18 ม.ค. 2021 เวลา 02:13 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Jojo Rabbit
หนังเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์ แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับ Parasite ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าเพราะจาก 6 สาขาที่ได้เข้าชิง Jojo Rabbit คว้าได้หนึ่งรางวัลนั่นก็คือ บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ติดมือมา จากผู้กำกับ Taika Waititi ที่มีผลงานโดดเด่นอย่าง ​Thor: Ragnarok คนที่เข้ามาเปลี่ยนโทน รวมถึงทิศทางของ Thor ที่ช่วยให้หนังพ้นจากสภาพอึมครึมและสร้างลักษณะเฉพาะตัวได้สำเร็จ
ผู้กำกับของเราเล่นเป็นฮิตเลอร์เองเลย
ที่มาของ Jojo Rabbit ก็คือหนังสือ Caging Skies ของ คริสทีน ลีวเนนส์ ที่ว่าด้วยเรื่องชีวิตของ Jojo Betzler (โจโจ เบทซ์เลอร์)ในช่วงท้ายๆของสงครามครั้งที่ 2 เด็กชายวัยสิบขวบที่กำลังจะไปเข้าค่ายยุวชนนาซี โดยมีเพื่อนในจินตนาการเป็นถึง Adolf Hitler นั่นทำให้เขากลายเป็นเด็กรักชาติอย่างรุนแรง ระดับที่มีฮิตเลอร์เป็นเพื่อนในความคิดอะครับ555 และแน่นอนด้วยเหตุนั้นทำให้โจเป็นเด็กที่เกลียดชาวยิว เพราะถูกปลูกฝังและถูกสอนให้ทำในสิ่งที่ไม่ใช่กิจของเด็กเลยแม้แต่น้อย เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ (โรซี) ส่วนพ่อเดินทางไปรบที่อิตาลี ขาดการติดต่อกับครอบครัวไป และโจยังเคยมีพี่สาวอีกคน ชื่อ อิงเก ซึ่งเธอเสียชีวิตไปนานแล้ว
โรซี กับ โจโจ
จนมาวันนึงโจได้รับบาดเจ็บจากค่ายยุวชนนาซี เขาได้พบว่าที่บ้านที่เคยอยู่กับแม่แค่สองคน มีห้องลับที่ เอลซ่า เด็กสาวชาวยิวใช้หลบซ่อนตัวอยู่ เอลซ่าขู่ว่าหากเขาไปแจ้งเจ้าหน้าที่นาซี คนที่จะเจอกับปัญหาตามมาทีหลังก็คือแม่ของโจ ทำให้โจต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านร่วมกันกับเอลซ่า ซึ่งขัดแย้งกับความต้องการของเพื่อนในจินตนาการอย่างสุดขั้ว แต่เวลาผ่านไปเมื่อได้ทำความรู้จักกับเอลซ่าทำให้โจได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของชาวยิวมากขึ้นกว่าเดิม จนมุมมองและความรู้สึกบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็น
เอลซ่า กับ โจโจ
ด้วยประเด็นของ Jojo Rabbit ก็ไม่ต่างกับหนังหลายๆเรื่องที่ว่าด้วยสงครามกับเด็กที่มักจะพูดเรื่องความไร้เดียงสา การสูญเสีย หากแตกต่างกันที่มุมมอง รายละเอียดหรือการเล่าเรื่อง ที่แสดงให้เห็นว่า สงครามทำลายอะไรในชีวิตผู้เยาว์วัยไปบ้าง ซึ่งนอกจากความไร้เดียงสาแล้ว สิ่งนั้นคือชีวิต
ณ ค่ายยุวชนนาซี
ถึงเรื่องราวจะดูซีเรียส จริงจัง แต่เมื่อนำเสนอได้อย่างมีสีสันฉูดฉาดในแบบของ Taika Waititi เลยกลายเป็นหนังเสียดสีที่จัดเต็มด้วยอารมณ์แบบตลกร้าย มีการเปลี่ยนแปลงของตัวละครได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล รวมถึงแสดงให้เห็นผลกระทบที่เด็กๆได้รับจากสงครามอย่างมีชั้นเชิง ไม่ชี้นำจนกลายเป็นสอน หลายๆครั้งอาจทำให้ยิ้มพร้อมรู้สึกหดหู่ในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าประเด็นดราม่าครบ เล่าคม เล่นดี ดูสนุก แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ใช่ว่าจะดีไปซะทุกอย่าง มีบางจุดที่ไปไม่สุดทางอย่างที่ควรจะเป็น แต่ยังไงก็แนะนำอยู่ดีครับ ควรค่าแก่การเสียเวลาอย่างยิ่ง และคุณอาจจะรักหนังเรื่องนึ้ไปเลยก็ได้
ขอบคุณที่มาจาก : https://www.gqthailand.com/culture/article/jojo-rabbit-movie-review
โฆษณา