16 ม.ค. 2021 เวลา 03:47 • การศึกษา
Ep6: เรียนภาษาที่2,3ยังไงให้ปังเว่อร์😉
ฉบับประสบการณ์ที่เรียนเอง
จากบทความที่แล้วในEp5:ความลับของเด็ก EP🤫
เราจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของเราฉบับที่เจอมากับตัวเองและมาถ่ายทอดให้กับทุกคนนะคะ💕
ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะตอนนี้ภาษาที่เราพูดได้แบบคล่องๆเลย(งูๆปลาๆขอไม่นับ🤔)มีทั้งหมด3ภาษา
•ภาษาแรกก็แน่นอนภาษาแม่ของนั่นเอง ภาษาไทย🇹🇭
•ภาษาที่สองคือ ภาษาอังกฤษ🇬🇧🇺🇸
•และภาษาที่สามคือ ภาษาจีน🇨🇳(จีนกลางนะคะจีนอื่นไม่ได้555)
สามภาษานี้ไปหลงที่ไหนหาข้าวกินได้แน่นอน5555
โดยส่วนตัวนะคะ…ย้ำว่าส่วนตัว. คิดว่าเราเรียนแค่2ภาษาไม่พอแล้วค่ะ คนพูดภาษาอังกฤษได้มีเยอะแยะมากมาย(เทียบกันในแวดวงธุรกิจนะคะ) โลกมันเปิดกว้างมากๆ ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาที่”ควรจะ”พูดได้แค่ฟังรู้เรื่องพูดได้นิดหน่อยก็โอเค แต่เนื่องด้วยมันเป็นภาษาที่ควรจะพูดได้ทำให้ในตลาดแรงงานคนพูดได้เพียบ แค่ใบสอบวัดระดับภาษาอังกฤษไม่ได้ทำให้เราโดดเด่นไปจากผู้สมัครงานคนอื่นๆเลย ต่างจากเมื่อก่อนมากๆ🥲
แล้วทำไมเลือกเรียนภาษาจีนล่ะ???
ถ้าหากพูดกันตามตรงถ้ามีคนมาถามว่าประเทศมหาอำนาจ2อันดับแรกของโลกคือประเทศอะไร?? เรามั่นใจมากว่าประเทศจีนจะเป็นหนึ่งในคำตอบของทุกๆคน…
รวมทั้งเราเป็นคนที่ชอบเดินทางมากๆไปเที่ยวเยอะมาก แล้วบางทีเวลาพ่อไปทำงานต่างจังหวัดหรือในประเทศเพื่อนบ้านของเรา เราจะก็จะติดรถพ่อไปตลอด(แต่ช่วงนี้อยู่บ้านค่ะ อกแตกตายแน่ๆ555)ทำให้เราเห็นว่า คนจีนนี่แฝงตัวเข้าไปอยู่ในทุกพื้นที่ของโลกจริงๆ…คนจีนที่เราเห็นกันในต่างประเทศเค้ามีโอกาสได้ออกนอกประเทศเค้ามาลงทุนมาทำงานมาเรียนต่อ…แล้วมีอีกตั้งเท่าไหร่ที่เค้ายังไม่มีโอกาศได้ออกมาลงทุนนอกประเทศ แทนที่เราจะรอเขามา เราเรียนภาษาเขาแล้วไปแทรกซึมที่บ้านเลยดีกว่า5555 ไปดูไปเรียนรู้เค้า รู้เขารผู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง😉
คือคนจีนประชากรเยอะมากกกกกกกก เยอะขนาดที่ถ้าเค้าพร้อมใจกันฉี่ทั้งประเทศ กรุงเทพมหานครคงจมอยู่ในบ่อฉี่นั้นได้มั้ง😂😂
เกริ่นมาซะนานเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
ถ้าเราอยากเรียนภาษาที่2,3ก่อนอื่นเลยสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีอย่างมากๆๆๆคือ “ใจที่แน่วแน่” การเรียนภาษามันดูเหมือนง่ายแต่บางครั้งมันก็มีอุปสรรคที่บั่นทอนจิตใจเราไม่น้อย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องมีคือ แรงมุ่งมั่น
หาแรงจูงใจให้เจอ ต่อให้มันดูไรสาระแต่ถ้ามันผลักดันเราได้ก็จงเชื่อมั่นในแรงจูงใจนั้น ตัวอย่างเลยคือ เพื่อนเรา เราไม่เคยคิดเลยว่าเหตุผลแค่นี้จะทำให้คนๆนึงเรียนภาษามา/ด้ไกลขนาดนี้ เพื่อนคนนี้ขอย่อว่า อ. ไอ่เจ้าอ. มันบอกว่ามันอยากเรียนภาษาจีนเพราะมันอยากไปงานแฟนมีทติ้งแจ็กสัน got7แล้วคุยกับเค้าได้แบบที่ไม่ใช่ท่องไปคุย มันติ่งศิลปินคนนี้มากๆๆๆ จนเอามาเป็นแรงผลักดันทำให้เรียนได้
พอเราหาแรงจูงใจเจอแล้วเราขออธิบายตามที่เราเข้าใจก่อนว่าเราแบ่งการเรียนภาษาเป็น3ระยะ(อันนี้คือที่เจอมากับตัวเองเลย)
•ระยะที่1
ระยะเริ่มต้น ตอนนี้เราเพิ่งจะก้าวมาสู่สิ่งใหม่ บางคนอาจจะเริ่มจาก0 บางคนอาจจะมีพื้นฐานมาแต่เพิ่งมาเรียนจริงจัง ระยะนี้สำหรับเรามันไม่ใช่ระยะที่ยากที่สุดแต่ระยะนี้ล้มเลิกง่ายสุดๆเพราะเราแค่เพิ่งจะเริ่ม เจอบทเรียนง่ายๆ ทำความรู้จักตัวอักษร แกรมม่าพื้นฐาน บทสนทนาง่ายๆ บางครั้งอาจจะน่าเบื่อ แต่บางครั้งพอไฟการศึกษามาก็สนุกขึ้นมาเฉยเลย
•ระยะที่2
ระยะก้าวผ่าน ที่บอกว่าก้าวผ่านคือก้าวจากความง่ายไปสู่ความยาก ระยะนี้ส่วนตัวว่าเป็นระยะที่จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ระยะนี้แล้วก็คือเราเรียนภาษาไปจนถึงระดับที่พอที่จะพูดได้แล้ว แต่พูดได้ไม่สุด พอที่จะอ่านได้แล้ว แต่ก็ยังอ่านได้ไม่สุด เป็นระยะที่ดูเหมือนจะได้แต่ก็ไม่ได้ ความรู้สึกมันงงๆ แบบ พอเห็นศัพท์คำนี้เฮ้ยเคยท่องแล้ว แต่มันคืออะไรวะ? ระยะที่แปลประโยคได้แต่ไม่สวย เป็นประโยคที่โครตประดิษฐ์เลย คือเป็นภาษาที่ใช้ใน text book แต่พอพูดจริงๆแล้วดูแปลกๆ ถ้างงให้ลองนึกถึง Good morning,teacher. How are you to day? I’m fine, Thank you, and you? มันจะอารมณ์แบบคนปกติทั่วไปเค้าไม่ใช้กันอ่ะ555555 ระยะนี้คือเหมือนจะรู้แต่ก็บ้ง5555
1
•ระยะที่3
ระยะรู้จริง หลังจากผ่านระยะที่2ซึ่งเป็นระยะที่รู้แต่รู้ไม่หมด ต่อจากนี้ก็คือระยะที่3และไม่มีที่สิ้นสุดเพราะเราก็ยังต้องเรียนรู้เรื่อยเพราะภาษาไม่เคยหยุดพัฒนา เราก็ต้องตามให้ทัน ระยะนี้คือระยะที่เรามั่นใจแล้วว่าสิ่งเราพูดออกไปถูกต้องแน่นอนและภาษาฟังแลเวเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ท่องมาจากหนังสือ ถ้าถึงระยะนี้แล้วการเรียนภาษาจะสนุกสุดๆๆๆๆๆไปเลย ดูหนังก็เข้าใจ อ่านบทความก็เข้าใจ มันดีไปหมด
ทุกคนสู้ๆนะคะ✌️💗
พอเรารู้จักกับระยะต่างๆที่เราจะต้องเจอแล้วเรามาพูดถึงการเริ่มเรียนและไปต่อกันดีกว่าค่ะ😉
เราว่าทุกคนน่าจะเคยท่องคำว่า “ฟัง พูด อ่าน เขียน”กันใช่มั้ยคะ เราอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนเลยว่านี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ทักอย่างเริ่มต้นที่การฟัง
พอเราฟัง…เราซึมซับว่าเค้าพูดกันยังไง ออกเสียงว่าอะไร เรียงประโยคกันแบบไหน ถ้าหากเราทำตามธรรมชาติของเราเราแทบไม่ต้องนั่งท่องแกรมม่าเลย เด็ดทารกเกิดมาพูดไม่ได้ก็อาศัยการฟังเป็นอย่างแรกซึมซับ คาแรคเตอร์ ของคนชาตินั้นๆ ไม่ว่าจะจากการฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรี่ย์ ดูมันเข้าไป555 ใครเคยเป็นมั้ยดูซีรี่ย์เกาหลี พูดก็ไม่ได้แต่พอเสพสื่อเหล่านี้เยอะๆเราเริ่มเดาได้ว่าคำนี้แปลว่าอะไร ต่อให้ดูซับไทยแต่หูเราฟังอยู่ ฟังจนภาษามันวิ่งวนในหัว ไม่เข้าใจหรอกแต่ภาษามันก็วิ่งวนอยู่อย่างนั้นอ่ะ
พูด…หลังจากที่เราซึมซับภาษานั้นๆมา จนบางครั้งภาษาวิ่งวนในหัวทั้งๆที่ไม่เข้าใจ ทีนี้เราลองเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ให้เราได้พูดภาษานั้นๆ ไม่ว่าจะไปเที่ยว คุยกับคนต่างชาติทางไหนก็ได้ จะปัดแอพหรือจะฝึกพูดกับเพื่อนก็ได้ มีอีกทางที่เราทำคือเปิดหนังดูแล้วเราก็ชอบต่อบทสนทนากับพระเอก5555 แบบเค้าถามนางเอกว่าเป็นอะไรเราก็ตอบแทนเค้าไป ว่า เธอนี่โง่จริงๆนางเอกเค้าชอบทำไมเธอไม่รู้ อะไรแบบนี้(บ้าบอ🤫)
1
อ่าน…พอเราได้ฟังได้พูดทีนี้เราก็มาอ่าน จริงๆเราก็ควรที่จะรู้จักตัวอักษรต่างๆแล้วเริ่มพวกประโยคสนทนาตั้งการการฝึกพูดแล้ว ในการอ่านนี้เพื่อที่จะมาดูภาษาเค้า มาอ่านว่าเค้าเรียงกันยังไง อ่านเพื่อให้อ่านออก อาจจะเริ่มจากหนังสือนิทานเด็กอ่านให้รู้ว่าคำนี้เขียนแบบนี้นะ
เขียน…หลังจากที่เราได้การ ฟัง พูด อ่าน แล้วสิ่งต่อมาคือการเขียนซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเพราะเราต้องใช้ทุกสกิลทั้ง ฟัง พูด อ่าน สังเคราะห์ออกมาให้เป็นการเขียนโดยใช้ภาษาของเรา
นักเรียนบางคนเริ่มต้นไม่ถูกแล้วมันยากกว่าเดิมทำให้ท้อง่ายไปอีก เช่นคุณเพิ่งเริ่มเรียนภาษาจีน แต่ไปหยิบหนังสือการ์ตูนมานั่งอ่าน ถึงมันจะง่ายแต่ว่าคุณก็อาจจะไม่เข้าใจหนังสือเล่มนั้นทั้งหมดทำให้ยิ่งท้อไปอีกว่าหนังสือแค่นี้ยังอ่านไม่ออกเลย เพราะฉะนั้นค่อยๆเรียนรู้ไปตามธรรมชาติของคนเราดีกว่านะคะ
ทริปเล็กๆน้อยๆจากเรา
ก็คือสร้างบรรยากาศในห้องให้เป็นที่แห่งการเรียนรู้โดยการแปะโน้ตเข้าไปในทุกอย่างที่เรามองเห็น ช่วยได้เยอะเลยนะคะ
เรารู้ว่าเราโชคดีมากๆที่มีโอกาสได้เรียนในep ได้ไปเรียนที่จีนทำให้ภาษาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เชื่อเราเถอะ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆค่ะ เรียนที่ไทยก็ปังได้ สู้ๆค่ะทุกคน
ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้นะคะ ติชมกันได้เสมอค่ะ💗✌️
เม้นภาษาอะไรกันมาถ้าเราตอบได้จะตอบเป็นภาษานั้นนะคะ😉💕💗✨
โฆษณา