พระครูพิศิษฐ์อรรถการ หรือพ่อท่านคล้าย สกุลเดิม สีนิล โยมบิดาชื่อ อินทร์ โยมมารดาชื่อเนี่ยว ท่านเกิดเมื่อวันอังคาร เดือน ๔ ปีชวด ณ บ้านโคกกะทือ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพี่สาวร่วมบิดามารดาเพียงคนเดียวชื่อเพ็ง
.
เมื่ออายุได้ ๑๐ ปี เรียนอักขรสมัยจากโยมบิดา สามารถอ่านได้ชำนาญ ทั้งภาษาไทยและภาษาขอม
.
เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี เรียนเลขจากสำนักของอาจารย์ขำ จนสามารถบวกลบคูณหารคิดเนื้อที่หน้าไม้ได้ชำนาญ
.
ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้บรรพชาอุปสมบท ณ อุทกสีมาวัดวังม่วง อำเภอฉวาง มีพระอาจารย์กลาย คงฺสุวณฺโณ เป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์สังข์ สิริรตโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทอง สิริวณฺโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายา จนฺสุวณฺโณ
.
ครั้นบรรพชาอุปสมบทแล้ว ได้อยู่จำพรรษา ณ วัดจันดี (เก่า) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดทุ่งปอน ซึ่งตั้งอยู่ทิศตะวันออกของทางรถไฟ เยื้องไปทางทิศเหนือของวัดจันดีที่กำลังก่อสร้างเจดีย์ในปัจจุบัน (๒๕๑๔)
.
พ.ศ. ๒๔๔๓ ได้เข้าศึกษาภาษาบาลี (มูลกัจจายนะ) ณ สำนักวัดหน้าพระบรมธาตุ มีพระครูกาแก้ว (ศรี) เป็นพระอาจารย์ และได้ศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฏฐานจากสำนักวัดสามพัน อำเภอพระแสง มีพระอาจารย์หนูเป็นเจ้าสำนักสอนกัมมัฏฐาน
.
พ.ศ.๒๔๔๘ ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสวนขัน ตำบลละอาย อำเภอฉวาง ซึ่งเป็นวัดร้าง ท่านได้ทำนุบำรุงให้มีเสนาสนะ โบสถ์ วิหาร เจดีย์ เป็นวัดมีหลักฐานสมบูรณ์
.
พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร พระราชทานนามว่าพระครูพิศิษฐ์อรรถการ ชั้นตรี ภายหลังได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นพิเศษ (จปร.) ในนามเดิม
.
ภายหลังพ่อท่านได้ย้ายจากวัดสวนขัน มาอยู่ที่บริเวณป่าโคกไม้แดง ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ เพื่อก่อสร้างเจดีย์ แรกๆ ก็เพียงแต่มาอยู่ก่อสร้างนอกพรรษา ถึงวันเข้าพรรษาก็กลับไปจำพรรษาวัดสวนขัน ต่อมาภายหลังจึงอยู่จำพรรษา ณ สถานที่ก่อสร้างเจดีย์เสียเลย จนกระทั่งมรณภาพ
.
พ่อท่านป่วยด้วยโรคชราพาธหลายครั้งหลายอาการ ครั้งสุดท้ายพ่อท่านป่วยด้วยโรคหอบหืด มีอาการหนักมาก คณะศิษย์ได้นำท่านเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ และถึงมรณภาพเมื่อคืนวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๓ เวลา ๒๓.๑๕ น. อาการอันสงบ ขณะมีอายุ ๙๖ ปี
.
พ่อท่านเป็นพระมหาเถระรัตตัญญู เคร่งครัดมั่นคงในสิกขาวินัย บำเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างไพศาล มีพรหมวิหารธรรมขั้นอัปปัญญา ปราศจากความโลภในสักการามิส เป็นปูชนียบุคคลของชนทุกชั้นตั้งแต่สามัญชนจนถึงพระมหากษัตริย์ เป็นมิ่งขวัญของศิษยานุศิษย์ และศาสนิกชนทั่วไป ผู้เขียนขอนมัสการดวงวิญญาณของพ่อท่าน ขอประทานโอกาสเขียนถึงเกียรติประวัติเพื่อเป็นอนุสรณ์สัทธาของอนุชนสืบไป
.
การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์