Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รักเอย..
•
ติดตาม
16 ม.ค. 2021 เวลา 10:35 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วันนี้มาเเถวๆสมุทรปราการ
เห็นตู้โทรศัพท์
ดูเหมือนว่า วัฏจักรของ “ตู้โทรศัพท์สาธารณะ” ใกล้เข้าสู่ภาวะสูญพันธุ์
หลังจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศไล่รื้อถอนตู้โทรศัพท์สาธารณะครั้งใหญ่กว่า 4,000 เครื่อง โดยเฉพาะตู้ที่ชำรุดเสียหายไม่ได้ใช้ประโยชน์ ตู้ที่มีการติดตั้งอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงตู้ที่เข้าข่ายกีดขวางทางเท้า เพื่อรองรับมาตรการคืนทางเท้าให้ประชาชน บวกกับปัจจุบันสมาร์ทโฟนอันล้ำสมัยเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของผู้คน พกง่ายใช้สะดวก แถมยังราคาถูก
ส่งผลให้ปัจจุบันแทบจะไม่มีใครใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะอีกต่อไปแล้ว
จากยุครุ่งเรืองสู่ยุคตกต่ำ
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว "ตู้โทรศัพท์สาธารณะ" ไม่ต่างจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งแต่ปากซอย สี่แยก ทางสามแพร่ง ยันหัวมุมถนนจะต้องมีตู้โทรศัพท์ตั้งโดดเด่นสะดุดตาผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
ตู้โทรศัพท์สาธารณะเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2522 โดยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นำโทรศัพท์แบบหยอดเหรียญเข้ามาติดตั้งในเขตโทรศัพท์นครหลวงจำนวน 100 เครื่อง ก่อนเจริญก้าวหน้าต่อยอดเพิ่มจำนวนมากกว่าสองแสนตู้ทั่วประเทศดังเช่นทุกวันนี้
รังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เผยว่า ปัจจุบันโทรศัพท์สาธารณะทั่วประเทศเหลืออยู่ทั้งหมดประมาณ 180,000 เครื่อง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีอยู่ประมาณ 50,000 เครื่อง
“ในอดีต ช่วงที่โทรศัพท์สาธารณะได้รับความนิยมสูงสุด มีการติดตั้งตู้ทั่วประเทศถึงกว่า 2 แสนเครื่อง เฉพาะในกรุงเทพสร้างรายได้เฉลี่ยถึงสัปดาห์ละ 3-4 พันบาทต่อเครื่อง แต่ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยแต่ละวันลดลงมาก
ในกรุงเทพเหลือเพียง 150 - 200 บาทต่อเครื่องต่อเครื่อง
ดูเหมือนว่า วัฏจักรของ “ตู้โทรศัพท์สาธารณะ” ใกล้เข้าสู่ภาวะสูญพันธุ์
หลังจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศไล่รื้อถอนตู้โทรศัพท์สาธารณะครั้งใหญ่กว่า 4,000 เครื่อง โดยเฉพาะตู้ที่ชำรุดเสียหายไม่ได้ใช้ประโยชน์ ตู้ที่มีการติดตั้งอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงตู้ที่เข้าข่ายกีดขวางทางเท้า เพื่อรองรับมาตรการคืนทางเท้าให้ประชาชน บวกกับปัจจุบันสมาร์ทโฟนอันล้ำสมัยเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของผู้คน พกง่ายใช้สะดวก แถมยังราคาถูก
ส่งผลให้ปัจจุบันแทบจะไม่มีใครใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะอีกต่อไปแล้ว
จากยุครุ่งเรืองสู่ยุคตกต่ำ
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว "ตู้โทรศัพท์สาธารณะ" ไม่ต่างจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งแต่ปากซอย สี่แยก ทางสามแพร่ง ยันหัวมุมถนนจะต้องมีตู้โทรศัพท์ตั้งโดดเด่นสะดุดตาผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
ตู้โทรศัพท์สาธารณะเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2522 โดยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นำโทรศัพท์แบบหยอดเหรียญเข้ามาติดตั้งในเขตโทรศัพท์นครหลวงจำนวน 100 เครื่อง ก่อนเจริญก้าวหน้าต่อยอดเพิ่มจำนวนมากกว่าสองแสนตู้ทั่วประเทศดังเช่นทุกวันนี้
รังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เผยว่า ปัจจุบันโทรศัพท์สาธารณะทั่วประเทศเหลืออยู่ทั้งหมดประมาณ 180,000 เครื่อง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีอยู่ประมาณ 50,000 เครื่อง
วันนี้โทรศัพท์สาธารณะเป็นบริการที่ไม่สร้างกำไรอีกต่อไปแล้ว
“ในอดีต ช่วงที่โทรศัพท์สาธารณะได้รับความนิยมสูงสุด มีการติดตั้งตู้ทั่วประเทศถึงกว่า 2 แสนเครื่อง เฉพาะในกรุงเทพสร้างรายได้เฉลี่ยถึงสัปดาห์ละ 3-4 พันบาทต่อเครื่อง แต่ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยแต่ละวันลดลงมาก ในกรุงเทพเหลือเพียง 150 - 200 บาทต่อเครื่องต่อเดือน ขณะที่ต่างจังหวัดรายได้ไม่ถึง 100 บาท เทียบกับค่าดูแลรักษาเริ่มต้น 200 บาทขึ้นไปต่อเครื่องต่อเดือน ต้องเรียกว่าโทรศัพท์สาธารณะนั้นแทบไม่ทำกำไรอีกแล้ว สมัยนี้คนที่ยังใช้บริการอยู่ส่วนใหญ่เป็นที่ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม ตามชุมชน
รวมทั้งโรงเรียนบางแห่งที่ออกกฎห้ามนักเรียนนำโทรศัพท์มือถือมาเรียน จึงมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะเยอะกว่าที่อื่น แต่พอนำรายได้จากค่าบริการมาบวกลบกับต้นทุนและค่าดูแลบำรุงรักษาแล้ว ขาดทุนประมาณ 2,000 บาทต่อเครื่อง”
สิ่งที่จะทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่รอดต่อไปได้คือ พัฒนาให้มีความสอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน ควบคู่กับหารายได้ทางอื่นมาช่วยเหลือเพิ่มเติม
“ในต่างประเทศมีการพัฒนาโทรศัพท์สาธารณะให้สามารถบริการสัญญาณไวไฟ ซื้อขายของออนไลน์ได้ รวมทั้งมีรายได้จากการติดตั้งป้ายโฆษณาด้วย ที่ผ่านมาทีโอทีร่วมกับบริษัทเอกชน พัฒนาบริการโทรศัพท์สาธารณะแบบมัลติมีเดีย ในชื่อเว็บเพย์โฟน (Web PayPhone) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ แต่ถ้านำมาติดตั้งในพื้นที่สาธารณะทั่วไปตอนนี้คิดว่ายังไม่คุ้มค่ากับการลงทุน”
ล่าสุดมีการรื้อตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่กรุงเทพฯกว่า 4,000 ตู้ทั่วกรุงเทพตามนโยบายคืนทางเท้าให้ประชาชน เมื่อปีที่เเล้ว
“ทุกวันนี้มีโทรศัพท์สาธารณะจำนวนมากไม่ได้รับอนุญาตติดตั้งตามประกาศ พ.ศ. 2546 ลักษณะของตู้โทรศัพท์ผิดกฎหมาย เช่น ติดตั้งชิดป้ายรถประจำทาง ติดตั้งบนทางเท้าแคบๆ เหลือทางสัญจรให้ประชาชนน้อยกว่า 1.5 เมตร มีการติดป้ายโฆษณาต่างๆ บางตู้กลายเป็นที่เก็บสัมภาระของพ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งเป็นแหล่งมั่วสุม จึงจำเป็นต้องดำเนินการจัดระเบียบโทรศัพท์สาธารณะอย่างเร่งด่วนเพื่อคืนทางเท้าให้ประชาชน
คิดถึงแฟน-บอกรักพ่อแม่-โทรกลับบ้าน-ขอเพลง ความทรงจำในตู้สี่เหลี่ยม
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ตู้โทรศัพท์สาธารณะบางตู้กลายเป็นที่เก็บสินค้าของพ่อค้าแม่ค้า บางตู้แปรสภาพเป็นถังขยะ เป็นโถฉี่ เป็นที่แสดงงานกราฟฟิตี้ แม้กระทั่งตู้ผีสิงที่รกร้างเต็มไปด้วยฝุ่นเกรอะกรัง ผิดจากสมัยก่อนที่ตู้สี่เหลี่ยมตู้นี้เปรียบดั่งวิมานรักของคนหนุ่มสาว เป็นที่พึ่งทางใจของลูกที่คิดถึงพ่อแม่
ภาพการถือเหรียญบาทกำไว้ในมือ ยืนรอต่อคิวด้วยความกระวนกระวาย ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของคนอายุ 30 ปีขึ้นไป..
ตู้โทรศัพท์สาธารณะเก็บความทรงจำของเขาเอาไว้มากมาย โดยกับเฉพาะกับคนรักอย่างแม่ แฟน และเพื่อน
“15 ปีก่อน ตู้โทรศัพท์จำเป็นมาก เลิกเรียนต้องโทรไปบอกแม่ว่าจะให้มารับที่ไหน จะไปเที่ยวกับเพื่อนก็โทรนัดกัน รวมทั้งจีบสาว จำได้ว่าต้องคอยเดินหาตู้ดีๆในมุมเหมาะๆไว้ยืนคุยกับผู้หญิงที่เราชอบ บางตู้ดีจริง แต่คุยได้ไม่นาน เพราะเขินและเกรงใจคนยืนรอ ต้องวิ่งข้ามถนนไปในซอยลึกมืดๆ สลัวๆ ควานหาตู้ประจำเพื่อจะได้คุยกับสาวนานๆ”
“หนูเลิกเรียนแล้วนะแม่ แต่ขออยู่เล่นกับเพื่อนก่อน หนูเรียนพิเศษ หรือหนูยืนรอหน้าร้านขายน้ำนะแม่” ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสนทนาอันคุ้นชินผ่านหูพลาสติกในตู้สี่เหลี่ยม
“มันเป็นอุปกรณ์ฉุกเฉิน ตอนเด็กๆเคยโดนล้วงกระเป๋า ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ต้องวิ่งไปที่ตู้สาธารณะ โทรหาตำรวจ แต่เดี๋ยวนี้ตู้สาธารณะขาดการดูแล หลายแห่งไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนใหญ่สกปรก ครั้งหนึ่งแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหมดจะโทรถามอาการป่วยของลูกสาว เลยคว้าโทรศัพท์สาธารณะแต่กลับใช้งานไม่ได้ เงียบ ไม่มีสัญญาณอะไรเลย
ขณะที่ ดีเจป๋อง-กพล ทองพลับ นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง เล่าด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีว่า เมื่อครั้งยังเด็กเคยหยอดเหรียญโทรขอเพลงจากดีเจตามคลื่นวิทยุ ถึงวันหนึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นดีเจ มีผู้ฟังใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรเข้ามาเล่าพูดคุยด้วยเช่นกัน
“วัยรุ่นยุคก่อนต้องเคยแลกเหรียญโทรขอเพลงดีเจ หรือโทรจีบสาว ต้องเข้าคิวด้วยนะ บางคนใช้นานมาก ยืนรอจนจะหลับก็มี บางคนรอไม่ไหวโวยวาย 'เฮ้ย...นานไปแล้ว คุยเร็วหน่อยได้ไหม' นึกแล้วก็ตลก ตัวเราเองก็ต้องระวัง ยกหูเมื่อไหร่ จะดูคนอื่นก่อน มีคนต่อคิวไหม ไม่มีก็คุยยาวเลย โดยเฉพาะคุยกับสาว เคยโทรเข้าเบอร์บ้าน พ่อเขารับ เราไม่กล้าพูด รีบวางหูหนีเลย โทรกลับตามเราไม่ได้ด้วย”
ดีเจป๋อง กำพล ทองพลับ บอกว่า ผู้ฟังวิทยุในยุคนั้นใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรเข้ามาขอเพลง เล่าเรื่องราวสนุกๆ บ่อยครั้งเป็นเรื่องตลก บางทีเล่ายังไม่จบก็ตัดสายไปดื้อๆ เพราะเหรียญหมด
หากมองให้ลึกและรอบด้านแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า สังคมยุคนั้นดำเนินไปอย่างเนิบช้า เต็มไปด้วยการอคอย ต่างกับสมัยนี้ที่มีแต่ความเร่งรีบ และรอกันไม่ได้อีกแล้ว
1
ทางรอดยุคนี้...เปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้สอดคล้องกับเมือง
ในต่างประเทศ มีการปรับเปลี่ยนตู้โทรศัพท์สาธารณะให้สามารถใช้งานที่ตอบสนองกับพฤติกรรมของผู้คนในโลกสมัยใหม่ได้มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น อังกฤษและเยอรมนี บางเมืองออกไอเดียด้วยการจับเอาตู้โทรศัพท์สาธารณะมาแปลงโฉมเป็นห้องสมุดขนาดเล็ก หรือที่เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา โครงการ LinkNYC แปลงโฉมตู้โทรศัพท์สาธารณะแบบเก่า ให้กลายมาเป็นตู้ Wi-Fi Hub จำนวน 7,500 จุด ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง
มีฟังชั่นก์การใช้งานแสนล้ำ เปิดใช้งานแอพต่างๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดดูแผนที่จาก Google Map หรือเปิดเว็บเบราว์เซอร์เข้าเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงการโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (VoIP Calls) ได้แบบฟรีๆ
พร้อมกับมีช่องสำหรับเสียบหูฟังในการสนทนา และช่องเสียบสายชาร์จ USB และเพื่อความปลอดภัย หลังจากใช้งานเสร็จ ระบบจะทำการลบคุกกี้ และข้อมูลการใช้งานทั้งหมดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ด้วย
คราวนี้สมมุติว่า เราไม่ได้มีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ทุกหย่อมหญ้า ความน่าจะเป็นของผู้ที่จะได้พบเจอและใช้ตู้เหล่านี้จะยิ่งลดต่ำลงไปอีก ดังนั้นการใช้งบประมาณ หรือการใช้กฏหมาย จึงควรดูความน่าจะเป็นของการใช้งานควบคู่ไปด้วย
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ท่ามกลางวัฒนธรรมและกระเเสความเจริญของเทคโนโลยี ทุกอย่างต้องปรับตัวไม่เว้นเเม้กระทั่ง "ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
สิ่งที่จะทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่รอดต่อไปได้คือ พัฒนาให้มีความสอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน ควบคู่กับหารายได้ทางอื่นมาช่วยเหลือเพิ่มเติม
เเละล่าสุด
เผยโฉม ตู้โทรศัพท์สาธารณะ TOT รุ่นใหม่ ชาร์ตแบต WI-FI ฟรี!!
บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) รายงานถึง การติดตั้งตู้โทรศัพท์สาธารณะที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในกรุงเทพฯ ที่ดำเนินการไปแล้วจำนวน 11 จุด และเริ่มได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างดี
เนื่องจากเป็นตู้โทรศัพท์ที่มีบริการครบวงจรในตู้เดียว และออกแบบให้มีบริการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น สามารถโทรติดต่อเลขหมายฉุกเฉินและหมายเลขโทรศัพท์พื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
พร้อมทั้งให้บริการ WI-FI ฟรี รวมทั้งการออกแบบให้ประชาชนสามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ด้วยพอร์ต USB และมีระบบปรับแสงหน้าจอแบบอัตโนมัติเพื่อป้องกันการรบกวนของแสง
ทั้งยังสามารถรายงานสภาพอากาศได้ ที่สำคัญยังติดกล้องวงจรปิดซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนี้แล้วยังมีความทันสมัย ความสวยงามและแตกต่างจากตู้โทรศัพท์แบบเดิมอย่างสิ้นเชิง..
ขณะนี้ตู้โทรศัพท์สาธารณะแบบใหม่ได้ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว 11 จุด ไว้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชนอาทิ ถนนวิทยุบริเวณหน้าอาคารสินธร, ถนนเพลินจิต หน้าอาคารPark Ventures, ถนนราชดำริ หน้า185 ราชดำริและหน้าปากซอยมหาดเล็กหลวง 1, ซอยหลังสวน-สารสินบริเวณฝั่งตรงข้ามโรงแรม Gagan และฝั่งตรงข้ามPeng Mansion, ถนนพระรามที่ 1 บริเวณหน้าSiam Center และถนนอังรีดูนังค์ใกล้ร้านสุกี้โคคา ..
ขอบคุณข้อมูลจาก ประชาติธุระกิจ
ย่อขยาย โดย
รักเอย..
1 บันทึก
17
19
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขีดๆเขียนๆ
1
17
19
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย