16 ม.ค. 2021 เวลา 12:42 • ท่องเที่ยว
ทริปโดนเท ตอนที่2
ว่าแล้วก็มาถึงวันเดินทาง ยอมรับว่าตื่นเต้นเพราะคนเดียวจริงๆ ไม่มีคนให้ปรึกษา มีแต่ข้อมูลที่หามาได้ ตื่นแต่เช้ามืดไปสนามบิน เช็คอิน กรุงเทพ-สุราษฎร์ฯเรียบร้อย น้องพนักงานถามว่าท่านเดียวเหรอคะ(เหมือนโดนเปิดแผล😅)ก็ผ่านจุดต่างๆ หาอะไรกินเรียบร้อยทีนี้ก็รอเวลาเครื่องออก โทรคอนเฟิร์มรถตู้อีกครั้งว่าจะถึงเวลาประมาณนี้นะเป็นอันเรียบร้อย
(ระหว่างรอเวลาเครื่องออก)
ได้เวลาเดินทาง(ฟ้ายังไม่สว่างดีเลย)
ถึงสุราษฎร์โดยปลอดภัยทีนี้ก็มารอรถตู้ที่จะขับมารับเรา ยืนรอได้ซัก10นาทีคนขับรถตู้ก็โทรมาบอกว่ามาถึงแล้วให้เดินมาที่ทางออก
รถใหม่คันใหญ่ ขึ้นไปมีผู้โดยสารท่านอื่นนั่งอยู่บ้างแล้ว คนขับบอกว่าจะวนเข้าตัวเมืองสุราษฎร์เพื่อไปรับผู้โดยสารอีกบางส่วน เรานึกในใจก็ดีนะจะได้ดูบ้านเมืองเค้าด้วยว่าเป็นยังไง
แล้วก็มาจอดพักรับผู้โดยสารในตัวเมืองสุราษฎร์คนขับรถก็ทำอะไรไปจนผู้โดยสารมาครบแต่ว่าก็ไม่เต็มคันเลยได้นั่งกันสบายหน่อย รถจึงออกเดินทางเพื่อไปยังท่าเรือ นั่งชมบรรยากาศสองข้างทางมาเรื่อยๆใช้เวลาจากตัวเมืองประมาณชั่วโมงกว่าๆ คนขับรถตู้แวะจอดร้านสะดวกซื้อให้พวกเราที่นั่งมาซื้อของกินของใช้ ทุกคนก็ลงไปซื้อกัน เราเองก็ซื้อขนมนิดหน่อยกับเครื่องดื่มพอประมาณ(กะว่าระหว่างนั่งเรือเข้าไปจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและทิวทัศน์สองข้างทาง😅)แล้วรถก็พาเรามาถึงท่าเรือ ซึ่งมีของขายเต็มเลยแต่รถจอดให้พวกเราซื้อของกันก่อน (น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ให้กันมั้งเดาๆไป😅) แล้วทีนี้ก็มาหาเรือเพื่อที่จะนั่งไปที่แพคลองคะที่เราจองไว้ ก็โทรไปทางเบอร์ที่เราจองที่พักไว้เค้าก็ให้ติดต่อกับคนขับเรืออีกที เค้าถามว่ามากี่คนครับ เราตอบไปว่ามาคนเดียวครับ เค้าทำหน้างง แล้วบอกว่าคนเดียวค่าเรือมันจะแพงน่ะซิเหมือนเราต้องเหมาไป หรืออยากประหยัดก็ต้องรอว่ามีใครจะไปที่เดียวกันรึเปล่าจะได้อาศัยพ่วงไปด้วยอีกคน แต่ไม่รู้ว่าจะอีกนานมั้ย ก็รออยู่ซักพักเลยตัดสินใจไปคนเดียวนี่แหละไหนๆก็มาถึงแล้ว เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะมีคนไปทางเดียวกับเรา เลยไปบอกพี่เจ้าของเรือว่าผมไปเลยละกัน เค้าก็โอเค บอกรายละเอียดอะไรต่างๆ ว่าเรือจะอยู่กับเราตลอดนะ เพื่อรอรับกลับเลยแล้วขากลับเค้าจะพาเราไปแวะถ่ายรูปตามแลนด์มาร์คสำคัญๆ ก็เป็นอันตกลงตามนี้ ได้เรือเรียบร้อยว่าแล้วออกเดินทาง Let’s go
(ทางเดินไปลงเรือ วันนี้น้ำขึ้นสูงมากต้องถอดรองเท้าลุยไปนิดนึง)
(ถ่ายจากมุมสูงบริเวณท่าเรือ)
เริ่มออกเดินทางกันเลยทั้งตื่นเต้นและก็สนุกไปพร้อมๆกัน เรือแล่นไปได้ซักพักก็หยิบเครื่องดื่มออกมาเปิดดื่มกินไป มีกับแกล้มเป็นบรรยากาศสองข้างทาง ช่วงแรกยังไม่มีอะไรมากนักเป็นผืนน้ำโล่งๆ แล่นไปซักพักมองไปทางฝั่งซ้ายมือก็จะเห็นเขื่อนรัชชประภาอยู่ไกลๆ
(แนวสันเขื่อนรัชชประภา)
เรือแล่นไปได้ซักพักสัญญาณโทรศัพท์ก็หายไปจากเราโดยสิ้นเชิง ทีนี้ก็ทำได้แค่ถ่ายรูปๆ ด้วยความสบายใจและอากาศเย็นๆเดินทางไปได้ซักครึ่งชั่วโมงก็เริ่มจะปวดฉี่ซะแล้ว ทำไงล่ะทีนี้ ถามพี่คนขับเรือว่าอีกไกลมั้ยครับ ได้คำตอบว่าอีก45นาที 😰 เอาล่ะทีนี้ทำไงล่ะ อดทนซิ เลยเลิกดื่มก่อน ทีนี้ก็มาชมบรรยากาศอย่างเดียวแล้ว
ระหว่างทาง บรรยากาศดีมาก
คุยกับพี่คนขับไปเพลินๆก็ถามพี่เขาว่าจะกลางวันแล้วหมอกยังเยอะอยู่เลยเนอะพี่ สวยดี พี่คนขับหัวเราะเบาๆบอกว่าไม่ใช่หมอกหรอกมันเป็นควันไฟป่าจากอินโดนีเซียที่พัดมาถึงที่นี่ วันก่อนเยอะกว่านี้อีก เราก็ได้แต่ยิ่มเจื่อนๆไป ก็คิดไปว่าไฟไหม้ป่าประเทศเค้าแต่ก็กระทบมาถึงบ้านเราเลย
แล้วเรือก็แล่นมาจะถึงที่พัก มองเห็นอยู่ลิบๆก็รู้สึกว่าสวยจังเลย โลกเรานี่มันกว้างใหญ่จังเลยนะ แล้วเรือก็มาจอดเทียบท่ากับแพคลองคะที่เราจองที่พักไว้ อันดับแรกวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเลยเพราะอั้นมานาน😅😅
คุยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่เรียบร้อย (พี่ๆที่นี่แต่งตัวกันตามสบายเหมือนอยู่บ้าน)ทุกคนแปลกใจทำไมมาเที่ยวคนเดียวก็บอกเค้าไปว่านัดเพื่อนแล้วแต่เพื่อนไม่มา ฮ่าๆๆๆ แล้วเค้าก็อธิบายอะไรต่างๆว่าห้องน้ำอยู่ตรงนี้ มากินข้าวตรงนี้ ไฟจะมีให้ใช้ถึงเที่ยงคืนนะ หลังจากนั้นจะตัดไฟทั้งหมดส่วนสัญญาณโทรศัพท์นั้น”ไม่มี”!! แล้วเค้าก็พาไปที่ห้องพักของเรา มาดูกันเลยว่าเป็นแบบไหน
บ้านที่ผมพักอยู่หลังนอกริมสุด บรรยากาศดีมากจริงๆ สวยที่สุดแต่เดินไปห้องน้ำไกลที่สุดเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ ว่วนในบ้านก็มีตามที่เห็นในรูปเลยครับ
เก็บของเรียบร้อยทีนี้ทำอะไรล่ะสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี นั่งๆนอนๆไปซักพัก ก็ออกมานั่งหน้าบ้านดูคนอื่นๆเค้าเล่นน้ำไป โทรศัพท์ก็เอามาเปิดเพลงคลอๆไป รู้สึกว่าชีวิตช้าลงจริงๆได้อยู่กับตัวเอง กับธรรมชาติรอบตัว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถ่ายรูปบ้างกินขนมไปเพลินๆ บ้านถัดไปสามหลังมีกลุ่มเพื่อนๆมาพักกัน6คน เค้าก็เล่นกีตาร์ร้องเพลงเล่นน้ำกันไป เราก็นั่งดูพวกเค้าไปเพลินๆจนตะวันบ่ายคล้อย มีพี่เจ้าหน้าที่คนนึงเดินมาตาม บอกว่าไปนั่งด้วยกันที่นู้นมั้ย นั่งคนเดียวเหงาตายเลยก็เลยตอบรับคำชวนอย่างยินดี ว่าแล้วก็หอบขนมและเครื่องดื่มตามพี่เขาไปอย่างง่ายดาย
บรรยากาศหน้าบ้านพักที่เราอยู่วิวหลักล้านมาก
เดินมานั่งร่วมวงกับพวกพี่เค้าก็คุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบต่างๆกันไป แล้วก็มีพวกเค้าชวนกันไปยิงปลาเค้าก็ชวนนะแต่กลัวจะไปเป็นภาระเค้าเลยบอกว่ารอดูอยู่ทางนี้ดีกว่า พี่เค้าก็ออกเรือไปกันสองคนพร้อมกับปืนยิงปลา เราก็นั่งฟังพวกพี่เค้าคุยอะไรต่างให้ฟังซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่เคยได้รู้มาก่อน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปถึงเรื่องใหญ่รู้สึกอบอุ่นและสบายใจขึ้นมากอารมณ์เหมือนกลับบ้านต่างจังหวัดแล้วเจอญาติพี่น้องล้อมวงคุยกัน เวลาผ่านไปได้เกือบสองชั่วโมงพี่สองคนก็กลับมาพร้อมกับปลาชะโด ปลาแรดที่ตัวใหญ่มาก และปลาอื่นๆอีกเล็กน้อย เค้าบอกว่าที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มากปลาก็จะตัวใหญ่ ออกไปก็หามาแค่พอกินกัน ฟังแล้วรู้สึกดีจัง แล้วเค้าก็ไปจัดแจงปรุงเป็นอาหารกัน พี่ๆผู้หญิงก็ไปเตรียมอาหารเย็นเพื่อให้แขกคนอื่นได้กินเป็นมื้อเย็นกัน
*ขออธิบายนิดนึงว่าปกติที่นี่เค้าจะรับนักท่องเที่ยวแบบเหมาเป็นรายหัว คือที่พักพร้อมอาหารสองมื้อคือมื้อเย็นกับมื้อเช้าก็นับตามคนที่มาพักแต่ล่ะหลังที่นี่มีแบบเป็นบ้านหลังใหญ่มีห้องน้ำในตัวด้วย วันนั้นหลังใหญ่มีคนมาพักสองหลังเป็นเพื่อนๆกันแล้วก็หลังเล็กแบบที่เราพักอีกสองหลัง
มาเข้าเรื่องของเราต่อ พี่เค้าบอกเราว่าไม่รู้จะคิดราคาข้าวเรายังไงดีถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษเขาจะทำให้แล้วก็คิดสตังค์ไปแต่ถ้าไม่อยากอะไรก็กินกับพวกเค้านี่แหละจะทำเผื่อไม่คิดตังค์หรอก พอได้ฟังตอนนั้นคือใจฟูมาก แบบเฮ้ย ทำไมเค้ามีน้ำใจกับเราจังเลยนะทั้งๆที่เป็นคนแปลกหน้า ถึงเวลาอาหารเย็นพวกเค้าก็ไปช่วยกันเตรียมตัวยกอาหารไปเสริฟ์ให้กับแขกตรงที่ทานอาหารกัน เราก็ไปเตรียมตัวอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาหาพวกเค้า พอถึงเวลาอาหารของเรา ก็มีแกงส้ม ไข่เจียวแล้วก็ปลาแรดตัวใหญ่ขนาดเกินกว่าสองฝ่ามือกับปลาชะโดที่เค้าไปยิงมาได้เผามาเรียบร้อยพร้อมน้ำจิ้ม น้ำดื่มก็ใส่ถังน้ำแข็งมาให้เราหนึ่งถัง คือมันอิ่มตั้งแต่ยังไม่ได้กินแล้ว
หลังอาหารเย็นทีนี้พี่ๆเค้ามากันครบก็มานั่งคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน เราได้ประสบการณ์ใหม่มากมาย ทั้งยังได้เห็นรังของปลาแรดที่เกิดมาก็ไม่รู้ว่าปลาแรดก็มีรังนะ (พี่คนนึงชวนไปเอาไฟส่องดู) คุยกันไปจนเวลาล่วงเลย บ้านพักของแขกคนอื่นๆเริ่มเงียบเสียงลงเรื่อยๆ เราก็ขอตัวกลับไปที่บ้านพักพร้อมกับซื้อเครื่องดื่มติดมือกับไปนิดหน่อยแล้วก็ร่ำลาในคืนนี้ พี่คนขับเรือที่พามาบอกว่าพรุ่งนี้เช้า7โมงเช้าจะไปเรียกนะจะพาไปเที่ยวดูน้ำตกและบรรยากาศแถวๆนี้ แล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อน ส่วนเราก็เดินกลับมานั่งเล่นหน้าบ้านพัก อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆฟังเพลงไปจนใกล้จะเที่ยงคืนก็เตรียมเข้านอน เพราะเที่ยงคืนไฟทุกอย่างจะดับหมด เข้าไปนอนก็อากาศเย็นสบายแต่ก็มีแอบกลัวนิดๆ เวลามีลมพัดมาแรงๆบ้านก็จะโยกเล็กน้อยเพราะเป็นแพ พอเที่ยงคืนไฟก็ดับมืดลง ก็ได้เวลาพักกันแล้วสำหรับวันนี้ เอาแรงเตรียมตัวผจญภัยในวันพรุ่งนี้ต่อไป 😴😴😴
ปลาแรดตัวใหญ่มากที่พี่ๆเค้าไปยิงมาได้
ดำเนินมาจนจบวันแรกของการเดินทางแล้ว ขอพักซักนิด แล้วมาติดตามตอนที่สามกับวันรุ่งขึ้นว่าเราจะไปเจอไปเห็นและพบกับความประทับใจอะไรอีกบ้าง ฝากติดตามด้วยนะครับ ถ้าอ่านแล้วชอบก็ฝากกดถูกใจเป็นกำลังให้กันและฝากแชร์ให้ด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ ขอบคุณมากๆที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้ครับ🙏🏻💛💙
มองจากบ้านที่เราพักไปตรงหลังสีส้มจะเป็นห้องน้ำแบบใช้รวมกัน ซึ่งเดินไกลมาก ส่วนถัดไปจะเป็นบ้านพักหลังใหญ่แบบมีห้องน้ำในตัว
โฆษณา