14 ม.ค. 2021 เวลา 16:13 • กีฬา
Ultra Trail Mt. Fuji, Japan
(April 26th 2019, 114.5/165km 5087/8,000m, bib 1622, finished 27:44:25)
race day
ทำไมคนเราต้องอยากไปวิ่งรายการแบบว่า100ไมล์อะไรแบบนี้? ส่วนตัวจริงๆคือความท้าทาย อยากสัมผัสจุดที่กายและใจเกินจะทน อยากรู้ว่าความรู้สึกจะเป็นยังไง อยากลองแค่สักครั้งเพื่อให้รู้ ซึ่งต้องขอบอกอย่างจริงใจว่าคุณโชคดีมากถ้าหากคุณไม่มีความทะเยอทะยานอยากอะไรแบบนี้ เพราะจากใจเลยระยะนี้มันไม่ใช่กีฬาแล้ว และมันก็ไม่ส่งเสริมสุขภาพใดๆเลย ความบันเทิงอะไรก็ไม่มีในรายการแบบนี้
Ultra Trail Mt. Fuji รายการวิ่งเทรล 100ไมล์หรือ165กม. ในอดีตเส้นทางเป็นวงกลมสมบูรณ์รอบฟูจิ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเป็นลักษณะ3/4ของรอบวง มีภูเขาไฟฟูจิเป็นจุดศูนย์กลาง เริ่มออกตัวที่6นาฬิกา ตามเข็มนาฬิกาไปจนถึง 3นาฬิกา แล้ววนทบกลับไปจบที่12นาฬิกา มีgainรวมอยู่ที่ประมาณ8,000เมตร หรือ3ดอยอินทนนท์กว่าๆ รายการนี้ห้ามใช้trekking polesนะครับ และfinal cutoffอยู่ที่46ชม. คิดคำนวณสะระตะแล้วเลือกรายการนี้เพราะคิดว่า
หนึ่ง: ท้าทายแต่ก็มีลุ้น
สอง: สถานที่น่าสนใจ courseน่าจะสวยงาม
สาม: อาหารแถบนี้น่าจะดีกว่ารายการของพวกฝาหรั่ง
หนึ่ง: ที่ว่ามีลุ้น คือแต้มมีพอที่จะสมัคร แต่ก็ต้องเข้าระบบlotteryอยู่ดี ซึ่งปรากฎว่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะคนสมัครไม่ได้ล้นมาก อีกลุ้นคือมีสนามซ้อมที่ไม่ไกลบ้านและมีเวลา แต่เอาเข้าจริงนะ ถ้ากระดูกเส้นเอ็นและพ.ศ.ยังไม่แข็งแรงพอ ต่อให้มีเวลาเต็มๆซ้อมครึ่งปีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องดูประวัติกันจริงจังหน่อยสำหรับระยะนี้ ส่วนตัวผ่านสนาม100+กิโลมาครั้งเดียว ถือว่าเร็วเกินไป แต่คิดถัวกับที่ว่ามีสนามซ้อมกับเวลาก็เลยเอาว่ะ ลองดู!
สอง: ภูเขาไฟฟูจิสวยมั้ย? มันสวยงามมาก สวยกว่าที่คิดไว้เสียอีก(เห็นหลังวิ่งเสร็จไปแล้ว) แต่อย่ามองไปถึงฟูจิเลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่ออกตัวจนรายการยุติหลังผ่านไปราว27ชม. พื้นข้างหน้า3-4เมตรยังต้องเพ่งแล้วเพ่งอีก ฝนโปรยเป็นละอองสลับตกตลอดทั้งวัน ตอนกลางคืนไฟฉายที่ซื้อมาที่กะว่าจะส่องไกลไปข้างหน้าเป็นสิบๆเมตร ส่องจริงได้ไกลสุดก็แค่ก้าวต่อก้าวเพราะหมอกและละอองน้ำทึบมาก จุดที่ชันขึ้นนั้นพอทนได้ แต่ที่สาหัสคือทางที่ชันลง มันชันมากๆ เละ และลื่น มันไม่ใช่การวิ่งแล้วเหลือบมองวิวภูเขาไฟฟูจิให้หายเหนื่อยอย่างที่จินตนาการไว้เลย และในส่วนของcourseมันเองก็ต้องถือว่าไม่ได้เป็นcourseที่สวยงามอะไร อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ คือมันไม่สวยด้วยตัวของมันเองบวกกับการที่ต้องผ่านส่วนที่เป็นถนนเยอะมาก
สาม: อาหาร รายการยาวๆระยะ100กม.ขึ้นไป อาหารมีความสำคัญมากนะครับ ด้วยความคาดหวังเยอะก็ทำให้เตรียมเองน้อย นอกจากAid stationที่2ที่มียากิโซบะแล้ว นอกนั้นอาหารก็ไม่ได้ดีเด่ถูกปากกว่าเรซฝาหรั่งเลยครับ สรุป...ผิดหวังอย่างแรง และหิวมากๆ
การซ้อม: นอกจากเดือนกุมภาพันธ์ที่เดินทางต่างประเทศ ทุกอย่างทำได้ตามแผน คือไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย แต่ก็ไม่กลัวว่าจะไม่จบในสถานการณ์ปกติ สัปดาห์peakก็ทำ20ไมล์บนเทรลติดกันได้5วันแบบรู้สึกดี เดือนมีนาคมทั้งเดือนเก็บgainได้รวม 32,000เมตร มีผลทำให้เจ็บITBด้านซ้าย กังวลแต่ก็ไม่ถอยแน่นอน
การเดินทาง: หัวข้อนี้ท้าทายมากๆ ทุกอย่างต้องวางแผนล่วงหน้าทุกๆรายละเอียด เนื่องจากเป็นการเดินทางข้ามtime zoneหลายชั่วโมง ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่เคยไป พยายามวางแผนทุกอย่างทีละย่างก้าว เขียนเป็นขั้นตอน1 2 3... จดบันทึกทุกอย่างทั้งในรูปแบบdigitalและลงกระดาษ
ผมเดินทางจากFrankfurt ไปลงที่สนามบินHaneda แล้วต่อรถบัสไปKawaguchi เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่จะพักกันที่จุดนี้ซึ่งเป็นจุดfinishและเป็นเมืองใหญ่มีที่พักเยอะ ส่วนจุดstartนั้นห่างไปทางใต้ ก็จองรถบัสผ่านทางผู้จัดไว้แล้ว พอไปถึงก็ได้พี่อ้วนมารับที่สถานีรถของเมือง ผมรู้จักแกจากรายการที่ไปเจอกันที่อิตาลีแล้วก็ติดต่อกันเรื่อยมา ระหว่างเดินไปมาถ่ายรูปเล่นก็ได้เจอพี่ธเนศคนไทยอีกคนที่มาลงรายการ100ไมล์แรกเช่นกัน
ซ้ายพี่อ้วน ขวาพี่ธเนศ
วันรับbibก็คล้ายๆกับทุกรายการ ต่างกันที่รายการใหญ่ระยะทางไกล พวกอุปกรณ์บังคับและความเข้มงวดต่างๆก็มากตามไปด้วย แต่ทุกอย่างก็ราบรื่นรวดเร็วดีตามสไตล์ญี่ปุ่น มีระบบระเบียบ การต้อนรับดีเยี่ยม อ้อ...เจอพี่จุ๋ง(ผู้ซึ่งหิมาลัยไว้ชีวิต)และผู้กองแอน
รับbib
Race Day: ศุกร์ที่26 เมษายน รายการนี้ออกตัวเที่ยงวัน ในส่วนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เข้าห้องน้ำ ทานอาหารเช้าได้สบายๆ บนรถก็เริ่มเจอคนไทยเพิ่มขึ้น เริ่มจากขวัญ เคยค้นหาแต่ไม่เจอข้อมูลอะไรก็ยังนึกว่าคงลงไว้แต่อาจไม่มา น้องมง ที่จุดstartก็มาเจอ ซุปเปอร์เจ น้องอ๊อบ และพี่ธเนศ บรรยากาศอบอุ่นแต่ความจริงอากาศออกแววเลวร้ายตั้งแต่ยังไม่ปล่อยตัวกันเลย หมอกลงจัดและฝนปรอยไม่หยุด
จุดออกตัว
0-A1 จากจุดออกตัวเส้นทางตรงนี้เรียบๆ ยังไม่มีความชันมาก ทุกคนดูเหมือนตั้งใจทำความเร็วกันจนผมค่อนข้างจะแปลกใจว่าออกตัวกันแรงมาก
A1-A2 มาถึงบางอ้อว่าทำไมเค้ารีบกัน เพราะนอกจากระยะ28กม.ที่โคตรไกลแล้ว เส้นทางช่วงนี้มีความยากมาก โดยเฉพาะdownhill ฝนที่ตกลงมาไม่หยุดทำให้สภาพเทรลเละมากๆ ขึ้นหนืด ลงลื่นเป็นทะเลโคลน มีจุดที่ต้องต่อแถวคอยให้คนข้างหน้าขยับเป็นช่วงๆ จุดใหญ่ผมติดอยู่นิ่งๆเกือบครึ่งชั่วโมง สรุปเป็นsectionที่tecnicalที่สุดที่เคยเจอมา สบักสบอมสุดๆแต่ก็มากินยากิโซบะผัดสดๆที่A2จนได้
A2-A3 เข้าช่วงกลางคืนเต็มๆ กลางคืนแห่งหมอกและฝน headlampแรงๆปกติก็อาจไม่พอนะครับ อันนี้มาทราบเพิ่มเติมทีหลังว่าที่เห็นบางคนคาดหัวและถือไฟฉายเพิ่ม หรือใช้ไฟเหลือง(ตัดหมอก) คือการเตรียมตัวที่ถูกต้องสำหรับสภาพอากาศแบบนี้ และเพิ่มเติมเตือนใจตัวเองอีกข้อว่าควรมีlight sourceอีกอันเผื่อไว้ เพราะตอนที่ต้องเปลี่ยนแบตของheadlampมันมืดมาก ฝนก็ตก ลนลานมือสั่นจิตตกไปหมด
A3-A4 เส้นทางช่วงนี้จำได้ว่าไม่ยากมากนะครับ เนิบๆเลาะแนวเขาที่มองลงมาเป็นทะเลสาบMotosukoและค่อยๆลงมา ที่A4คือจุดที่มีdrop bag ก่อนจะเลี้ยวเข้าaid stationเจอพี่จุ๋ง ดีใจมากๆ หนึ่งคืนเต็มๆไม่ได้เจอใครคุยกับใครเลย พี่จุ๋งมีน้ำใจมากๆ ให้กำลังใจและยังถามไถ่ว่าต้องการอะไรมั้ย ผมใช้เวลาที่drop bagจุดนี้พอสมควร ลังเลเรื่องเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนรองเท้า สรุปไม่เปลี่ยนแต่พอออกตัวไปเจ็บเท้ามากๆเดินแทบไม่ไหว สาเหตุน่าจะรองเท้าบีบ เลยจำเป็นต้องเดินกะเผลกกลับมาขอร้องให้เจ้าหน้าที่รื้อหาdrop bagให้ โชคดีมากๆที่ของยังอยู่และเจอคนใจดี
A4-A5 ช่วงนี้ก็ไม่ยากเย็นอะไรมาก แต่มีส่วนที่เป็นถนนยาวพอที่จะทำให้เจ็บปวดทีเดียว และA5คือจุดที่ใกล้จุดstartใกล้ที่พักมากๆ ใจต้องเข้มแข็งจริงๆถึงจะผ่านไปได้ ถึงตรงนี้ส่วนตัวมี2ปัญหาใหญ่ให้ต้องคิดคำนวณ หนึ่งคือชุดเปียกมานานและอากาศหนาวเย็นมาก สองคือเรื่องความหิว อาหารเค้ามีให้แต่มันจำเจเลยทำให้เราทานได้ไม่พอ จุดนี้ได้เจอผู้กองแอนที่ไล่หลังเข้ามา สภาพเนียนกริ้บไม่บุบสลายเลย และแน่นอนเจอพี่จุ๋งอีกครั้ง "สู้ๆ จบให้ได้ พี่รอที่เส้นชัยแน่นอน แล้วเดี๋ยวเจอกันที่A6"
A5-A6 ช่วงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรtechnicalนะครับ จำได้ว่ามีถนนพอสมควรเพราะช่วงแรกจะออกมาจากตัวเมือง ผมได้แวะFamily Martตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าต้องหาอะไรทานมื้อใหญ่ให้ได้ ขณะนั่งทานข้าวหน้าหมูทอดอยู่ มีนักวิ่งชาวญี่ปุ่นทักว่ายูแฮฟอะสตรองสโตมัค แบบนี้ไอกินไม่ได้ กินไปมีอ้วกแน่ ทานเสร็จ เริ่มอยากเข้าส้วม ก็จัดไปเป็นประสบการณ์แรกในชีวิตการวิ่ง ก่อนออกตัวถอยซาลาเปามาเก็บไว้อีกสองลูก เบ็ดสเร็จน่าจะใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงได้
A6 แม้ว่าจะถ่ายได้ ทานอิ่มมา แต่ปัญหาความหนาวนี่มันเพิ่มมากขึ้น ผมไม่มีlayerอะไรเป็นพิเศษไปกว่าที่อุปกรณ์บังคับเขียนไว้ ซึ่งสภาพแบบนี้มันไม่พอ คิดคำนวณแล้วตั้งใจว่าเข้าไปA6จะเอากางเกงขายาวออกมาพันตัวหรือหาวิธีอะไรซักอย่าง หรือไม่ก็DNF หยุดความทรมานอีกหนึ่งคืนเต็ม ก้มหน้าก้มตาคิด เงยหน้ามาอีกทีเข้าจุดcheck pointมีเจ้าหน้าที่เต็มเลยแฮะ "you can not pass this point, it is canceled" งงดิ ขอคำอธิบายชัดๆยาวๆ สรุป ณ จุดนี้ผ่านมา27ชั่วโมงโดยประมาณ ทางผู้จัดประกาศยุติการแข่งขัน เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย และจะแย่หนักสุดๆคืนนี้ ใครวิ่งได้แค่ไหนก็แค่นั้น ผมจบตรงนี้ก็114กม. จากทั้งหมด165กม.
all done!!!
อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นว่าทางรายการตัดสินใจยุติการแข่งขันหลังจากผ่านไป27ชม. ราวๆ บ่าย2โมงของการแข่งขันวันที่2 เนื่องจากมีพายุหิมะ ซึ่งครั้งนี้เป็นประสบกาณ์ครั้งแรกที่เจอกับตัวเอง แต่ไม่ใช่การยกเลิกครั้งแรกสำหรับรายการนี้ (สำหรับผู้ที่สนใจ ควรต้องทราบและยอมรับความเสี่ยงตรงจุดนี้) ผิดหวังที่เค้ายกเลิกนั้นเป็นเรื่องปกติครับ ทุกคนทุ่มเท เตรียมตัว ลงทุน ตั้งใจกันมา แต่ส่วนตัวผมครั้งนี้มันแปลกๆเหมือนว่าเราจะdnfมากกว่า เพราะก่อนที่เค้าจะยกเลิกนั้น ตัวผมเองก็อยู่ในสภาพที่แย่มากแล้ว ด้วยความเปียก หนาว และหิวเป็นหลัก คือเราเตรียมตัวมาไม่พร้อมที่จะแก้ไขสถาณการณ์ตรงนี้ พูดง่ายๆว่าถ้าเค้าให้ไปต่อ ก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะไปได้อีกแค่ไหน?
ในสถาณการณ์แบบนี้ทางรายการใช้คำว่าshortened raceนะครับ ไม่ได้ยกเลิกซะทีเดียวคือใครจบตรงไหนเวลานั้นก็เป็นเรคคอร์ดของตัวเองไป ไม่ได้จัดให้เราDNF(Did Not Finish) คือเป็นfinisherที่ระยะ114กม. ให้เสื้อfinisherและให้แต้มมาสะสมด้วย ส่วนผู้ที่finish 165กม.ที่แท้จริงมีทั้งหมด82คน จากทั้งหมด2,400กว่าคนครับ เรียกว่าclass 2019นี้ทั้งสุดยอดและยังยังrare itemอีกต่างหาก เอาไปคุยได้ถึงชั่วลูกชั่วหลานกันเลยทีเดียว
แม้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีสถานที่และเวลาซ้อมให้ลุ้นพิชิต100ไมล์แบบนี้อีกครั้งหรือไม่ก็ตาม ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามาก มีข้อผิดพลาดหลายๆอย่างที่ต้องเอามาสังเคราะห์ ปรับปรุง แก้ไขกันมากมาย ร่ายยาวตั้งแต่ช่วงซ้อม การเตรียมอุปกรณ์ จนถึงหน้างานและระหว่างวิ่ง โดยเฉพาะGarminที่บ่งบอกว่าใน27ชม.43นาทีนี้มีnon moving timeถึง3ชม.43นาที เยอะมากๆสำหรับแค่ 5 stations ภาพรวมคือระยะนี้ต้องเตรียมตัวให้เป๊ะกว่านี้อีกมากๆ ไม่ลองก็ไม่รู้ครับ ก่อนไปวิ่งเทียบบัญญัติไตรยางค์บวกเผื่อแล้วเผื่ออีกก็ดูเหมือนว่าน่าจะไหว เอาเข้าจริงบทมันหมดมันล้า เจออุปสรรคต่างๆ ด้วย"ความพร้อม"เท่านี้มีเวลามากกว่านี้ก็ไม่น่าจะจบครับ
UTMF 2019
โฆษณา