16 ม.ค. 2021 เวลา 02:09 • ธุรกิจ
Bitcoin Story ตอนที่ 10 : The End of the Beginning
ช่วงฤดูร้อนของปี 2014 เป็นจุดสิ้นสุดของการพัฒนาส่วนแรกของ Bitcoin ซึ่งบริษัทที่เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาครั้งแรกของ Bitcoin และนำไปสู่ปรากฏการณ์ระดับโลกนั่นคือ Mt. Gox ได้ล่มสลายไปตามชะตากรรมของ Silk Road และ BitInstant
กลุ่ม Wall Street สนใจเทคโนโลยีเบื้องหลัง Bitcoin อย่าง Blockchain
ความล้มเหลวอย่างมากของ Mt Gox สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อผลประโยชน์สาธารณะและความเชื่อมั่นใน Bitcoin มากกว่าความล้มเหลวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ก่อนหน้านี้
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับ Bitcoin ได้เกิดขึ้นแล้ว และถึงกระนั้น Bitcoin เองก็ยังไม่ตาย
สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เริ่มสำรวจเทคโนโลยีตอนนี้เงียบหายไปมากและยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปี 2014 Mt. Gox ทำให้ บริษัทหลายแห่งกังวลใจที่จะเชื่อมโยงตัวเองกับ Bitcoin ในทางใดทางหนึ่ง
แต่ต้องบอกว่าทีมงานเบื้องหลังของพวกเขาไม่ได้หยุดแต่อย่างใด Goldman Sachs และ JPMorgan ไม่เพียงแต่ไม่ยุบกลุ่มทำงาน Bitcoin เท่านั้น แต่มีการสรรหาผู้เชี่ยวชาญใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และธนาคารอื่น ๆ ก็ได้สร้างกลุ่มทำงานเกี่ยวกับ Bitcoin ของตนเองขึ้นมาเช่นเดียวกัน
จากข้อมูลที่รั่วไหลออกมาชี้ให้เห็นว่า บริษัท ยักษ์ใหญ่อื่น ๆ เช่น IBM กำลังสำรวจว่าพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากวิธีการใหม่ในการเก็บบันทึกที่จัดทำโดยบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจของ Bitcoin ซึ่งเป็น blockchain ได้อย่างไร
ฝาแฝด Winklevoss ได้เริ่มสร้าง บริษัท Bitcoin ใหม่อย่างเงียบ ๆ ที่โต๊ะทำงานด้านหลังสำนักงานในแมนฮัตตันของ Winklevoss Capital
เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างการแลกเปลี่ยน Bitcoin รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากแนวคิดเดิมของ Roger Ver แต่เป็นการผูกมิตรกับกลุ่มทางการเงินขนาดใหญ่อย่าง Goldman และ Citibank แทน
หลังจากทำงานอย่างหนักมาหนึ่งปีพี่น้อง Winklevoss ได้เปิดตัวแพล็ตฟอร์มการแลกเปลี่ยน Bitcoin ใหม่ที่มีนามว่าว่า Gemini
กลุ่ม Wall Street สนใจเทคโนโลยีเบื้องหลัง Bitcoin อย่าง Blockchain
โดย Cameron และ Tyler กล่าวว่าพวกเขาหวังว่าจะเป็นบริษัทแรกที่ได้รับ BitLicense จากหน่วยงานกำกับดูแลของนิวยอร์ก เพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดบริการให้กับลูกค้าทั่วประเทศได้
Erik Voorhees กล่าวว่า BitLicense เป็นการทรยศต่อ Bitcoin ทั้งหมด แต่ฝาแฝดต่างก็มีความสุขมากที่ได้เป็นพันธมิตรกับกลุ่มเหล่านี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ Bitcoin ต้องการเพื่อให้สามารถขยายได้ในอนาคต
บางสิ่งบางอย่างได้เผยให้เห็นชะตากรรมของสาวกรุ่นแรก ๆ ของ Bitcoin ตัวของ Ross Ulbricht ได้รับการช่วยเหลือจากนักลงทุน Bitcoin รุ่นแรก ๆ หลายคนเช่น Roger Ver ผู้ซึ่งเข้ามาช่วยจ่ายเงินในเรื่องการดำเนินคดีทางกฏหมายให้กับเขา
องค์กรที่ Mark, Roger และ Charlie ได้สร้างขึ้น ได้ช่วยให้ Bitcoin เข้าสู่กระแสหลัก คือ Bitcoin Foundation พังทลายลงเมื่อพวกเขาต้องแยกทางกันไปตามทางเดินใหม่ของตนเอง
แทนที่จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในแรงบันดาลใจเชิงอุดมคติของโลก Bitcoin การสลายตัวของ Bitcoin Foundation ได้ปูทางไปสู่ความเป็นมืออาชีพในอุตสาหกรรมมากขึ้น
บริษัท ร่วมทุน Andreessen Horowitz และนักลงทุนรายใหญ่อีกสองสามรายช่วยกันจัดตั้ง Coin Center ในวอชิงตันดีซีเพื่อให้ความรู้และล็อบบี้หน่วยงานกำกับดูแลและผู้ออกกฎหมาย และศูนย์นี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วในฐานะเสียงของชนชั้นสูงใหม่ใน Bitcoin
Gavin Andresen ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับค่าตอบแทนจาก Bitcoin Foundation ได้ย้ายไปทำงานที่ MIT Media Lab ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่มสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง
Gavin ยังคงทำงานต่อจากสำนักงานที่บ้านของเขาในภาคกลางของรัฐแมสซาชูเซตส์ นักพัฒนาหลักอีกสามคนเข้าร่วมงานกับสตาร์ทอัพชื่อ Blockstream ซึ่งทำงานเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นเชิงพาณิชย์สำหรับ Bitcoin
แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่ทำให้เหล่านายธนาคารหลงใหล Bitcoin นั้นกลับเป็นเทคโนโลยี Blockchain ที่อยู่เบื้องหลังของ Bitcoin ต่างหาก ไม่ใช่ตัวของ Bitcoin เอง
ผู้บริหารจาก Citibank, Santander และ BBVA รวมถึงคนอื่น ๆ กล่าวว่าพวกเขาไม่เห็นขีด จำกัดของศักยภาพของบัญชีแยกประเภทที่กระจายอำนาจซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ถูกกว่าและรวดเร็วกว่าทุกประเภทที่มีอยู่ในปัจจุบัน
UBS และ Barclays ตั้งห้องปฏิบัติการ Blockchain โดยเฉพาะในลอนดอนซึ่งพวกเขาได้ทดลองวิธีเชื่อมโยงกับธนาคารอื่น ๆ บนระบบ Blockchain เพื่อทำธุรกรรมขนาดใหญ่
โครงการนี้ค่อนข้างเหมือนซอฟต์แวร์ที่ Nasdaq สร้างขึ้นเพื่อบันทึกและดำเนินการซื้อขายหุ้น แต่ตอนนี้มีการพูดถึงการใช้ blockchain ในรูปแบบต่างๆเพื่อจัดการธุรกรรมทางการเงินทุกประเภทในโลก
ในการรวมตัวกับผู้บริหารของ Wall Street ในช่วงฤดูร้อนปี 2015 มีคำกล่าวที่ว่า “คุณควรจะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างจริงจังเท่ากับที่ใช้ในการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในช่วงต้นทศวรรษ 1990”
กลุ่ม Wall Street สนใจเทคโนโลยีเบื้องหลัง Bitcoin อย่าง Blockchain
แต่ความคิดที่ว่าแนวคิดของ blockchain ที่แยกออกจาก Bitcoin สกุลเงินเสมือนดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไร้สาระสำหรับผู้สนับสนุน Bitcoin มาอย่างยาวนาน
กลุ่มคนใน Silicon Valley มองว่า Bitcoin เป็นสิ่งที่ให้แรงจูงใจสำหรับผู้คนใหม่ ๆ ในการรักษา Blockchain และป้องกันการโจมตี ซึ่งหากคิดเหมือนกลุ่ม Wall Street การที่ blockchain ที่ดูแลโดยธนาคารเพียง 20 แห่งนั้นง่ายกว่ามากในการถูกโจมตี
การถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อสันนิษฐานนี้ Blockchain ที่ทรงพลังจำเป็นต้องใช้สกุลเงินเสมือนเช่น Bitcoin หรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ยังดึงดูดผู้เข้าร่วมจากธนาคารกลางรวมถึง Federal Reserve และ Bank of England ให้มาพินิจพิเคราะห์กับเทคโนโลยีของ Blockchain
รวมถึงความเป็นไปได้ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาที่สกุลเงินต่างๆ ของตนเอง จะถูกสร้างและบันทึกในบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจในท้ายที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็ต่างชอบความคิดที่ว่าเงินทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผ่านความมหัศจรรย์ของการเข้ารหัสนั่นเองครับผม
แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Bitcoin จาก Blog Series ชุดนี้
จากเรื่องราวของ Bitcoin ใน Series ชุดนี้ ต้องบอกว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของการก่อกำเนิดขึ้นของเทคโนโลยีการเงินที่กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญกับโลกเรามากยิ่งขึ้นในยุคปัจจุบัน
ด้วยความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังทำให้เรื่องของ Bitcoin นั้นถูกนำไปใช้ในทางผิด ๆ หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแชร์ลูกโซ่ หรือ การหลอกลวงให้ลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ที่เราได้เห็นผ่านข่าวที่ผ่านมาในอดีต
ซึ่งบทส่งท้ายนั้นเราจะได้เห็นถึงแนวคิดของสองพี่น้อง winklevoss ที่ต้องการให้รูปแบบธุรกิจของพวกเขานั้นผ่านการรับรองจากหน่อยงานภาครัฐมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามันมาจากปัญหาในอดีตจากการล่มสลายของ Mt.Gox แม้จะถูกมองว่าเป็นการทรยศต่อแนวคิดหลักของ Bitcoin ที่ Satoshi Nakamoto ได้ออกแบบขึ้นเพื่อไม่ให้มีตัวกลาง ที่จะกลายเป็นระบบการเงินในอุดมคติ
แต่การพัฒนาของเทคโนโลยีก็ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เหล่าธนาคารชั้นนำหรือกลุ่มการเงินใน Wall Street เองก็เริ่มยอมรับเทคโนโลยีเบื้องหลังของ Bitcoin อย่าง Blockchain เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
หรือในไทยเองแพล็ตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอลที่เกิดขึ้นมากมาย ก็เริ่มได้รับการรับรองจากกลต. หรือหน่วยงานของรัฐมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาสนใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น นอกจากเพียงแค่เข้ามาเพราะเห็นถึงการพุ่งทะยานของราคาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ต้องบอกว่าสุดท้าย Bitcoin มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการลงทุนรูปแบบอื่นที่โลกเราได้สรรค์สร้างขึ้นมา ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดก็แทบไม่ต่างจากรูปแบบการลงทุนอย่างอื่นที่เคยมีมาในอดีต
มีเพียงชนชั้นนำเล็ก ๆ เพียงไม่ถึง 1% ที่ร่ำรวยจากโลกการเงินแนวคิดใหม่นี้ ในขณะที่ 99 เปอร์เซ็นต์นั้นก็เป็นคนจนเหมือนเคย หรือไม่ก็ล้มละลายไปเลยจาก Case ตัวอย่างของ Mt.Gox
ย้อนกลับไปที่แนวคิดตั้งต้น Bitcoin ได้สัญญาว่าจะกระจายผลประโยชน์ให้กับผู้ใช้ทุกคน แต่ในปัจจุบัน มูลค่าของเศรษฐกิจใน Bitcoin เป็นของคนไม่กี่คนที่ร่ำรวยขึ้นมา
การเกิดขึ้นของเหรียญใหม่ส่วนใหญ่ที่ออกในแต่ละวันถูกรวบรวมโดยกลุ่มเหมืองแร่ขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งถ้ามองว่า Bitcoin คือแนวคิดของโลกการเงินแบบใหม่ แต่ถึงวันนี้มันก็ได้พิสูจน์ในระดับนึงแล้วว่า มันไม่ได้แตกต่างจากโลกการเงินหรือการลงทุนแบบเก่า ๆ ที่เราเคยเห็นกันในอดีตเลยนั่นเองครับผม
อ่านตอนพิเศษ : The Hunt for Satoshi Nakamoto
ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก : Prologue
เครดิตแหล่งข้อมูลบทความ
=========================
ร่วมสนับสนุน ด.ดล Blog และ Geek Forever Podcast
เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิต Content ดี ๆ ให้กับท่าน
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA เพียงคลิก :
=========================
ฟัง PodCast เรื่องเกี่ยวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ที่ Geek Forever’s Podcast
——————————————–
ฟังผ่าน Podbean :
——————————————–
ฟังผ่าน Apple Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Google Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Spotify :
——————————————–
ฟังผ่าน Youtube :
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา