William Craft และ Ellen Craft อยู่กินกันมาได้สักระยะหนึ่ง ถึงแม้ชีวิตความเป็นอยู่ในฐานะทาสเรือนจะทำให้พวกเขามีความสบายทางกายมากกว่าทาสส่วนใหญ่ แต่ความเจ็บปวดทางใจยังคงหลอกหลอนทั้งคู่อยู่ชั่วขณะจิต
William Craft เป็นชายผิวดำร่างใหญ่ เขามีคุณสมบัติครบทุกประการเพื่อจะเป็นทาสที่ดี มีพ่อ แม่ และพี่น้องร่วมท้องทั้งหมด 3 คน โดยเขาเป็นบุตรคนกลาง
ครอบครัว William รับรู้ได้ถึงความฝืดเคืองของกิจการเจ้านายซึ่งเปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนแสวงหาผลกำไร เจ้านายเริ่มพูดคุยกับนักค้าทาสมากขึ้น ที่สุดก็ตัดสินใจ ขายพ่อและแม่ของ William ทอดตลาด ด้วยเหตุผลว่า
ครอบครัวขาดสะบั้น, ความมั่นคงในชีวิตสูญสิ้น, แต่ละวันแทบไม่มีจะกิน, เหลือเพียง William และพี่น้องต้องสู้กันต่อไป สุดท้ายเจ้านายก็แบกรับกิจการไร่น้ำตาลของเขาไม่ไหว จึงต้องนำทั้งสามขึ้นงานประมูลกับธนาคาร และถูกขายกระจัดจาย ชีวิตครอบครัวจึงจบลงโดยปริยาย.
ชะตากรรมของ Ellen ไม่ได้ต่างกันนักก่อนที่เธอจะพบกับ William พ่อของเธอเป็นเจ้านายทาสผิวขาวที่ปลุกปล้ำทาสเรือนผิวดำเป็นงานอดิเรก จนกระทั่งแม่เธอตั้งครรภ์
Ellen เกิดมาเป็นลูกครึ่งที่เรียกว่า 'Quadroon' มีความเป็นคนผิวดำอัฟริกันอยู่เพียง 25% ทำให้เธอมีผิวขาวเฉกเช่นคนขาวทั่วไป และแทบไม่มีเค้าแห่งความเป็นทาสอยู่เลย แต่ด้วยแม่ของเธอเป็น Ellen จึงไม่ต่างกัน
1
แม่ของ Ellen เป็นเพียงทาสเพื่อบำบัดความใคร่ นานๆ ไปเจ้านายก็เบื่อ แม่ของเธอจึงถูกขายทอดตลาดได้ราคางาม ในขณะที่ Ellen เองถูกส่งไปเป็นของขวัญแก่เพื่อนเจ้านายซึ่งมีอาชีพเป็นแพทย์ ณ เมือง Macon รัฐ Georgia นาม Dr.Robert Collins.
ในครอบครัว Collins นี้เอง Ellen จึงได้พบกับ William ขณะนั้นทั้งคู่อายุ 14 ปีเท่ากัน Ellen ทำงานบ้านได้เป็นอย่างดี ทั้งด้านความสะอาด เย็บปักถักร้อยและหุงหาอาหาร เธอได้รับความไว้วางใจจากคนทั้งบ้าน เข้านอกออกในได้อย่างชำนิชำนาญ ในขณะที่ William ถูกเจ้านายทาสฝึกหัดให้เป็นช่างไม้ ทั้งนี้เพื่อปล่อยเช่าให้เพื่อนบ้านที่ต้องการแรงงาน ทำกำไรมากโขให้แก่ครอบครัว Collins
กระทั่งอายุ 20 ปี ทั้งคู่จึงแต่งงานกันอย่างไม่ถูกกฏหมาย (Slave Codes) และเริ่มอยู่กินในฐานะคู่สมรส ซึ่งเจ้านายทาสก็ไม่ได้ว่าอะไร William เองอยากมีลูก แต่ Ellen ก็ถามว่า "คุณอยากให้ลูกเราเกิดมาเป็นทาสอีกหรือ?"
Ellen มีความรักความเอ็นดูของเจ้านายทาสต่อเธอ ซึ่งสามารถทำให้เธอลาพักร้อนเดินทางไปต่างจังหวัดได้ช่วงคริสมาสต์ โดยเจ้านายซื้อตั๋วรถไฟให้, เธอมีฝีมือในการตัดเย็บเสื้อผ้า, ไม่มีเงินเก็บ, ไม่สามารถอ่าน-เขียนได้เลย, และมีผิวสีขาว
William มีฝีมือในการด้านช่างไม้ ซึ่งตัวเขาเองก็แอบรับงานฝิ่น (งานนอก) อยู่บ้างตอนออกไปทำงาน ทำให้เขามีเงินเก็บอยู่ประมาณหนึ่ง, อ่านหนังสือไม่ได้เช่นเดียวกัน, และมีคุณลักษณะทาสผิวดำที่ดี
...
ยูเรก้า!
William โห่ร้องไชโย และเริ่มอธิบายไอเดียพิลึกพิลั่นของเขาให้ Ellen ฟัง
คู่สมรสจะใช้ประโยชน์จากสีผิวของ Ellen ในการเดินทาง โดยแสร้งว่าเธอเป็นคนขาว และตัว William จะรับบททาสผู้ติดตาม แต่ด้วยความที่ในยุคนั้น ผู้หญิงผิวขาวจะไม่เดินทางกับทาสผู้ชายผิวดำเพียงลำพัง ทั้งคู่จึงจะใช้สเต็ปแบบละครหลังข่าวไทย
คือให้ Ellen ปลอมตัวเป็นเจ้านายผู้ชาย!
Ellen ไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้อย่างยิ่งยวด แต่เมื่อเวลางวดเข้ามาและเริ่มพิจารณา นี่อาจเป็นวิธีเดียวในการหักด่านต่างๆ ไปให้ถึงฟิลาเดลเฟีย
William เริ่มจากการตัดผมทรงผู้ชายให้เธอ ซึ่งก็เว้าแหว่งพอสมควรแต่ก็พอดูได้ Ellen ตัดเย็บเสื้อผ้าบุรุษให้ตัวเองใส่ และหาแว่นเลนส์สีเขียวอ่อนมาใส่เพื่ออำพรางสีตาของเธอ
เธอให้ William ช่วยซ้อมบทและกิริยาท่าทางเยี่ยงสุภาพบุรุษชั้นสูงซึ่งทั้งคู่จำมาจากเจ้านาย มีปัญหาอยู่นิดหน่อยตรงที่ Ellen อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และระหว่างทางจะต้องมีการเซ็นชื่อเพื่อขึ้นรถไฟ รวมถึงเข้าพักตามโรงแรม William จึงออกอุบายเอาผ้าสำหรับคนแขนหักมาคล้องเพื่อไม่ให้ Ellen เซ็นเอกสารใดๆ และเอาผ้านั้นคล้องรอบใบหน้าอีกทีประหนึ่งคนบาดเจ็บหนัก เพื่อเลี่ยงการสนทนาโต้ตอบ และปิดบังใบหน้าขาวเนียนเนื้อละเอียดของเธอ
William และ Ellen เลือกเดินทางออกจากบ้านตอนเช้าตรู่ หัวใจพวกเขาเต้นแรงขณะย่องเงียบออกทางหน้าต่างและเดินไปตามถนน หวั่นใจว่าจะมีทรราชหน้าไหนนึกอุตริตื่นเช้าออกมาเจอเจ้านายทาสรูปร่างอ้อนแอ้นพร้อมทาสนิโกรสูงใหญ่ และจับพวกเขากลับเข้ากรงขังตามเดิม
เกือบครึ่งวัน ทั้งคู่ก็มาถึงสถานีรถไฟเมือง Macon ด่านแรกของการเดินทาง Ellen ที่ตอนนี้อยู่ในมาดเจ้านายซื้อตั๋วสองใบไปยังเมืองท่าเรือชื่อ Savannah
พนักงานจัดให้เจ้านายน้อยนั่งในโบกี้สุภาพบุรุษ และ William โดยสารไปกับโบกี้ขนของ ในขณะที่รถไฟใกล้จะเคลื่อนออกจากสถานี William เหลือบไปเห็นชายผิวขาวร่างท้วมคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาตกใจสุดขีด
เขาคือเพื่อนบ้านที่เคยจ้าง William ไปต่อตู้เสื้อผ้าไม้ให้นั่นเอง ชายคนนั้นยืนพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ด้วยอากัปกิริยาเร่งร้อน และอยู่ดีๆ ก็มุ่งตรงมาทางโบกี้ขนของที่เขาอยู่ด้วยความรวดเร็ว!
1
William หดตัวให้เล็กที่สุดเหมือนตัวเขาเป็นหอยทาก หลับตาปี๋และคิดว่าตนคงโดนลากลงจากขบวนเป็นแน่ แต่ก็ไม่ ชายเพื่อนบ้านละจากโบกี้ขนของไป ทั้งสองยังไม่พ้นขีดอันตรายเพราะเขาเดินกลับไปที่โบกี้สุภาพบุรุษ ที่ Ellen เจ้านายจำแลงนั่งอยู่ เขากวาดตามองไปรอบๆ และสะดุดเข้ากับ Ellen ที่โพกผ้าพันแผลรอบใบหน้า สายตาทั้งสองคู่ประสานผ่านแว่นตาเลนส์สีเขียว
เป็นระยะทาง 200 ไมล์กว่าจะถึงที่หมายคือเมืองท่าเรือ Savannah ทั้งสองจะต้องใช้เวลาอยู่บนรถไฟราว 6 ชั่วโมง William หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ส่วน Ellen ก็พยายามควบคุมสติอยู่ในโบกี้ของชนชั้นสูง
หลังจากหยุดที่สถานีกลางทาง มีบุรุษผิวขาวร่างสูงใหญ่เดินมานั่งข้างๆ Ellen เธอคาดว่าเขาคงขึ้นมาบนขบวนจากสถานีล่าสุด พอรถไฟเริ่มเคลื่อนตัว เธอก็ชายตาไปดูเขาแว้บหนึ่ง
เป็นคิวของ Ellen บ้างที่หัวใจเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ชายผู้นั้นคือ Mr. Cray เพื่อนเก่าแก่ของเจ้านาย Ellen ซึ่งเห็นเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก คอเธอหันขวับกลับไปทางหน้าต่างอัตโนมัติ เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง
"วันนี้อากาศดีนะครับท่านสุภาพบุรุษ" Mr.Cray ร้องทัก Ellen เธอนิ่งเงียบ ไม่หัน ไม่ตอบ
"อะแฮ่มม วันนี้อากาศดีนะท่านสุภาพบุรุษ" เขาพูดด้วยเสียงดังขึ้น แต่ปฏิกิริยาของ Ellen ไม่ต่างไปจากเดิม
"อะแฮ่มม! ผมพูดว่า วันนี้อากาศดีนะครับท่านสุภาพบุรุษ!" เห็นได้ชัดว่า Mr.Cray ไม่สบอารมณ์กับความไร้มารยาทของ Ellen เธอยังคงเรียบเฉย และหันมามองหน้าเขาช้าๆ ก่อนตอบว่า
เจ้านายจำแลง Ellen ได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยงสุภาพบุรุษผิวขาว เธอถูกพาไปยังห้องนอนส่วนตัวหรูหรา ในขณะ William กำลังวุ่นอยู่กับการหาที่นอนที่ปลอดภัย และเมื่อหาไม่ได้ เขาจึงจำใจนอนบนดาดฟ้าเรืออันหนาวเหน็บ
วันที่ 22 ธันวาคม ทั้งสองตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อรับประทานอาหารเช้า Ellen ได้รับเลือกให้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับกัปตันเรือและแขกผู้ทรงเกียรติอีก 2-3 ท่าน เห็นได้ชัดว่าคนบนเรือให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก และจัดเธอนั่งติดกันกับนายเรือ
ด้วยความที่ Ellen สวมผ้าคล้องแขน William ทาสคนสนิทจึงต้องออกไปตักอาหารให้เพื่อความแนบเนียบ และในขณะที่ William เดินออกไปนั้นเอง กัปตันจึงเริ่มบทสนทนา
"พ่อหนุ่ม คุณมีทาสที่มีใจบริการดีมาก แต่ทันทีที่คุณไปถึงตอนเหนือ จงจับตาดูเจ้าทาสคนนี้ไว้ให้ดี มันพร้อมจะกระซวกไส้คุณและหนีไปได้ทุกเมื่อ ผมเตือนด้วยความดี" กัปตันกล่าว สายตาจ้องมอง Ellen เขม็ง
บรรยากาศบนเรือตึงเครียดถึงขีดสุด ผู้โดยสารหลายคนมาล้อมมุงดู William เองได้แต่ยืนตัวแข็ง และเมื่อพวกเขามองไปรอบๆ อย่างถ้วนถี่ เรือกลไฟลำนี้เต็มไปด้วยคนรัฐใต้, นายทหารรัฐใต้, เจ้านายทางใต้ และพ่อค้าทาสทางใต้
เรือลำนี้บรรทุกคนชังทาสมาเต็มอัตราศึก...
นายทหารรัฐใต้นายหนึ่ง รับหน้าที่เดินเข้ามาไกล่เกลี่ยและพา Ellen กับ William แยกไปอีกห้อง ตัวเขาเองก็มีทาสผิวดำคนหนึ่งติดตัวมาด้วยเช่นกัน แต่กระนั้น ก้ยังดูเป็นคนดีมีมนุษยธรรม
William และ Ellen ตรงดิ่งไปที่สถานีรถไฟ และจัดการซื้อตั๋วได้อย่างราบรื่น Ellen ทำตามสเต็ปเดิม เธอขึ้นโบกี้สำหรับสุภาพบุรุษและหาที่นั่งเจอด้วยความรวดเร็ว เมื่อ William เห็นภรรยาเข้าที่แล้ว จึงปีนขึ้นโบกี้ขนของ
ไม่มีใครรู้ว่าพ่อค้าทาสที่เจอบนเรือกลไฟโผล่มาจากไหน ยังคงพูดจายียวนสไตล์แยงกี้เช่นเดิม แถมยังช่วยยืนยันให้แก่ผู้คุมว่าเดินทางมาพร้อม William และ Ellen อีกด้วย!
เกร็ดน้อย: ในปี 1865 ประธานาธิบดี Abraham Lincoln ชนะสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริการะหว่างรัฐฝ่ายเหนือและรัฐฝ่ายใต้ ส่วนชนวนสงครามคุณผู้อ่านคงน่าจะเดากันได้นะครับ