17 ม.ค. 2021 เวลา 08:32 • ปรัชญา
ว่าด้วยความงาม
"ความงามคือชื่อที่เหมาะเหม็งของสิ่งที่ตกทอดมา ซึ่งทั้งศิลปะกับธรรมชาติมีร่วมกัน และความงามก็ทำให้ความคิดเกี่ยวกับคุณภาพของประสบการณ์มีสัมผัสที่ชัดคมขณะที่ความสำนึกรู้เราเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้ามองออกนอกหน้าต่างห้องด้วยความวิตกและโทสะกรุ่นในใจ หลงลืมสิ่งต่างๆที่รายล้อม บางทีอาจหดหู่เพราะศักดิ์ศรีที่ถูกหยามหลู่ ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็เห็นเหยี่ยวชวาถลาปีก ห้วงเวลานั้นสิ่งต่างๆเปลี่ยนไป ตัวตนที่หดหู่กับความทะนงตนที่ร้าวรานปราสนาการไปสิ้น ไม่มีอะไรนอกเสียจากเหยี่ยวชวา"
Iris Murdoch, The Sovereignty of Good, 2007, 82.
Iris Murdoch เป็นนักปรัชญาและนักเขียนคนสำคัญของอังกฤษ เธอได้รับอิทธิพลจากเพลโต โดยมองความรักในความงามในฐานะการปลดปล่อยเราออกจากการหมกมุ่นกับตนเองและเยียวยาเราจากอาการมุ่งแสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง ใน Symposium ของเพลโต ถ้าความรักนำพาไปถูกทาง เราจะค่อยๆรักสิ่งที่สูงส่งขึ้นเรื่อยๆ จากเรือนกายคนรัก ไปถึงประเพณี กฎหมาย ไปถึงแบบของความงาม
Murdoch เห็นว่า ความรักในความงามจะนำพาไปในทิศทางตรงกันข้ามกับความเห็นแก่ตัว เธอเห็นว่า "ความรัก" กับ "ความดี" เป็นคนละสิ่ง ความดีเป็นสิ่งที่ดึงดูดความรักเข้าไปหา ความรักผิดทางนำไปสู่ความดีที่ผิด ความรักที่ผิดโอบกอดความตายที่ผิดพลาด (False love embraces false death.) เมื่อเรารักความดีที่แท้จริง ไม่ว่าจะไม่ได้บริสุทธิ์ใจนักหรือด้วยความบังเอิญก็ตาม ความรักนั้นจะได้รับการชำระ ส่วนที่ดีที่สุดของจิตวิญญาณจะปรากฏ ความรักคือความตึงต้านระหว่างวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์และแรงดูดไปหาความสมบูรณ์ที่อยู่พ้นไปจากตัวความรักเอง ดังที่ Symposium ของเพลโตที่วาดภาพความรักว่ายากจนและขาดไร้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เราพยายามอย่างดีที่สุดที่จะรักสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ ความรักของเราจะเข้าหาสิ่งนั้นผ่านความดี ซึ่งทำให้ไม่เห็นแก่ตัวและเป็นธรรม เหมือนแม่รักลูกที่พิการทางสมอง หรือความรักของคนวัยไม้ใกล้ฝั่ง ความรักมักโน้มนำไปสู่การยึดติด และเป็นที่มาของความผิดพลาด แต่หากได้รับการเกื้อหนุนจากความดี พลังนั้นจะผูกโยงเรากับความดี และนำพาเราเข้าหาโลกผ่านความดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมิติของจิตวิญญาณ เปรียบได้กับการสะท้อนของความอบอุ่นและแสงจากดวงตะวัน
โฆษณา