16 ม.ค. 2021 เวลา 19:20 • สุขภาพ
"ก้อนที่ติ่งหู"
ส่วนใหญ่เกิดเป็นถุงน้ำ เกิดเนื่องมาจากว่าการที่ผิวหนังมีการสร้างเซลล์มากขึ้น แล้วมีการรวมตัว ขึ้นเป็นถุงน้ำ ทำให้คลำได้ก้อน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในครอบครัว หรือ เป็นกรรมพันธุ์ หรือ เกิดจากมีเรื่องการบาดเจ็บ หรือ ปัญหาเรื่องของการเป็นสิวมาก่อนได้ ทำให้มีการผิวหนังขึ้นมาทดแทน อาจเกิดจากอย่างอื่น เช่น
https://atlantajudoacademy.com/category/%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87/
1.ต่อมน้ำเหลืองโต จะคลำได้เป็นก้อนนูน แข็งเล็กน้อย และอาจกดเจ็บ มักเกิดจากการติดเชื้อบริเวณใกล้เคียง เช่น มีแผลบริเวณหนังศีรษะ ใบหูหรือหูชั้นนอกของข้างนั้นอักเสบ นอกจากนี้อาจพบในการติดเชื้อบางอย่าง เช่น หัดเยอรมัน แต่ก็จะต้องมีอาการอื่นๆ ของโรคหัดเยอรมันร่วมด้วย เช่น มีไข้ มีผื่นแดงขึ้นที่หน้า ลำตัวและแขนขา เป็นต้น
2. ก้อนซีสต์หรือก้อนถุงน้ำ ลักษณะของก้อนเวลาคลำจะนิ่ม ขยับได้เล็กน้อยกดไม่เจ็บ ไม่ปวดแต่หากมีการอักเสบติดเชื้อเกิดขึ้นก้อนอาจมีลักษณะแข็ง บวม แดง กดเจ็บและปวดได้
1
3. ก้อนไขมัน จะคลำได้ลักษณะนิ่มเช่นกัน ขยับได้เล็กน้อย แต่กดไม่เจ็บ
4. เนื้องอกของเนื้อเยื่ออ่อนใต้ผิวหนังชนิดอื่นๆ นอกจากก้อนไขมัน ซึ่งพบได้น้อย ก้อนอาจมีลักษณะนิ่มหรือแข็ง อาจเจ็บหรือไม่ก็ได้ ขึ้นกับแต่ละชนิด
5. แผลเป็นชนิดนูน จะเป็นก้อนสีออกม่วงแดง หากเป็นมานาน มักจะแข็งและอาจมีอาการคันร่วมด้วย
สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้น พบได้น้อยที่จะเกิดที่บริเวณหลังใบหูหรือใต้ติ่งหู และหากเป็นมะเร็งจริง ก็จะต้องมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น มีไข้ น้ำหนักลดเบื่ออาหาร และก้อนก็จะโตขึ้นเร็ว หรือมีเกิดขึ้นที่บริเวณอื่นๆ ด้วย
ที่มาของข้อมูล
โฆษณา