17 ม.ค. 2021 เวลา 01:02 • นิยาย เรื่องสั้น
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งตรงแถวถนน Skillman ผมเดินเข้าไปสั่งกาแฟ พร้อมกับมองเห็น Bagel วางเรียงรายอยู่หลายชนิด นึกถึงเรื่องราวสมัยเมื่อครั้งเพิ่งมาที่นิวยอร์ก ถือเป็นความโชคดีที่เรานั้นที่ได้มาอยู่ศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เราก็ควรจะที่ถือโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น และหนึ่งในวัฒนธรรมแรกที่ผมได้เรียนรู้ ก็คือ วัฒนธรรมการกินอาหารเช้า
วัฒนธรรมการกินอาหารเช้าของที่นิวยอร์กนั้นไม่เหมือนกับที่ประเทศไทยเลย เพราะที่บ้านเรานั้น เราซัดของหนักอย่างพวกข้าวผัด ข้าวกะเพราไข่ดาว หรือก๋วยเตี๋ยวกันตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะเรามีครัวที่เปิดตั้งแต่ไก่โห่อยู่ทั่วทุกหัวมุมถนน แต่ที่นิวยอร์กนั้นมันไม่มีร้านอาหารไหนที่เปิดเช้าขนาดนั้นน่ะซิ กว่าจะเปิดกันก็ปาเข้าไปแล้ว 11 โมง ร้านที่เปิดเช้าหน่อยก็จะเป็นพวก Bakery ที่มีขนมปังขายซะมากกว่า และขนมปังอาหารเช้าที่นิวยอร์กเกอร์นิยมมาก จนกลายเป็นเอกลักษณ์เลย ก็คือ ‘Bagel’
‘Bagel' อ่านว่า ‘เบ-เกิล’ ไม่ใช่ ‘บา-เจล’ นะ โปรดอย่าอ่านเลียนแบบผมเมื่อสมัยมาใหม่ ๆ 555 มันเป็นขนมปังก้อนกลม เปลือกนอกกรอบแข็งกำลังดี แต่ข้างในเนื้อจะแน่น ๆ มีรูที่บู้บี้อยู่ตรงกลาง อารมณ์คล้ายกับโดนัท แต่ว่าใหญ่กว่านิดนึง รูที่อยู่ตรงกลางนั้น เขาว่ากันว่ามีไว้เพื่อช่วยให้ง่ายในการขนส่ง สามารถเอาเชือกร้อยเข้ารู หิ้วทีได้เป็นพวง ๆ ข้อดีของ Bagel คือ กินแล้วอยู่ท้อง เพราะเนื้อขนมปังแน่น ไม่นุ่มเหมือนขนมปังธรรมดา และที่สำคัญคือ ราคามันถูก! แบบเปล่า ๆ ไม่ใส่อะไรเลย อันนึงราคาเหรียญเดียวได้ เป็นอะไรที่เหมาะสมกับสถานะการเงินของผมในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างยิ่ง หากอยากรู้ว่าข้อมูล Bagel มากกว่านี้ ก็ไปหาอ่านเอาเองนะครับ
Bagel มากมายหลายรสชาติ
สมัยยังเป็นโนวิท เพิ่งมานิวยอร์กสด ๆ ร้อน ๆ ด้วยความที่เรามากับวีซ่านักเรียน นอกจากจะทำงานเลิก 11 โมงเที่ยงคืน เหน็ดเหนื่อยตัวแทบขาดแล้ว ตอนเช้าก็ยังต้องแหกขี้ตาตื่นเพื่อจะไปโรงเรียน เพราะหากขาดเรียนบ่อย ๆ จนโดนไล่ออก ก็จะกลายเป็นโรบินฮู้ดไปซะอย่างนั้น แต่ทำงานยาวขนาดนี้แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาทำข้าวเช้ากินล่ะครับ ก็ได้อาศัยรถเข็นขายกาแฟหน้าโรงเรียนนี่แหละ ที่เป็นที่ฝากท้องเสมอ ๆ มันเป็นที่ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับวัฒนธรรมการกินอาหารเช้าของ New Yorker และมันก็กลายเป็นเรื่องราวของความรักเรื่องหนึ่งที่บู้บี้ ๆ เหมือนรูของ Bagel
ตึกที่ผมเรียนคือ ตึก C ตึกที่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนต่างชาติ หน้าตึกนั้นจะมีรถเข็นขายกาแฟ เจ้าประจำที่มาตั้งร้านตั้งแต่เช้าตรู่ รถเข็นขายกาแฟของแกนั้นคันเล็ก ขนาดยืนคนเดียวก็แทบจะเต็มคันรถ ภายในจะเห็นหม้อกาแฟร้อนแบบกด สูงใหญ่ตั้งอยู่สองอัน กับกะทะร้อนแบบแผ่นเรียบเหมือนร้านเทริยากิ ที่ลุงเอาไว้ใช้อุ่นขนมปัง ด้านหน้ากว้างเป็นตู้โชว์แบบแผ่นพลาสติกใส ที่เห็นสภาพก็รู้ว่าผ่านงานมาแล้วหลายสิบฤดูหนาว ข้างหลังแผ่นพลาสติกนั้น มีขนมปังเบเกิล หลายชนิดหลายแบบวางเรียงรายเต็มไปหมด
ทุกเช้าผมต้องผ่านหน้ารถกาแฟของแกตลอด ตอนแรกผมก็ไม่กล้า แม้แต่จะสั่งกาแฟหรอกนะ แต่พอเจอกับความหนาวขนาดติดลบ ถ้าได้กาแฟอุ่น ๆ สักแก้วก็พอช่วยได้อยู่ หลังจากกินกาแฟไปสักพัก ก็เริ่มสงสัยว่า ขนมปังก้อน ๆ ที่วางอยู่นี่มันคืออะไร รสชาติมันเป็นยังไง ว่าแล้วผมก็สูดลมหายใจลึก ๆ พร้อมก้าวไปทำความรู้จักกับเจ้าขนมปัง Bagel
“ว่างัยพ่อรูปหล่อ กิน’ไรดีวันนี้” ลุงถาม ลุงพูดแบบนี้จริง ๆ นะ 555 ผมยืนนิ่งเหมือนผู้เชี่ยวชาญ เหมือนกำลังคิดว่าจะสั่งอะไรดี แต่ที่จริง คือ ตอนนั้นผมไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า ไอ้เจ้าขนมปังที่มีรูตรงกลาง มันคืออะไร
“อันไหนอร่อยวะ” ผมคิดในใจ ก่อนจะสุ่ม จิ้มนิ้วไปที่เบเกิลผู้โชคดีอันนึงในตู้โชว์ลุง ลุงแกก็หยิบไปผ่าครึ่งแล้วก็เอาด้านตรงกลางที่นุ่มหน่อย ไปอุ่นกับกะทะร้อนในรถแก
“ใส่อะไรล่ะ?” ลุงแกหันกลับมาถาม ผมก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องสั่งอะไร ลุงแกคงเห็นผมไม่รู้อะไรเลย แกก็เลยเสนอมาสองสามอย่าง ผมในตอนนั้นที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ก็ได้พยักหน้า แกก็ใส่นี่ ป้ายครีมนั่น ก่อนจะห่อกระดาษฟอยด์และใส่ถุงกระดาษอีกชั้นนึง ยื่นมาให้ผมพร้อมกับคิดตัง
ระหว่างเรียนคาบแรก เข้า Shrot Break ที่พอจะมีเวลาให้ไปเข้าห้องน้ำสัก 5 นาที ผมก็แกะห่อ เตรียมเปิดซิงขนมปังเบเกิลคำแรกของผมที่นิวยอร์ก รสชาติของมันจะเป็นอย่างไรนะ ว่าแล้วก็ งับ! อืม... เบเกิลคำแรกของผม เค็มสัส! ขณะที่ผมกำลังงงอยู่ว่า ลุงแม่งใส่อะไรมาให้ผมกินวะ! ก็มีเสียงใส ๆ ดังขึ้น
“อ็อตโต้ กินไรอ่ะ?” เพื่อนสาวนักเรียนต่างชาติคนนึงถามผมขึ้นมา เธอชื่อ อารอน เธอเป็นสาวเกาหลี หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนปลาทอง (แปลว่าน่ารักนะ) ตอนนั้นผมตั้งแก๊ง 3 หนุ่ม Boy Band กับเค กับริวไปเรียบร้อยแล้ว พวกผมจึงค่อนข้างสามารถคุยกับเพื่อนต่างชาติโดยเฉพาะโซนเอเชียได้ทั้งหมด เพราะเราเป็นแก๊งหลายสัญชาติ ไทย-เกาหลี-ญี่ปุ่น
“ไม่รู้อ่ะ” ผมตอบ พลางยื่นเบเกิลในมือให้อารอนดู
“กิน Salt Bagel กับของเค็ม ไม่เค็มแย่เหรอ?” นางกึ่งพูดกึ่งถาม
“Salt Bagel กับของเค็ม?” ผมทำหน้างง ๆ ไม่เข้าใจคำพูดของนาง นางคงเห็นผมไม่เข้าใจก็เลยอธิบายต่อ
“ก็ Ham กับ Salt butter มันเค็มไง แถม Salt Bagel ก็เค็ม มันจะอร่อยเหรอ?” นางถามพลางชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะขอชิมคำนึง เรียกว่าเล่นเอาหัวใจของหนุ่มน้อยจากแดนสยามคนนี้มันเต้นดังกว่าปรกติไปหลายเท่าตัว
“แหว๊ะ! เค็ม กินไปได้ไงเนี่ย ไตวายพอดี! วันหลังกินกับ Plain Bagel ซิ เหมาะกว่านะ ไม่เค็มไป” อารอน คิ้วขมวดหลังจากได้ชิมเบเกิลสามเค็มของผมเข้าไป ก่อนจะบอกต่อ
“ถ้าชอบ Salt Bagel ลองกินกับ Turkey, Tomato กับ Cheese ซิ ได้หลายรสนะ มัน ๆ หน่อย กับมีเปรี้ยวมาตัด ผสมกับ Texture ของ Turkey อร่อยนะ” อารอนแนะนำเหมือนบ้านพ่อนางขาย Bagel ผมได้แต่พยักหน้าเออออไป แต่ใจน่ะไม่ได้สนใจเบเกิลหรอกนะ สนใจนางต่างหากล่ะ ก็ชอบปลาทองอ่ะ แอร๊ย!
หลังจากนั้น เบเกิลก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ผมกินเบเกิลเป็นประจำแทบจะทุกเช้า อารอนก็จะมาดู มาคุยว่า วันนี้ผมกินอะไร จนเราเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“กิน Whole Wheat Bagel เหรอ แหม Healthy ก็ไม่บอก งั้นลองกิน Pumpernickel ซิ อร่อยกว่าเยอะ” อารอนนางแนะนำเหมือนเป็นแฟนพันธ์แท้เบเกิล
“อี๊! ชั้นไม่ชอบกระเทียม!” อารอนกรี๊ด ตอนเจอผมกิน Garlic Bagel กลิ่นมันก็จะอบอวลหน่อย ๆ แค่กลิ่นกระเทียมยังร้องขนาดนี้ ถ้านางเจอปลาร้า เจอกะปินะ คงกรี๊ดสลบ 555
“ชั้นชอบกิน Tuna Salad ก็เลยกินกับ Everything Bagel นะ รสเค็มนิด ๆ ของ Tuna Salad กับ Everything Bagel ที่มีเครื่องเต็มไปหมด อร่อยที่สุดเลยล่ะ” อารอนบอก หลังจากนั้นผมก็เหมือนคนติดเบเกิล ไม่กินทุกเช้า ก็เหมือนจะลงแดง แต่เบเกิลไม่ใช่เฮโรอีน มันคือแป้ง! ไม่ได้ทำให้คนติดได้หรอก แต่มันเป็นความรักต่างหากล่ะ ที่ทำให้ผมติด Bagel แบบนี้ ทั้งริว ทั้งเค ต่างก็รู้ว่าผมแอบมีใจให้นาง ก็เชียร์ให้บอกนางไปเลย ซึ่งผมก็เตรียมบอกความในใจ ในวันสุดท้ายของการเรียน ซึ่งเป็นการประกาศผลการสอบ
ผลสอบที่นี่ไม่มีเกรด มีแค่สองอย่าง คือ ผ่าน ได้ไปต่อเลเวลหน้า กับถูกซ่อมให้เรียนเลเวลเดิม แน่นอนว่าผมได้ไปต่อเลเวลห้าอย่างฉิวเฉียด 555 หลังประกาศผลสอบ ที่ห้องก็จะมีงานปาตี้เล็ก ๆ ให้พวกเรานักเรียนต่างชาติเอาอาหารของแต่ละชาติมาแบ่งปันกันทาน อาหารที่วางบนโต๊ะจึงมีความหลากหลายเต็มไปหมด มีกิมจิ มีซูชิ มีข้าวผัด มีแกงกะทิ ส่วนผมเอาผัดไทยไก่มา ด้วยความเชื่อที่ว่ามันเป็นที่นิยม กินง่ายและกินได้ทุกคน ก่อนจะเลิ่กคิ้ว เพราะเหลือบไปเห็น Bagel กับ Cream Cheese วางอยู่ที่มุมโต๊ะ
“ใครมันเอา Bagel มาวะ?” ผมพูดเสียงดัง
“หรือว่ามีใครมันกินเบเกิลเป็นอาหารเช้าเหมือนที่นิวยอร์กวะ” ผมแซวกับริว คุณครูที่ยืนอยู่ด้านหลังเลยบอกว่า
“Bagel น่ะ ของชั้นเอง” คุณครูบอกพลางยิ้ม หน้าเจื่อน ๆ 555 แต่พอพูดถึง Bagel แล้วก็นึกถึงคู่หูของผม อารอน, นางอยู่ไหนกันนะ สาตาเหลือบไปที่ประตู ก็เห็นว่านางเพิ่งจะมาถึง พร้อมกับอาการเริงร่า ดีใจที่เห็นอาหารเต็มไปหมด ผมทักทายนางพลางชวนกิน
“เอา Bagel ป่าว” ผมถามพลางหยิบ Bagel ให้นาง
“อาหารตั้งเยอะแยะ จะให้กิน Bagel เนี่ยนะ ใครเอา Bagel มาเนี่ย บ้าเปล่า?” อารอนบอก ก่อนที่ผมจะเห็นคุณครูเดินก้มหน้าจากไปอย่างเงียบ ๆ ผมก็ตักอาหารมาซะจานพูน โซ้ยแบบเหมือนที่บ้านไม่มีจะรับประทาน
“อ็อตโต้ ชั้นมีเรื่องจะบอก” อารอนพูด หลังลงนั่งข้าง ๆ ผม
“Whazzup?” ผมตอบกวน ๆ เสียงบู้บี้ ๆ เพราะอาหารเต็มปาก
“เดี๋ยวชั้นจะกลับเกาหลีแล้วนะ” อารอนบอกเสียงเรียบ ๆ ผมสะดุด หยุดตักอาหาร หันมามองนางช้า ๆ
“พรุ่งนี้ ชั้นจะไปเที่ยว California กับครอบครัวก่อน แล้วค่อยกลับเกาหลี” นางเล่าต่อว่า พ่อแม่นางมารับกลับเกาหลี และก็ถือโอกาสเที่ยวไปเลยทีเดียว ผมได้แต่รับคำ อืม ๆ พร้อมกับฝืนยิ้ม อาหารมากมาย ณ วันนั้นจืดลงไปทันที และ Bagel กับ Cream Cheese ก็เหมือนจะรสชาติเค็มกว่าปรกติไปนิดนึง
ปัจจุบันได้ข่าวว่านางมีครอบครัว มีลูกและสามีที่น่ารักไปแล้ว ส่วนผมยังเหมือนเดิม ผ่านมากี่ปี ๆ นิวยอร์กยังคงเหมือนเมืองใหม่สำหรับผม เพราะมันมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้ ได้หาประสบการณ์ใหม่อยู่ตลอดเวลา เรื่องราวของร้านอาหารกับพวกเรามนุษย์ห้องครัว มันมีที่สิ้นสุดกันซะที่ไหนล่ะ! บางวันมีแวะเวียนได้เบเกิลเป็นอาหารเช้า กินทีไรก็มักจะนึกถึง สาวเกาหลีหน้าบานเหมือนปลาทองคนนึง กับ Tuna Salad และ Everything Bagel ที่นางชอบเสมอ
Tuna Salad with Everything Bagel
กดติดตามเอ็นวายกูได้ที่
#เอ็นวายกู #nyku #newyorkkitchenuniversity
#คนไทยในอเมริกา #คนไทยในนิวยอร์ก
#เรื่องเล่าต่างแดน #มหาลัยห้องครัว #ไทยนิวยอร์ก #thainy #thaiusa

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา