16 ม.ค. 2021 เวลา 14:27 • ประวัติศาสตร์
"คืนบาปพรหมพิราม"
คดีรุมโทรมหญิงที่โหดร้านและมีผู้ค้องหามากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
คดีนี้เกิดขึ้นในปี 2520 ที่อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
ในปีนั้นมีข่าวอุบัติเหตุบนหน้าหนังสือพิมพ์ไทรัฐ "หญิงไม่ทราบชื่อถูกรถไฟทับร่างขาด3 ท่อน" ที่อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
ฟังดูเหมือนเป็นคดีอุบัติเหตุทั่วไป โดยส่วนมากจะคิดว่าเป็นพวกที่แอบนั่งรถไฟฟรีโดยขึ้นบนหลังคาแล้วตกลงมา
แต่นักข่าวท้องถิ่นเกิดข้อส้งสัย ! ทำให้เกิดการรื้อคดีขึ้น
เธอไม่คนท้องถิ่นที่อำเภอนี้ เพราะไม่มีใครรู้จักเลยแม้แต่ชื่อ ...แต่ทำไมถึงได้มาตายที่นี่ แสดงว่าจะต้องเป็นการฆาตกรรม เธอตายก่อนที่จะถูกนำร่างมาอำพรางคดีที่นี่แน่ๆ !
ตำรวจรื้อคดีสุดความสามารถ จนได้ทรายความจริงว่า เธอถูกการ์ดไล่ลงจากรถไฟ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าตั๋ว
ทำให้เกิดข้อสงสัยต่อว่าเธอต้องการจะไปไหน?
เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนจนได้ความว่า
คุณ A (นามสมมติ ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อจริง) เป็นคนอำเภอกระทุ่ม จ.พิษณุโลก มีสามีและลูกชาย1คน
แต่เธอไม่ถูกกับแม่สามี เพราะทางครอบครัวเธอยากจนมาก แม่สามีเกรงว่าจะมาเกาะลูกชายตนกิน
จึงไล่ให้ลูกชายตนไปทำงานที่อุตรดิตถ์ โดยหวังว่าความห่างไกลจะทำให้ได้เลิกรากันไป
แม่สามีกลั่นแกล้ง ดุด่าเธอสารพัด จนกระทั่ง สามีส่งจดหมายมาหา ทำให้เธอทราบที่อยู่ของสามี และจะเดินทางไปหา
แม่สามีโกรธมาก จึงออกอุบายแสร้งเป็นหวังดีต่อ A ขอคนขับรถบรรทุกให้เธอได้ติดรถไปด้วย ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าคนขับคนนี้ชอบ A
และได้บอกเขาว่า "แกจะเอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ จะปล้ำมันก็ได้ คิดซะว่าเป็นค่ารถ อย่าให้มันได้กลับมายิ่งดี"
ชายคนขับรถบรรทุกจึงลงมือข่มขืนเธอ และนำเธอไปทิ้งที่สถานีรถไฟพิษณุโลก โดยเธอไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว
เธอจึงต้องลอบขึ้นรถไฟโดยที่ไม่มีตั๋ว แต่ก็ไปได้ไม่ไกลถูกการ์ดรถไฟไล่ลงที่อำเภอ พรหมพิราม
เธอยืนเก้ๆกังๆ ตื่นสถานที่ที่ไม่คุ้นตาและไม่มีที่จะไป ก็มีตาแหยม อดีตผู้ต้องหายาเสพติด และไม่มีชาวบ้านคบค้าสมาคมด้วย เข้ามาชวนคุยแล้วชวนไปพักที่บ้าน
เธอไม่มีทางเลือก และไม่มีที่ไป จึงตามตาแหยมไป
เมื่อถึงบ้านตาเเหยมทิ้งให้เธออยู่บ้านคนเดียว ตัวเองไปธุระที่ต่างอำเภอ
ในคืนนั้นลูกชายกำนันและกลุ่มเพื่อนวัยรุ่น พากันมาสูบกัญชาที่บ้านตาแหยม
เมื่อเมาได้ที่ พวกมันทุกคนรุมข่มขืนเธอบนแคร่
ข่าวลือว่า "ไก่หลง" แพร่สะพัดไปทั่วในเวลาไม่นาน เหล้า"หมาป่าหื่นกระหาย" แห่กันมาที่บ้านตาแหยม
พวกมันรุมข่มขืนเธอ ทั้งหนองน้ำ เนินดิน บนแคร่ ใต้ต้นไม้ อย่างอุกอาจ
เธอหนีหัวซุกหัวซุน แต่ข่าวลือไก่หลงที่แพร่ไปไกล ทำให้ไม่ว่าเธอจะหนีไปที่ไหนก็มีชายจ้องจะข่มขืนเธอทุกที่!
เธอกระเสือกกระสนไปที่สถานีรถไฟเพื่อหนีให้ทันรถไฟเที่ยวขึ้น แต่ก็ไม่ทัน
จากคำให้การของคนร้ายที่รับสารภาพ เล่าว่า พวกมันรุมข่มขืนเธอทั้งๆที่เธอบอบช้ำมาก ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับแขนขา ทำได้เพียงพูดร้องขอความเมตตา
"พอแล้ว กลัวแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ"
แต่ซาตานพวกนี้ไม่ฟังคำขอของเธอ พวกมันข่มขืนเธอจนสลบ !
อมนุษย์พวกนี้คิดว่าเธอตาย จึงได้ว่าจ้างสับปเหร่อให้เผ่าเธอในคืนนี้เลย
ขณะที่สับปเหร่อกำลังทำความสะอาดศพ เธอฟื้นขึ้นมาจากการสลบ
พวกมันรุมข่มขืนเธออีกรอบบนที่เผาศพ !
ช่างไร้ความปรานีราวกับผีห่าซานตานเข้าสิงพวกมันให้ละทิ้งความเป็นมนุษย์
ตำรวจล่าผู้ต้องหามาได้กว่า 30 คนและทุกคนรับสารภาพทั่งหมด
ที่น่าเวทนาที่สุดคือคนร้ายที่อายุน้อยที่สุดคือ 9 ขวบ มากที่สุดคือ 68 ปี แม้กระทั่งคู่พ่อและลูกที่ชวนกันมาข่มขืนเธอ
และทุกคนเป็นคนในอำเภอพรหมพิราม
ผู้ต้องหารายสุดท้ายให้การว่า ตนข่มขืนเธอแล้ว 1 รอบ จากนั้นเธอเดินไปล้างเลือดที่ข้างบ่อน้ำ ตนตามเธอไปเพื่อจะข่มขืนซ้ำ !
และเธอได้พูดว่า "ปล่อยฉันไปเถอะ ยังไม่พออีกเหรอ "
แต่คนร้ายไม่ฟังคำอ้อนวอน ข่มขืนเธอใต้ต้นไม้ และบีบคอเธอไปด้วย ทำให้เธอตายในที่สุด
และได้นำศพเธอมาที่รางรถไฟให้วิ่งทับร่างเพื่ออำพรางคดีฆาตกรรม
สร้างความอัปยศเป็นอย่างมากแก่พี่น้องชาวพรหมพิรามจากความเลวของอมนุษย์กว่า 30 คน
จากคดีนี้ต้องยอมรับและนับถือเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักข่าวทุกท่าน
เพราะสมัยนั้น แม้สภาพศพจะบอบช้ำและเละเทะเป็นสามท่อน การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่มี ทำได้เพียงอาศัยพยานแวดล้อม และสืบสวนขยายผลเท่านั้น
แต่ก็ยังสามารถจับคนร้ายได้ทุกคน ..
นี่คือเรื่องจริงในหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่เลวร้ายที่สุดก็ว่าได้
สะท้อนความจริงของความโหดร้าย ที่มนุษย์คนนึงสามารถกระทำกับมนุษย์ด้วยกันได้อย่างเลือดเย็น
* ขอให้ท่านผู้อ่านได้รับข้อมูลเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ทางเพจไม่ได้มีเจตนาประจานชาวอำเภอพรหมพิรามแต่อย่างใด *
ภาพจากพวดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์
โฆษณา