09:53 • ปรัชญา
การสร้างโลกกับคุณค่าของชีวิต
การสร้างโลกกับคุณค่าชีวิตของเรานั้นเกี่ยวข้องกันยังไง ก่อนอื่นเราลองไปทำความเข้าใจกับการสร้างโลกขององค์พระผู้เป็นเจ้ากันก่อน
(ปฐมกาล 1:1) “ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง ฟ้าและแผ่นดิน
วันที่ 1 พระเจ้าทรงสร้างความสว่าง และความมืด หรือสร้างวันและคืนนั่นเอง
(ปฐมกาล 1:3-5) พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก
วันที่ 2 พระเจ้าได้ทรงแยกน้ำส่วนล่างและส่วนบน ซึ่งส่วนบนกลายเป็นท้องฟ้า
(ปฐมกาล 1:6-8) พระเจ้าตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน” พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สอง
วันที่ 3 พระเจ้าได้ทรงสร้างน้ำบนพื้นดิน และพื้นดิน และพืชผลตามชนิดต่าง ๆ
(ปฐมกาล 1:9-13) พระเจ้าตรัสว่า “น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น” ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่า แผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ธัญพืชที่ให้เมล็ด และต้นไม้ผลที่ออกผลตามชนิดของมัน และมีเมล็ดในผลบนแผ่นดิน” และก็เป็นดังนั้น แผ่นดินก็เกิดพืช คือธัญพืชที่ให้เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม
วันที่ 4 พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว
(ปฐมกาล 1:14-19) พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี และให้เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน” ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่นดิน ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่
วันที่ 5 พระเจ้าได้ทรงสร้างฝูงสัตว์ในอากาศ และฝูงสัตว์ในน้ำ
(ปฐมกาล 1:20-23) พระเจ้าตรัสว่า “น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน” พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และสัตว์ปีกทุกชนิดตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี พระเจ้าจึงทรงอวยพรสัตว์เหล่านั้นว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก” มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
วันที่ 6 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์บนพื้นดินทุกชนิด และสุดท้ายคือ สร้างมนุษย์
(ปฐมกาล 1:24-27) พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าตามชนิดของมัน” ก็เป็นดังนั้น พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆ ที่เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด” พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง”‭
และวันที่ 7 พระเจ้าทรงพักจากการงานทั้งสิ้น
(ปฐมกาล 2:2) “วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ”
นี่จึงเป็นสาเหตุให้โลกเรามีวัน 7 วันใน 1 สัปดาห์ เมื่อคุณทราบการทรงสร้างโลกของพระเจ้าแล้ว คุณสงสัยกันมั้ยว่าทำไมพระเจ้าถึงสร้างมนุษย์เราเป็นสิ่งสุดท้าย
เพราะว่าถ้าหากคุณสร้างบ้านอยู่ แล้วคุณจะย้ายเข้าไปอยู่เมื่อไหร่ล่ะ ใช่คุณคงต้องย้ายเข้าไปตอนบ้านเสร็จ พระเจ้าคิดเช่นนั้น พระองค์ทรงเตรียมทุกอย่างไว้ให้เราอย่างพรักพร้อมแล้วที่จะเข้าไปอยู่และดำรงชีวิตได้ เพราะพระองค์ทรงรักและนึกถึงเราอยู่เสมอ
“พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก” (ปฐมกาล‬ ‭1:31‬)
พระเจ้าทรงตรัสว่า “ดีนัก” หมายถึง อาเมน ที่คริสเตียนใช้กันอยู่ นั่นหมายความว่า ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมานั้น ดีนัก ดีพอพระทัยพระเจ้ายิ่ง รวมถึงชีวิตของเราด้วยที่ดีมากจริง ๆ
นั่นหมายความว่าชีวิตของเรามีคุณค่ามากสำหรับพระเจ้า เราอาจจะมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง หรืออาจจะไม่มีใครมองเห็น แต่แน่นอนว่าพระเจ้าทรงเห็น และมองว่าเรามีคุณค่ามากสำหรับพระองค์
เคยได้ยินคำว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” กันไหม คำนี้เป็นคำที่ใช้กันเยอะมากจริง ๆ แต่มันถูกต้องหรือเปล่า สำหรับเราแล้วเรามองว่าไม่ถูกต้อง เพราะหากใครไม่ได้ทำงาน หรือทำงานออกมาได้ไม่ดีมากเพียงเพราะเขาอาจไม่ถนัด อย่างนี้เราจะมองเขาว่าเขาไม่มีคุณค่าหรือ เราไม่สามารถมองคุณค่าของคนที่ผลงานได้ คนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง เพราะแม้กระทั่งสัตว์เรายังมองว่ามันก็คือมีชีวิต ดังนั้นการที่มนุษย์มีชีวิตอยู่นั้น ก็หมายความว่าเรามีคุณค่า และมีมาก ๆ ต่อสายพระเนตรของพระเจ้า ทีนี้ล่ะขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่ามากเหมาะสมกับที่พระเจ้ามองอยู่หรือเปล่า ชีวิตที่เหมาะสมที่เราจะขอแนะนำคือชีวิตที่ดำเนินตามน้ำพระทัยพระเจ้านี่แหละคือชีวิตที่มีคุณค่า
ลองกลับไปทบทวน พูดคุยกับตัวคุณเองดู ว่าชีวิตคุณมีคุณค่ามากแค่ไหน ถ้าได้คำตอบแล้วอย่าลืมขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงสร้างเราให้มีคุณค่ามากมายขนาดนี้ อาเมน!!
โฆษณา