Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องผี ขยี่ขวัญ
•
ติดตาม
17 ม.ค. 2021 เวลา 04:04 • นิยาย เรื่องสั้น
"ผจญภัยถ้ำผี วิญญาณหลายสิบในถ้ำ..!! ณ.ริมแควน้อย จ.กาญจนบุรี"
.
เรื่องที่จะเล่านี้ได้เล่าไว้เมื่อราวปี 59 เลยถือโอกาสนำมาเล่าต่อให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน
.
ผม(ผู้เล่า) ได้พบกับพระธุดงค์ท่านนึง ท่านได้เล่าให้ฟังถึงถ้ำผี ที่อยู่ตรงริมแควน้อย จ.กาญจนบุรี ที่ท่านเคยไปผจญอาถรรพ์มาแล้ว โดนผีหลอกทั้งกลางวันกลางคืน และไม่สามารถอยู่ต่อได้ตามที่ตั้งใจแต่แรกเพราะผีรบกวน
ผมฟังก็เลยสนใจ เลยตกลงกับเพื่อน(คุณสมศักดิ์ จังอินทร์) ว่าสงกรานต์ปีนี้เราจะไปเก็บชั่วโมงบินกันที่นี่น่าจะดี
จึงได้เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 12 ดั้นด้นไปจนพอทราบว่าถ้ำผีที่พระธุดงค์ท่านเล่าอยู่ตำแหน่งใด แต่พอไปถึงปรากฏว่าตัวถ้ำนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแห่งนึง
พอเราแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ไป เพราะเกรงอันตราย แต่เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่า หากอยากจะปฏิบัติธรรมจริงๆ ตรงใกล้ๆ กันจะมีอาศรมอยู่กลางป่า และอยู่ห่างจากที่นี่ไม่เท่าไหร่นัก ขอให้ไปอยู่ที่นั่นแทน
พอคุยไปคุยมาจึงทราบว่าอาศรมที่เจ้าหน้าที่แนะนำมา ยังอยู่ไม่ไกลจากถ้ำผีด้วย ผมคิดทันทีเลยว่าดีมาก เพราะเราก็ตั้งใจจะแอบเข้าถ้ำผีอยู่แล้ว จึงตอบตกลงว่าจะอยู่ที่อาศรมแห่งนี้
จากนั้นพวกเราก็เดินทางตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ เมื่อไปถึงก็ปรากฏว่าอาศรมแห่งนี้กลายเป็นอาศรมร้างไปแล้ว แต่ก็คงร้างไม่นานนัก ผมกับเพื่อนก็เลยยึดเอาสถานที่แห่งนี้เป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมไปเลย
ส่วนบริเวณใกล้ๆ กับอาศรม ก็ปรากฏว่ามีชาวกระเหรี่ยงอาศัยอยู่ประมาณ 7-8 ครัวเรือน พอเราจะไปพัก ก็เลยคิดว่าควรจะเดินไปผูกมิตรกับพวกเขาไว้หน่อยดีกว่า
แต่เมื่อไปถึงบ้านแต่ละหลังก็มีแต่คนหลบ ไม่ค่อยอยากมีใครมาคุยกับพวกเรา แต่จะบอกไม่มีเสียเลยก็ไม่ได้ เพราะก็มีกลุ่มบุคคลที่นั่งคุยกันอยู่บ้าง เราจึงเข้าไปหาพวกเขาในทันที
สิ่งที่ผมเห็นในขณะพูดคุยกับพวกเขา เมื่อสบตาเขารู้สึกเหมือนพวกเขามีประกายตาสีแดงวาบๆ ออกจากดวงตา ซึ่งเท่าที่ดูมันเป็นประกายตาของความไม่เป็นมิตร และเป็นของผู้เล่นไสยศาสตร์มนต์ดำแน่ๆ เอาแล้วสิ..งานนี้สงสัยเจอลองของเสียแล้วกระมัง ผมคิดในใจ
แต่เราเองก็ไม่ได้จะไปเกรงกลัวพวกเขา ไม่ได้ดูหมิ่น หากแต่แค่รู้สึกว่าเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยต้อนรับเราก็เท่านั้น จากนั้นก็เดินกลับไปอยู่ที่อาศรมร้างต่อ
ก่อนจะค่ำ เราก็ต้องจัดเตรียมทุกอย่างให้เสร็จก่อน ผมเลือกมุมกางเต้นท์ฝั่งที่หันไปแม่น้ำแคว ซึ่งบรรยากาศและลมตรงจุดนั้นเย็นสบายและปลอดโปร่งดี
ซึ่งจริงๆ แล้วการกางเต้นท์ตรงนี้ของผมและเพื่อน มันเป็นเพียงอุบายที่กะจะกางไว้หลอกๆ เท่านั้น เผื่อเจ้าหน้าที่อุทยานจะเข้ามาตรวจตราพื้นที่ พวกเขาจะได้เห็นว่าเราอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหน
คืนนั้นผ่านไปแบบไม่มีอะไร พอรุ่งเช้าเราก็แบกสัมภาระอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเตรียมพร้อมไว้สำหรับการเข้าไปอยู่ในถ้ำได้เลย
เราเดินทางไปที่ถ้ำผี ด้วยเส้นทางที่ยากลำบาก ค่อยๆ ลัดเลาะไปตามหน้าผาริมแม่น้ำแคว จนเราได้ไปเจอถ้ำผีในที่สุด..
ซึ่งปรากฏว่า เป็นถ้ำที่อยู่ตรงหน้าผาของริมแม่น้ำแควพอดี แต่ก็พอมีทางลัดเลาะเข้าไปได้ ก็อย่างที่เราทราบว่าสถานที่นี้เคยมีพระมาอยู่และอาศัยเป็นที่ปฏิบัติธรรมมาก่อน
สภาพภายในมีการสร้างบันไดปูนจากริมแม่น้ำขึ้นไป และในถ้ำยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในถ้ำ พื้นปูด้วยไม้กระดานแต่ก็มีลักษณะทิ้งร้างมานาน ดูจากสายตาก็รู้
3
ตอนเดินเข้าไปในถ้ำ เราเริ่มสัมผัสกับพลังงานบางอย่าง รู้สึกถึงการไม่ต้อนรับของพวกเขา ซึ่งก็คงเป็นอะไรที่อยู่ในถ้ำนี้มายาวนาน
แต่เราก็ไม่ได้ย่อท้อ เพราะคิดว่าเจตนามาที่นี่ก็เพื่อปฏิบัติธรรม อะไรก็คงมาทำร้ายเราไม่ได้
เราเดินเข้าไปกราบพระพุทธรูปในถ้ำก่อน และช่วยกันปัดกวาดพื้นไม้กระดานที่เต็มไปด้วยขี้ค้างคาว แล้วก็กางมุ้งแบบที่มีขายถูกๆ ตรงด้านนึงของถ้ำ หันหน้าออกมาจะเห็นแม่น้ำ
เราตั้งใจว่าจะใช้ที่ตรงนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรม แม้ความรู้สึกจะบอกว่าเจ้าถิ่นแถวนี้อาจจะไม่เต็มใจสักเท่าไร เขาก็เลยจัดการทำให้ถ้ำแห่งนี้ซึ่งควรจะเป็นสถานที่เย็นยะเยือก แต่กลับร้อนระอุแบบบอกไม่ถูก
แม้ปากถ้ำจะกว้าง อีกทั้งด้านนอกคือแม่น้ำ ลมก็พัดแรง แต่ลมกลับไม่เข้ามาในถ้ำเลยสักนิด
1
ผมคิดคนเดียวในใจ ว่างานนี้นอกจากพวกเจ้าถิ่นที่เป็นมนุษย์ชาวกระเหรี่ยงที่เราเจอมาแล้ว ซึ่งพวกนี้เล่นมนต์ดำและไสยศาสตร์ ที่ดูท่าจะไม่ต้อนรับเราแล้ว
ยังมาเจอเจ้าถิ่นที่ไม่ใช่มนุษย์ไม่ต้อนรับเราอีก แต่ผมก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอแค่มาอาศัยเพื่อปฏิบัติธรรมเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จ ตกกลางคืนผมก็เปิดเสียงเทศน์ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งดังๆ แล้วพูดออกมาว่า
"พวกเรามาฟังธรรมกันนะ จะได้บุญกุศลร่วมกัน"
ผมเปิดธรรมะทิ้งไว้แบบนั้น แล้วก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณสี่ทุ่มเห็นจะได้ ก็มานั่งสมาธิภาวนาต่อ
บรรยากาศในถ้ำก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร คิดว่าเขาก็ไม่ได้มารบกวนอะไรเรา นอกจากจะปิดทางไม่ให้ลมเข้ามา และทำให้ถ้ำร้อนระอุเท่านั้น
พอนั่งไปได้สักพักก็ปรากฏเป็นภาพขึ้นมาในนิมิต มันเป็นร่างคนหลายคนภายในถ้ำ และมีเสียงซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นเสียงของเจ้าถิ่นบอกว่า
"พวกเรามีอยู่กัน 70 กว่าตน มีหน้าที่เฝ้าที่นี่มานานแล้ว เสียงธรรมะที่ท่านเปิดให้เราฟังเพื่อให้เราได้บุญนั้น เราไม่ได้รับหรอกนะ..!! "
เขาบอกแค่นั้น แล้วเสียงก็เงียบไป..ผมก็เลยทำสมาธิต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อออกจากสมาธิก็แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้พวกเขาทั้งหมด เหมือนกับที่เคยทำๆ มาเวลาไปนอกสถานที่
เมื่อแผ่เสร็จก็นั่งสมาธิต่ออีกสักครู่ เพื่อจะดูว่าผลเป็นอย่างไร
แล้วก็ปรากฏมีเสียงดังแว่วเข้ามาในนิมิตอีกเช่นเคย เสียงนั้นพูดว่า
"พวกเราจำนวนมากได้รับบุญที่ท่านแผ่ให้แล้ว แต่ก็มีหลายตน ที่ไม่ยอมรับ"
ผมก็เลยถามไปว่า "ทำไมเขาไม่ยอมรับล่ะ ?"
เขาก็ตอบว่า "พวกที่ไม่ยอมรับ เพราะเขาถือว่าเขามีหน้าที่ๆต้องดูแลที่ตรงนี้ และไม่ต้องการให้พวกผมมาอยู่ตรงนี้ จึงไม่ยอมรับ และขอให้พวกเรากลับออกไปเสียจากถ้ำนี้สะ..!"
ผมก็บอกว่า "พวกเราไม่ได้คิดจะรบกวนอะไรท่านหรอกนะ เรามาที่นี่เพื่อขออาศัยปฏิบัติธรรมชั่วคราวเท่านั้น เมื่อครบตามกำหนดแล้วก็จะกลับ "
แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ไม่ปรากฏเสียงใดๆ อีกเลย..
แต่ความร้อนในถ้ำก็ยังไม่ได้คลายลงเลยแม้แต่น้อย เราจึงต้องนอนเหงื่อไหล เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน เพราะลมที่นอกถ้ำแม้จะพัดแรง แต่กลับไม่พัดเข้ามาในถ้ำเลยแม้แต่นิด
เหตุการณ์ผ่านมาคืนที่ 2 ภายในถ้ำผี ผมก็เห็นอะไรบางอย่างในนิมิตอีก แต่ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรวิญญาณทั้ง 70 กว่าดวงนี้ จึงต้องมาเฝ้าอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
แต่ถือว่ายังดีที่ไม่ปรากฏมีวิญญาณดวงใด มาขับไล่พวกเราด้วยวิธีอื่นที่ร้ายแรง หรือทำให้กลัวจนตกใจใดๆ เลย นอกจากใช้ความร้อนในถ้ำไล่เราเท่านั้น
ตอนแรกก็คิดว่า อาจจะต้องผจญกับชาวกระเหรี่ยงพวกนั้นที่จะเล่นมนต์ดำใส่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนี้ได้แอบเล่นอะไรใส่หรือไม่ เพราะก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนั้น หรือคิดอีกอย่างว่าอาจจะมี แต่มีอะไรบางสิ่งในถ้ำปกป้องเราไว้ก็ได้นะ..!!
พอเช้าผมกับเพื่อนก็สลับออกจากถ้ำมาอยู่ที่อาศรมแทน ก็เห็นมีเจ้านกน้อยบินมาเล่นกับพวกเราอยู่ 2 ตัว เจ้านกสองตัวนี้มีทีท่าที่ไม่กลัวเราเลย มันบินมาเล่นใกล้ๆ
พอเราบอกว่า "นกอะไรน๊า.. เสียงจะเพราะหรือเปล่า"
เขาก็ส่งเสียงร้องไพเราะเสนาะโสตให้เราฟังตลอดเวลา และไม่ยอมไปไหนด้วย ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ พวกเราตลอดเวลา เหมือนพวกเขารู้เรื่อง
สุดท้ายเมื่อครบกำหนดพวกเราก็เดินทางกลับกรุงเทพ เพื่อมาทำงานทางด้านพระพุทธศาสนากันต่อ
ที่ผมเล่ามา ก็ต้องขอเตือนสตินักปฏิบัติธรรมที่สนใจใคร่รู้และอยากไปในที่ๆ มีความเสี่ยง ว่ามันมีอันตรายไม่น้อยเหมือนกันเพราะ..
1. ป่าแห่งนี้เป็นเขตป่าที่ต่อเนื่องถึงประเทศพม่า จึงอาจมีสัตว์ร้ายทั้งเสือและหมีมาทำร้ายได้
2. เจ้าถิ่นมนุษย์ ซึ่งส่วนมากเป็นชาวกระเหรี่ยง พวกนี้มีวิชาและเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำ ถ้าไปแล้วไม่มีของดีติดตัว ท่านอาจโดนเล่นของใส่ก็ได้
3. ถ้ำผีแห่งนี้แรงมาก ไม่มีใครกล้าเข้าไป แม้แต่กลางวันพระธุดงค์ที่เข้าไปท่านยังบอกว่า ผีมันหลอกทั้งกลางวันกลางคืนจริงๆ หลอกไม่เว้นเวลาจริงๆ
สุดท้ายผมคงต้องขอเตือน ว่าถ้าจะไปก็ต้องมีของดีคุ้มกันภัยพอตัวนะครับ แต่สำหรับผมกับเพื่อนที่ไปกันครั้งนั้นก็ไม่ได้มีของดีอะไรหรอกครับ ไม่มีทั้งคาถา ไม่มีทั้งพระเครื่องหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เลย
แค่โชคดีที่รอดปลอดภัยกลับมาได้ก็เท่านั้นเอง แต่ท่านอื่นอาจจะไม่โชคดีเหมือนพวกเราก็ได้นะ ขอเตือนไว้ก่อนครับ.
2 บันทึก
4
4
2
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย