แดงเดือดในความทรงจำของผม
คืนวันนี้ศึกแดงเดือดก็วนกลับมาเตะกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้นอกจาก 3 แต้ม ที่ทั้งสองทีมต้องการอย่างยิ่งยวดแล้ว
ยังมีตำแหน่งจ่าฝูงให้เดิมพันอีกต่างหาก โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ขอเรียกอย่างเต็มยศ ^^) ได้ปีนขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์บนหัวตารางในฐานะทีมจ่าฝูงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หลังจากแฟนบอลปิศาจแดงต้องทนกล้ำกลืนเชียร์
แบบเงียบๆมาหลายปี
รูปภาพจาก www.premierleague.com
ผมในฐานะเด็กผีที่อุทิศวิญญาณในการเชียร์ฟุตบอลให้ทีมนี้ตั้งแต่ฤดูกาล 1993-94 จึงขอเขียนถึงศึกแดงเดือดในความทรงจำ (เฉพาะบอลลีคนะครับ) เพื่อให้เพื่อนๆในเพจนี้มาอ่านเพื่อรำลึกความหลังกัน
แต่ต้องบอกกันก่อนนะครับว่าแมตซ์ที่ผมเขียนถึงคงต้องเป็นแมตซ์ที่ปิศาจแดงเป็นฝ่ายกำชัยแน่นอน 55
ฤดูกาล 1995/96
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - ลิเวอร์พูล 2
"การกลับมาของคันโตน่า" หลังจากสิ้นสุดโทษแบน 8 เดือนจากการโดดถีบแฟนบอลปากมอมของทีมคริสตัล พาเลซ เมื่อฤดูกาล 1994/95 "คิง เอริค" ก็กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี แม้จะไม่ช่วยให้แมนยูเก็บชัยชนะได้ แต่ผลงานยิง 1 จ่าย 1 ในเกมนั้นก็เป็นสิ่งเริ่มต้นในการกลับมาอย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง แต่อีก 1 ไฮไลท์ในเกมนั้นก็คือ 2 ประตูจากทีมคู่แข่งที่มาจาก God ในคราบผมสีทองอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่เหมาสองประตูสุดสวยให้กับหงส์แดง
ก็องโต้กำลังฉลองอย่างเมามันในท่ารูดเสาหลังยิงจุดโทษตีเสมอ ภาพจาก www.theguardian.com
ยอมรับว่าตอนนั้นผมอยากให้แมนยูซื้อฟาวเลอร์มาเล่นกับคันโตน่ามากกกก เพราะแอนดี้ โคล ที่ซื้อมา เล่นได้ไม่ดีอย่างที่คิดและดูจะไม่เข้ากับสไตล์แมนยูในช่วงแรก
ฤดูกาล 1996/97
ลิเวอร์พูล 1 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3
สองฤดูกาลก่อนหน้านี้ แมนยูมาเยือนแอนด์ฟิลด์แล้วแพ้แบบสู้ไม่ได้รวมถึงยิงประตูไม่ได้ด้วย แต่คราวนี้ต้องขอบคุณ "พัลลี่" แกรี่ พัลลิสเตอร์ ปราการหลังร่างโย่งที่นานๆจะยิงประตูสักที ไหนๆจะยิงแล้วพี่แกก็ขอจัดไปเลยด้วยลูกโหม่ง 2 ลูกจากการเตะมุมของเดวิด เบ๊คแฮมที่ยังใส่เบอร์ 10 อยู่ในขณะนั้น
และต้องขอบคุณ เดวิด เจมส์ นายประตูจอมเฟอะฟะ รวมถึงแผงหลังหงส์แดงด้วยที่ป้องกันลูกโด่งและลูกโยนของแมนยูไม่ได้เลย จนทำให้แอนดี้ โคล ที่ตอนนั้นวิญญาณสากกะเบือเข้าสิงร่างอยู่โหม่งประตูแบบง่ายๆไปอีกหนึ่งลูก
ฤดูกาล 1998/99
ลิเวอร์พูล 2 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2
เกมนี้เตะกันต้นเดือน พฤษภาคม 1999 ซึ่งเป็นช่วงที่แมนยูกำลังไล่ล่าทริปเปิ้ลแชมป์อย่างเมามัน โดย 3 แต้มเกือบเป็นของแมนยูอยู่แล้วหลังจาก ดไวท์ ยอร์ค และเดนนิส เออร์วินกะซวกประตูให้ทีมเยือนนำห่างไปถึง 2 ลูก ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกของเกม
แต่จุดพลิกผันเกิดขึ้นเมื่อเออร์วินไปพลาดท่าถูกใบเหลืองใบที่สอง หลังจากนั้นเจ้าบ้านได้ใจสุดๆ บุกกระหน่ำทีมเยือนจนโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายเป็นเด็กเก่าของแมนยูอย่าง
พอล อินซ์ มายิงประตูตีเสมอช่วงท้ายเกม
แต่ที่แฟนบอลพูดถึงไม่ใช่การโดนยิงตีเสมอ แต่มันคือการดีใจแบบสุดเหวี่ยงของอินซ์ ราวกับยิงประตูชัยให้ทีมตัวเองเป็นแชมป์โลกอะไรประมาณนั้น ถ้ามาอยู่ในยุคนี้บอกเลยว่าพี่แกโดนกะซวก "เละ" แน่ในโลกโซเชี่ยล
ฤดูกาล 2002/2003
ลิเวอร์พูล 1 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2
ถ้าคุณมีกองหลังคุณภาพอย่าง มิกาเอล ซิลแวสต์, จอห์น โอเช, เวส บราวน์ ลงเล่นเป็นตัวจริงในการเจอกับยอดทีมอย่างลิเวอร์พูลแล้ว คุณแทบไม่ต้องคาดหวังในชัยชนะเลย แต่ แต่ แต่ นอกจากแมนยูจะมีกองหลังมหาเทพทั้ง 3 กล่าวมาแล้ว แมนยูยังมี เจอร์ซี่ย์ ดูเด๊ค อีกคนครับ
การรับบอลลอดหว่างขาของเขาในนาทีที่ 64 ทำให้ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ที่ก่อนหน้านั้นแทบไม่มีใครเห็นคุณค่าของเขาเลย เก็บส้มหล่นใบเบ้อเร้อและน่าจะเป็นการยิงประตูที่หมูที่สุดลูกนึงในชีวิตค้าแข้งของเขา
บวกกับอีกหนึ่งประตูจากการยิงยัดเข้าเสาแรกของเขา ทำให้ฟอร์ลันเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลแมนยูบ้าง หลังจากเป็นตัวตลกในสายตาแฟนบอลมานาน
ฤดูกาล 2006/2007
ลิเวอร์พูล 0 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1
เกมนี้เป็นเกมที่ไม่ง่ายนักของแมนยูเมื่อต้องมาเยือนหงส์แดงในยุค ราฟา เบนิเตซ กุนซือจอมแท็คติค ช่วงครึ่งหลังเกมของแมนยูตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แววหายนะเริ่มมาเยือนเมื่อ เวยน์ รูนี่ย์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 73 โดยคนที่ลงมาแทนคือ จอห์น โอเช หนึ่งใน
จตรุเทพ จากนั้นหายนะระลอกสองเริ่่มมาเมื่อ พอล สโคลส์ ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปเหวี่ยงหมัดใส่ ซาบี้ อลองโซ่
ในนาที 86 จนต้องไปอาบน้ำก่อนเพื่อน
แต่แล้วเทพก็คือเทพเมื่อแมนยูมาได้ฟรีคิกกรอบเขตโทษซ้ายมือ เปเป้ เรน่าปัดออกมาไม่ดีและก็เป็นจอห์น โอเช
ซัดตูมเดียวในนาทีที่ 91
จบข่าว !!!
ถ้าชอบหรือถูกใจกับบทความนี้ รบกวนกด like
เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนทำบทความนี้ด้วยครับ ^^
หรือกดติดตามเพจนี้ เพื่อรับข้อมูล เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการฟุตบอลครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
