17 ม.ค. 2021 เวลา 10:20 • เกม
Review Call of Duty : Modern Warfare - Single Player 🔫🔪
แนวเกม: First-person shooter
ช่องทางการซื้อเกม (PC) : สามารถซื้อโดยตรงได้ที่ https://us.shop.battle.net/ หรือ Third Party อื่นๆ เช่น GreenMan
Introduction 📺
การกลับมาอีกครั้งของซีรีย์ Modern Warfare โดยในครั้งนี้จะเป็นเนื้อเรื่องก่อนจะเริ่มภาค MW1 โดยเป็นซีรีย์จากผลงานเกม FPS ในตำนานของทีม Infinity Ward ซึ่งตัวธีมเกมจะเป็นแนวสงครามที่เซ็ทอยู่ในโลกปัจจุบัน โดยรายละเอียดจะลงลึกในแต่ละหัวข้อในส่วนถัดไป
🎞🎼 Graphic&Sound 🎼🎞
🌕🌕🌕🌕🌖
🎞Graphic 🎞
ตัวเกมใช้ Engine ตัวใหม่ของทางทีม IW โดยเฉพาะและเป็นเกมแรกของทางค่ายที่ได้ลองใช้ Engine ตัวนี้ โดยตัวเกมต้องขอชมว่าการปรับภาพมุมมองภาพต่าง รายละเอียด, แสงเงา, ประกายไฟ, การลบรอยหยัก, ตั้งค่าจอ, ตั้งค่า V-Sync, Ray Tracing, Film Grain และอื่นๆแบบเป็นจุดยิบย่อยเยอะมากๆ ซึ่งตอบโจทย์ได้ดีมากๆสำหรับคนที่เครื่องมีทรัพยากรณ์จำกัด รวมถึงมีการแสดงให้ดูหน้าจอ Setting ด้วยว่าการที่เราปรับค่าต่างๆส่งผลยังไงกับ VRam ของเราบ้าง ซึ่งถือว่าเป็น Setting ที่อยากให้มีในเกมสมัยใหม่ทุกๆเกมมาก
ในแง่ของความสวยงามยอมรับจริงๆว่าภาพที่ได้สวยงามมากๆจริงๆ ไม่ว่าจะการแสดงสีหน้าอารมณ์ ที่รวมถึงการเคลื่อนไหวของใบหน้า ริ้วรอย การเคลื่อนไหว ต่างๆ บอกได้เลยว่าทำได้สวยมากๆ ในบางจุดต้องยอมรับว่าแอบคิดว่าดูหนังอยู่จริงๆ ต้องยอมรับเลยว่า การทำ Motion Capture ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยตัวทีมงาน หรือ ตัว นักแสดง รวมถึง Engine ของเกมทำออกมาได้สมราคามากๆ ยิ่งถ้าคุณสามารถเปิด Setting ในระดับ Max ได้ แค่คุณได้เข้าไปชมบรรยากาศการของเกม ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว อีกจุดนึงที่สังเกตได้ชัดคือ การถือปืน ใช้ปืน การ Reload กระสนุต่างๆทำ movement การที่ทาง Blizzard ได้คุณ lucas botkin มาช่วยในการทำ Animation การเคลื่อนไหวของปืน ยิ่งเนียนตาและสมจริงเอามากๆ
อีกจุดหนึ่งที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ 'Night Vision' ที่ทำออกมาได้สมจริงมากๆ และแม้เกมจะมีโทนที่เซ็ทในฉากที่มืด แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเวียนหัวแต่อย่างใด
จุดติ คือ ยังมีงานบักเล็กๆน้อยๆ เช่น ตัวระบบ Ragdoll physic ที่ยังมีเพี้ยนๆอยู่บ้างเช่น ศพศัตรูกลิ้งไปมาไม่หยุด กับกล่องที่สั่นเป็นเจ้าเข้า แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรใดๆกับเกมเพลย์ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่ามันคือ Day1 แต่ถ้าเก็บจุดเล็กๆพวกนี้ได้จะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในตอนนี้เลยทีเดียว
🎼 Sound 🎼
เสียงฝีเท้า กระสุน เสียงปืน เสียงปลอกกระสุนที่ตกลง เสียง special effect รวมถึงทิศทางของศัตรูต้องยอมรับเลยว่าพัฒนาขึ้นมาจากภาคก่อนๆขึ้นมาอย่างมากมีความสมจริงในแง่ของเสียงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือการพากย์เสียงตัวละคนต่างๆในตัวเกมนี้ ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ดูสมจริง ชวนให้อินกับเหตุการณ์ ไม่ได้ดูแล้วรนู้สึกว่าขัดแย้ง หรือไม่เข้ากับสถาณการณ์
และอีกสิ่งที่ว้าวมากๆ คือการตั้ง 'Audio Mix' ได้ด้วย ซึ่งเป็นการตั้ง Preset เสียงของเกมและย่านความถี่ให้เหมาะสมกับที่เราชอบ และลักษณะการใช้งาน ซึ่งจากเท่าที่ได้ลองแล้วกับทั้งหูฟัง และลำโพงก็รู้สึกได้ว่ามีความแตกต่างจริงสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของฟังก์ชันการปรับแต่งเสียง
🎮 Gameplay 🎮
🌕🌕🌕🌕🌗
ในแง่ของ Gameplay นั้นขอบอกได้เลยว่ามันสุดยอดมากๆ โดยจะขอเริ่มจาก 'ปืน' ก่อน โดยระบบ ปืนของภาคนี้จะมีระบบ 'Fall off' ด้วย ซึ่งอาจจะไม่เห็นได้ไม่ชัดในบางปืนเพราะด้วยแผนที่ของเนื้อเรื่องจะไม่ได้ไกลมาก แต่เราจะเห็นกระสุนของเราวิ่งออกไป แต่ในภารกิจหนึ่งที่จะให้เราได้ใช้ Sniper กระบอกหนึ่งในการยิงคุ้มกันไม่ให้ฝั่งของเราโดนบุกก่อนจะเริ่ม mission จะมีให้เราลอง Test Range ดูก่อน และมีการสังเกตลม ทิศทางการยิง การคำนวนน้ำหนัก ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของซีรีย์นี้ (แม้ว่าซีรีย์เพื่อนบ้านจะเอาไปใช้มานานแล้วก็ตาม)
ในแง่ของการควบคุม ส่วนตัวคิดว่ามันอาจจะดูยุ่งยากไปนิดหน่อย ไม่ว่าจะเรื่อง obj ที่ต้องคอยกดดูเอง หรือต้องมีปุ่ม special สำหรับการใช้ไอเทมพิเศษในภารกิจนั้นๆ แต่โดยรวมก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก อาจจะต้องใช้ความเคยชินกับมันสักเล็กน้อย
การต่อสู้ในภาคนี้จะไม่ใช่การที่เราไปเป็นทีมขนาดเล็กระดับเทพ แล้วปิดสเกลด้วยการบู๊แบบทีมใหญ่ๆระดับพระกาฬ แต่มันจะให้เราเข้าไปสู่ความตึงเครียดของการต่อสู้ ความซีเรียสจริงๆ ของการยิงกัน ดังนั้นการเล่นของเราต้องมีความรัดกุมมากขึ้น และเราจะได้ร่วมรบกับสเกลที่ใหญ่-กลางบ่อยมากกว่าภาคก่อนๆ รวมถึงศัตรูที่มีชนิดที่ว่าเยอะเอามากๆ ทำให้การโซโล่ของเราจะทำได้ลดลงไปพอสมควร แต่แลกมากับความสมจริง ลุ้นระทึกที่ให้มาได้มากกว่าในภาคเก่าๆ จุดย่าสังเกตุอีกอย่างนึงคือ ธีมในภาคนี้จะค่อนข้างมืดในหลายๆ mission อาจจะส่งผลให้เรา spot ศัตรูได้ยากสักหน่อย อาจจะต้องปรับตัวกับเรื่องนี้สักเล็กน้อย
จุดติเล็กๆของมันก็อาจจะอยู่ที่ AI เพื่อนเรานี่แหละ ที่บางครั้งยิงกันต่อหน้าศัตรู แต่ก็ยังปล่อยให้หลุดวิ่งมาหาเราได้แบบงงๆ
และอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ผมชอบมากคือ การมี "ตัวเลือก" ซึ่งมีทั้งที่ impact กับความรู้สึกเราจริงๆ กับเป็นตัวเลือกในการพูดคุยซึ่งโผล่มาให้เราเลือกในบางโอกาสนี่ก็ถือว่าเป็นอะไรเล็กๆน้อยที่ผมรู้สึกว่าทำให้เราอิน และมีส่วนร่วมกับเกมได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้มีผลกระทบอะไรอย่างมากก็ตาม
🎬 Story 🎬
🌕🌕🌕🌕🌚
อย่างที่มีเกริ่นๆไว้ใน part Introduction และ Gameplay ไปเล็กน้อย ภาคนี้ถือได้ว่ามีจุดเปลี่ยนแปลงหลายๆจุด อยากเช่นเดิมทีที่เราจะออกแนวเป็นหน่วยลับสุดแกร่ง ภาคนี้เราก็ยังคงเป็นอะไรที่"คล้ายๆ" แบบนั้น แต่ทำให้ดูสมจริงขึ้นเอามากๆ มีความติดดิน ซีเรียส และโหดร้าย (ถึงขั้นที่ว่าในหน้าจอเข้าแคมเปญ มีการเตือน ว่ามีเนื้อหาที่รุนแรง) มากกว่าก่อนๆอย่างก้าวกระโดด โดยในเรื่องเรื่องในภาคนี้จะมีการเซ็ทให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนภาคแรกในซีรีย์ รวมถึงเราจะได้เห็นบทบาท 'Captain Price' ตอนหนุ่มๆมาแซมๆในบางช่วง โดยเนื้อเรื่องในภาคนี้จะมีตัวละคร "ผู้หญิง" (ทั้ง Laswell และ Farah) เข้ามามีบทบาทสำคัญกับเนื้อเรื่อง โดยไม่ใช่แค่มาประกอบเนื้อเรื่อง แต่ในส่วนของ "เธอ" (Farah) มีบทบาทในการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องหลักอย่างเห็นได้ชัด และมีบทบาทมากกว่า Captain Price ของเราเสียอีก ซึ่งทำให้ภาพจำของเราว่า CoD จะเป็นทีมชายสุดเท่บู๊บุกตะลุยกันแบบเข้มข้น กลายเป็นมีมิติมากขึ้น และในภาคนี้จะมีตัวละครชายอีกสองคนขึ้นมาเป็นช่วยตัวขับเคลื่อนเรื่องนั่นก็คือ Gallic หรือ 'Gaz' รวมถึง Alex โดยที่แต่ละคนจะมีนิสัยที่แตกต่างกันรวมถึงการดำเนินเรื่องในคนละสถานที่ ทำให้เราเข้าใจถึงสเกลของสงครามครั้งนี้ได้ดีมากขึ้น
เนื้อเรื่องแบบคร่าวๆจะเกี่ยวสงครามอาวุธเคมี หรือ นั่นก็คือแก็สพิษ โดยเรามีหน้าที่ที่จะต้องไปหยุดยั้งการแพร่กระจายของเจ้าอาวุธเคมีตัวนี้ โดยผู้อยู่เบื้องหลังที่เข้าใจกันนั่นก็คือ Wolf
โดยที่เบื้องต้นทีมของ Alex และ Gaz จะเป็นคนทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เค้าสูญเสียและความน่ากลัวของอาวุธเคมีตัวนี้มันเป็นอย่างไร รวมถึงความสัมพันธ์ของตัวละคน Alex, Farah และคนน้องอย่าง Hadir ว่าแต่ละคนมีมุมมองอย่างไร แต่ละคนผ่านการใช้ชีวิตมาเป็นอย่างไรบ้าง และหลังจากที่ Laswell ได้ติดต่อกับ Captain Price ได้เกิด "ทีมพระกาฬ" ชุดแรกขึ้นเพื่อมาจบภารกิจที่ว่านี้ รวมถึงเป็นการปูทางที่มาของภาค 1 และจุดกำเนิดของ
"Task Force 1-4-1"
"การเล่าเรื่อง การสร้างอารมณ์ร่วม ความสมจริง" 3 คำ ทื่นิยามจุดเด่นมากๆของโหมด Campaign ในภาคนี้ ความยาวของเนื้อเรื่องก็ระดับกลางๆไปทางสั้น แต่ละมิชชั่นรู้สึกจบไวไปสักนิด (หรือเพราะ Gameplay มันถูกใจผมมากก็ไม่แน่ใจ) แต่จุดที่อยากจะติก็คือยังมี plot hole อยู่บ้างสักหน่อย
**** Spoil Alert ****
นั่นก็คือ ฉากตอนที่ Farah และ Hadir ยังเป็นเด็กๆและต้องเอาตัวรอด มันให้ความรู้สึกว่าเด็กสองคนนี้มันตัดสินใจเก่งมากจนเกินไป และดูโอเวอร์มากเกินไปหน่อยในความคิดของตัวผม
หมายเหตุ หลังจากจบโหมดแคมเปญ จะเป็นเนื้อเรื่องเพิ่มเติมในส่วนของ Co-op ซึ่งผมจะขอยกยอดไว้ Review ไปในพาร์ทที่ 2 นะครับ เพราะต้องใช้เวลาเล่นพอสมควร
📈📊 Performance 📈📊
🌕🌕🌕🌕🌚
แรกเริ่มเดิมที อยากจะลองใช้การ รัน Perf แบบสองเครื่องแบบที่เคยทำในครั้งก่อน
เครื่องแรก (i7-7700hq + GTX1070 + Ram16GB)
เครื่องที่สอง (i5-7300U + Intel® HD Graphics 620 + Ram 8GB)
แต่ติดปัญหาตรงที่ว่าตัวเกมใช้พื้นที่ค่อนข้างเยอะเอามากๆ เลยทำให้ไม่สามารถลงในอีกเครื่องนึงได้ ดังนั้นจึงขอลองเทสเฉพาะเครื่องแรก (i7-7700hq + GTX1070 + Ram16GB) เท่านั้นครับ
ในส่วนของการ optimize ต้องยอมรับว่าทำออกมากับเครื่องนี้ในระหว่างเล่นได้ดีในระดับนึง เล่นแบบต่อเนื่องไม่เจอปัญหาการกระตุก หรือแลคแต่อย่างได้ในระหว่าง "การเล่น" แต่ทว่า ในภาคนี้ก็เหมือนกับภาคก่อนๆ ตรงที่เค้าจะใส่การโหลดฉากมาใน cutscene ทำให้มันกระตุกไปหลายๆช่วง แม้ว่าจะปรับภาพระดับแค่ mid-high ก็ตามซึ่งทำให้การดูคัทซีนค่อนข้างเสียอรรถรสไปอย่างมาก และเท่าที่ผมลองเล่นดูจนจบโหมดนี้ มีอยู่สองครั้งที่ค้างในระดับ '30' วิ จนผมเกือบจะกดออกเกม รวมถึง Ragdoll Physic ที่ได้เกริ่นไปในข้างต้นว่ามันยังมีเพี้ยนๆอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ถึงขนาดส่งผลกระทบกับการเล่น และโดยรวมแล้วในส่วนอทื่นๆของเรื่อง Performance ของเกมนี้ก็ถือว่าทำได้ดี แต่ตกตรงจุดเรื่องการโหลดแผนที่ถัดไปในระหว่าง cutscene ที่กินทรัพยากรณ์หนักเกินไป
💵💰 Worthiness 💵💰
🌕🌕🌕🌕🌚
ส่วนตัวคิดว่าเกมนี้เป็นเกมที่ดีมากๆ และค่อนข้างคุ้มค่า แต่ในส่วนของราคาตัวแพคเพจที่แพงที่สุดนั่นก็คือ Operator Enchanted อาจจะดูแพงเกินไปกับสิ่งที่ได้รับมาไปสักหน่อย เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ยาวมากนัก แต่ก็ยังมี spec op ให้เล่นต่อได้ แต่ถ้าเป็นแพคเพจอื่นถือได้เลยว่าคุ้มค่า สามารถกดราคาเต็มได้แบบไม่เคอะเขินเลย
และอีกจุดคือเกมรีบลดราคามาก (ถึงจะไม่ได้ลดราคาจาก Blizzard Store โดยตรงก็ตามที) ซึ่งจริงๆแล้วยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องลดเพื่อกระตุ้นยอดขายเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นข้อดีของทางผู้บริโภคที่ได้เกมดีมากในราคาที่ถูกลง และคนขายก็ได้จำนวน unit มากขึ้น แต่ก็จะทำให้ Branding ของเกมดูไม่ค่อยขลังอย่างที่มันควรจะเป็น
📑 Conclusion 📑
🌕🌕🌕🌕🌘
โดยรวมแล้วเป็น 1 ในซีรีย์เกม FPS ที่คุณไม่ควรพลาด ถ้าคุณเป็นคนที่เสพย์เนื้อเรื่องผมก็อยากแนะนำให้ซื้อเกมนี้มาเล่นใน standard package ก็ถือว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์การเล่นที่ยอดเยี่ยมที่เกมมอบให้แล้ว แต่ถ้าหากคุณเป็นคอเกม FPS ตัวยง ภาคนี้คุณไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด และควรค่าแก่การหามาเล่นเป็นอย่างยิ่ง ส่วนจะกดในแพคเกจไหน อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลยครับ
#รีวิว #รีวิวเกม #game #เกม #CallofDuty #MW #ModernWarfare #ReviewGame #Blizzard #InfinityWard
โฆษณา