16 ม.ค. 2021 เวลา 04:22 • ไลฟ์สไตล์
กดรีโมทอย่างไรให้แอร์เย็น แถมประหยัด!!
1
การทำงานของปุ่มรีโมทแอร์
ข้อแนะนำ ในการใช้โหมดแอร์แต่ละสถานที่อย่างเหมาะสม
5 สูตรในการใช้แอร์อย่างประหยัด
บางคนอาจะเคยเจอปัญหาเปิดแอร์แล้วไม่เย็น แล้วปุ่มรีโมทแอร์มีไว้ทำไมหลายปุ่ม ซึ่งบางปุ่มเราอาจจะไม่เคยได้ใช้ด้วยซ้ำ!
ปัญหา!!!
เกิดจากผู้ใช้งานแอร์บางท่านโดยเฉพาะผู้สูงอายุ เผลอกดเลือกโหมดทำงานหลักผิดไปจากเดิม
แล้วพบว่า...
แอร์ที่เปิดอยู่นั้น! กลับไม่เย็นตามที่ต้องการ จนบางครั้งก็อาจคิดไปไกลว่าแอร์เสีย
การทำงานของปุ่มรีโมทแอร์
- โหมดการทำงานแบบออโต้หรือโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติ ในแอร์บางรุ่นอาจจะเรียกว่า โหมดไอฟิว
โดยเมื่อเรากดปุ่ม MODE แล้วเลือกการทำงานในโหมด AUTO แอร์ก็จะตั้งอุณหภูมิ และความเร็วพัดลมโดยอัตโนมัติ
ระบบจะเป็นฝ่ายกำหนดอุณหภูมิ และความเร็วพัดลมให้เอง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องที่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่ตรวจพบในขณะนั้น
โหมดการทำงานก็จะสลับกันเองระหว่าง Mode Cool กับ Mode Dry
#สาระจี๊ดจี๊ด
การทำงานแบบอัตโนมัติที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากเมื่อเทียบกับการใช้งานแอร์แบบที่เราใช้กันทั่ว ๆ ไป
- โหมดการทำงานแบบ Cool หรือ โหมดทำความเย็น
เป็นโหมดการทำงานที่เรานิยมใช้กันมากที่สุดโดยเมื่อกดปุ่ม Remote Control แล้วเลือกการทำงานให้อยู่ในโหมด Cool แอร์ก็จะเข้าสู่การทำงานในรูปแบบทำความเย็น และคงระดับอุณหภูมิให้อยู่ในขอบเขตที่เรากำหนดเองตามที่เราต้องการ รวมทั้งยังสามารถปรับระดับความเร็วพัดลมได้อีกด้วย
1
- โหมดการทำงานแบบ Dry หรือ โหมดลความชื้น
ผู้ใช้งานจะไม่สามารถกดตั้งอุณหภูมิได้เมื่ออยู่ในโหมดลดความชื้นและแอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นในอากาศ
#สาระจี๊ดจี๊ด
โหมดลดความชื้นนี้หากไม่ได้ใช้งานในห้องที่ต้องการควบคุมความชื้นโดยเฉพาะ ก็ถือว่าไม่จำเป็นกับการใช้งานในบ้านทั่ว ๆ ไป
- โหมด Fan หรือ โหมดพัดลม
เมื่อใช้งานโหมดนี้ เราสามารถปรับความเร็วพัดลมได้ แต่ไม่สามารถตั้งอุณหภูมิได้ และลมที่ออกมาจากชุดคอยล์เย็นก็อยู่ในระดับอุณหภูมิห้อง ไม่ใช่ลมเย็น
#สาระจี๊ดจี๊ด
โหมด Fan จะไม่ค่อยนิยมใช้กัน แต่จะมีประโยชน์ในเรื่องการเจอปัญหากลิ่นเหม็นอับที่ออกมาจากแอร์
#สาระจี๊ดจี๊ด
เมื่อเราใช้แอร์เสร็จก็จะเป็นช่วงที่ใกล้ปิดแอร์ ก่อนจะปิดแอร์ให้เลือกไปที่โหมด Fan สัก 15 – 20 นาที แล้วจึงปิดแอร์ จะช่วยเป่าแผงคอยล์เย็นด้านใน ลดความชื้นสะสม ซึ่งสามารถช่วยลดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์
- Smart Saving Mode
โหมดนี้มีเฉพาะในแอร์บางรุ่นเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นโหมดที่ประหยัดอย่างมาก โดยการทำงานของแอร์จะทำงานตามอุณหภูมิที่เราตั้งไว้แต่จะถูกสั่งการให้ทำงานช้าลง ทำงานแบบไม่กระชาก เมื่อเปิดโหมดนี้ เราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงแอร์ ซึ่งโหมดนี้จะทำให้แอร์เย็นช้า แต่จะประหยัดไฟได้อย่างมาก เหมาะสำหรับห้องที่ต้องเปิดแอร์ทั้งวัน
ข้อแนะนำ ในการใช้โหมดแอร์แต่ละสถานที่อย่างเหมาะสม
- Cool Mode ใช้ในบ้าน ห้องคอนโดทั่วไป ที่ 25 องศา ในกรณีที่ยังไม่เย็นให้เปิดพัดลมช่วยจะประหยัดกว่าการที่เราต้องลดอุณหภูมิลง เพราะเสี่ยงในการเปลืองไฟอย่างมาก
- Auto Mode ใช้ใน ห้องที่มีคนเยอะ ๆ เพราะแอร์จะต้องใช้เซ็นเซอร์จับ และวิเคราะห์การทำงานออกมาอย่างอัตโนมัติ
- Dry Mode ยังไม่มีความจำเป็นมากนัก ในอากาศภายในเมืองไทย <ยกเว้นช่วงหน้าหนาวที่มีอุณหภูมิต่ำ>
- Fan Mode ใช้ในการทำความสะอาดแอร์ หรือในช่วงที่มีอากาศหนาวแต่อากาศไม่ถ่ายเท
- Smart Saving Mode หากใช้แอร์ที่มีโหมดนี้ เหมาะอย่างยิ่งที่ควรจะใช้ในเวลานอน เพราะจะช่วยให้ประหยัดได้อย่างมาก
5 สูตรในการใช้แอร์อย่างประหยัด
1. ปรับระดับอุณหภูมิ 25 องศา
2. ปิดเครื่องก่อนออกจากห้อง 10 นาที
3. ไม่มีสิ่งกีดขวางทางลม
4. ระบายความร้อนออกจากห้องก่อนเปิดแอร์
5. ล้างแอร์ และเช็คสภาพ 6 เดือน/ครั้ง
#สาระจี๊ดจี๊ด
ควรปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะ หากปรับให้อยู่ประมาณ 28–30 องศา แล้วเลือกเปิดพัดลมตาม เพื่อเพิ่มความเร็วลมในห้อง จะช่วยประหยัดพลังงานได้มาก เพราะเครื่องปรับอากาศจะทำงานเบาลง
#สาระจี๊ดจี๊ด
Smart Saving Mode โหมดนี้มีเฉพาะในแอร์บางรุ่นเท่านั้น
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
แหล่งที่มา
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง
โฆษณา