19 ม.ค. 2021 เวลา 15:50 • ท่องเที่ยว
ชวนเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะในโตเกียว โลกใบใหญ่ที่เราอาจไม่เคยสัมผัส (ตอนที่ 2/4)
06.02.2018
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว เราได้มาถึงมหานครโตเกียว (Tokyo) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุด้วยเดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงสาย พ่วงมาด้วยกระเป๋าเดินทางใบโต ก็เลยต้องเข้าที่พักเพื่อฝากกระเป๋ากับ Reception ไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเช็คอินในช่วงเย็น (โรงแรมจะเข้าเช็คอินได้หลังบ่ายสองโมง) ผู้เขียนเลือกเข้าพักที่โรงแรมอุเอะโนะ (Ueno Hotel) สนนราคาประมาณ 20,000 บาท แลกเปลี่ยนกับการซุกหัวนอนเป็นเวลา 8วัน 7คืน ห้องพักส่วนตัวนอนได้ 2 คน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขนาดของห้องคือหากเปิดกระเป๋าเดินทางพร้อมกัน2คนก็จะไม่เหลือที่ให้เดินเลยล่ะครับ ต้องผลัดกันจัดกระเป๋า
cr.Bordee Budda
ความคับแคบนั้นเป็นเรื่องปกติของโรงแรมทั่วๆไปในเขตโตเกียวที่มีพื้นที่จำกัดอีกทั้งประชากรที่หนาแน่นมากๆ และไม่มีอาหารเช้านะครับ ถ้าเลือกแบบมีอาหารเช้าต้องจ่ายเพิ่มอีกวันละประมาณ 800เยน (ไปหากินข้าวปั้นใน Lawson ดีกว่า เพื่อความประหยัด ฮ่าๆ) คำนวณแล้วตกคืนละ 2,800 กว่าบาท ข้อเสียคือตั้งอยู่ห่างจากชุมทางสถานีรถไฟอุเอะโนะประมาณเกือบ 1 กิโล (ออกแรงเดินนิดหน่อย ราคาโรงแรมถูกลงเกือบหนึ่งพันบาท ถ้าเทียบกับโรงแรมขนาดใกล้เคียงกันที่ตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟ)
กิจวัตรในวันแรกยังไม่มีอะไรมาก เพียงเดินเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นย่านใกล้เคียง อุเอะโนะ (Ueno) อากิฮาบาระ (Akihabara) อาซากุสะ (Asakusa) ให้พอง่วงเพลีย จากนั้นก็กลับเข้าโรงแรมที่พักในช่วงค่ำเพื่อเก็บเรี่ยวแรงไว้ท่องโลกศิลปะในเช้าวันต่อไป
Tokyo, 2018, cr.Bordee Budda
07.02.2018
พุ่งพรวดออกจากโรงแรมในเขตอุเอะโนะตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพื่อแวะทานอาหารเช้า ณ ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji fish market) ระหว่างทางเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินไปยังตลาดปลาเราจะพบกับวัดสึกิจิ-ฮงกังจิ (Tsukiji Hongwanji Temple) ตั้งตระหง่านอยู่ติดกับถนนใหญ่ วัดสึกิจึ-ฮงกังจิ ก่อสร้างด้วยหินเป็นวัสดุหลัก ภายนอกมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมอินเดีย ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างไปจากวัดโดยทั่วไปในญี่ปุ่น เมื่อเดินเข้าไปภายในเราจะพบกับห้องโถงโออ่ามีพระพุทธรูปและเก้าอี้นั่งเรียงราย การออกแบบตกแต่งภายในมีลักษณะที่คล้ายว่าจะได้รับอิทธิพลจากฝั่งยุโรป วัดแห่งนี้แต่เดิมเคยตั้งอยู่ในเขตอาซากุสะ ก่อนที่จะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุเพลิงไหม้ในปี ค.ศ.1657 และรัฐบาลได้ก่อสร้างขึ้นใหม่ ณ สถานที่ปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ.1679
ใช้เวลาเดินไปเดินมาอยู่นานก่อนที่เราจะมุ่งตรงไปยังจุดมุ่งหมายต่อไป
cr.Bordee Budda, อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ
ศูนย์ศิลปะแห่งชาติ โตเกียว (The National Art Center, Tokyo)
เดินย้อนกลับมานั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro จากสึกิจิสักประเดี๋ยวเดียวมาลงที่สถานีรปปงงิ (Roppongi) จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 500 เมตร เราจะพบกับตึกรูปทรงสมัยใหม่นั่นคือ "ศูนย์ศิลปะแห่งชาติ" (NACT) ก่อตั้งโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ถูกใช้เป็นพื้นที่เพื่อจัดนิทรรศการศิลปะหมุนเวียน เปลี่ยนเนื้อหาและรูปแบบของผลงานไปตามแต่นโยบายของภาครัฐ มีพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะรวมกว่า 14,000 ตารางเมตร มีนโยบายในการบริหารจัดการพื้นที่ดังนี้
1. นำเสนอการแสดงออกทางศิลปะที่หลากหลาย สนับสนุนศิลปินจากทุกสถาบันให้มีโอกาสและมีพื้นที่ในการจัดนิทรรศการศิลปะ
2. เก็บรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลผลงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยของญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
3. รับผิดชอบงานด้านวิชาการเกี่ยวกับโครงการศิลปะเชิงสาธารณะต่างๆอันจะช่วยกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์และความคิดสร้างสรรค์ของคนในท้องถิ่น การจัดบรรยาย สัมมนาต่างๆที่เกี่ยวข้อง
พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะเกือบทั้งหมดภายในอาคารนั้นบุคคลทั่วไปเข้าชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย จะมีบางนิทรรศการที่จัดขึ้นพิเศษเป็นบางครั้งบางกรณีเท่านั้นที่อาจมีค่าเข้าชม
ค่าธรรมเนียมเข้าชม : ฟรี
วัน-เวลาทำการ : จันทร์ - อาทิตย์ / 10:00 - 18:00 / หยุดทุกวันอาคาร
The National Art Center, Tokyo, 2018, cr.Bordee Budda
The National Art Center, Tokyo, 2018, cr.Bordee Budda
The National Art Center, Tokyo, 2018, cr.Bordee Budda
พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum)
หลังเมื่อยล้าพอสมควรจากศูนย์ศิลปะแห่งชาติ ผู้เขียนก็ต้องเค้นกำลังขาที่เหลืออยู่เดินต่อไปอีกประมาณ 800 เมตร เราจะได้พบกับพื้นที่ศิลปะสุดฮิตอย่าง "พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ" ซึ่งอยู่ในเขตรปปงงิเช่นกัน Mori Art Museum แฝงตัวอยู่บนชั้นที่ 52 - 53 ภายในอาคารสูงใหญ่ชื่อว่า "รปปงงิ ฮิลล์" (Roppongi Hills) พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2003 โดย "โมริ มิโนรุ" (Mori Minoru)
ถึงคราวโชคดีของผู้เขียนที่ได้ไปเยือนสถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลาที่พิพิธภัณฑ์กำลังจัดแสดงผลงานของ "ลีนโดร เออร์ลิช" (Leandro Erlich) ศิลปินผู้มีชื่อเสียงชาวอาร์เจนตินา โดยนิทรรศการครั้งนี้มีชื่อว่า "Seeing & Believing" ซึ่งยังคงกลิ่นอาย จริตและแนวคิดของศิลปินไว้อย่างเข้มข้น ผลงานของเออร์ลิชว่าด้วย "ความลวงตา" งานศิลปะอันลวงหลอกหลายสิบชิ้นนับไปถ้วนถูกยัดทะนานเข้าไปอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ยากเกินกว่าจะสาธยายได้อย่างหมดเปลือก เอาเป็นว่านิทรรศการของเออร์ลิชครั้งนี้ เป็นการดูงานศิลปะที่สนุกเพลิดเพลิน เต็มอิ่มจุใจ ตื่นตา และมันส์ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตนักศึกษาศิลปะของผู้เขียนเลยทีเดียว งานของศิลปินคนนี้ต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการรับชมเลยล่ะ
ค่าธรรมเนียมเข้าชม : 1800 เยน (รวมบัตรเข้าชมวิวที่ Tokyo City View)
วัน-เวลาทำการ : จันทร์ - อาทิตย์ / 10:00 - 22:00 / วันอาคาร 10:00 - 17:00
Mori Art Museum, Tokyo, 2018, cr. วราภรณ์ ชลอสันติสกุล
Mori Art Museum, Tokyo, 2018, cr. Bordee Budda
พระอาทิตย์ฤดูหนาวที่ญี่ปุ่นนั้นลับขอบฟ้าอย่างรวดเร็วซะเหลือเกิน เวลาสัก 5โมงเย็นบรรยากาศก็เริ่มโพล้เพล้แล้วล่ะครับ อย่าลืมแวะชมบรรยากาศของมหานครโตเกียวในมุมสูงก่อนพระอาทิตย์จะจากลาอย่างรวดเร็วที่ Tokyo City View นะครับ มันเป็นช่วงเวลาที่แสงละมุนมาก ไหนๆก็เสียเงินค่าบัตรมัดรวมๆกันมาแล้ว ก่อนที่จะเดินทางกลับที่พักก็แวะเดินเล่นหาอะไรเขวี้ยงใส่ท้องบรรเทาอาการหิวแถวๆชิบุยะ (Shibuya) เสียหน่อย ที่พักก็ไกลจากสถานีรถไฟซะด้วย กว่าจะเดินลากขากลับถึงโรงแรมคงได้ท้องร้องอีกรอบพอดีล่ะ
Tokyo City View, 2018, cr. Bordee Budda
Shibuya, Tokyo, Japan, 2018, cr. Bordee Budda
ฝากติดตามบทความชุด "ชวนเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะในโตเกียว โลกใบใหญ่ที่เราอาจไม่เคยสัมผัส" ในตอนต่อไปด้วยนะครับ สัญญาว่าจะพาออกนอกเรื่องเหมือนเดิม ฮ่าๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกัน ฝากบทความในตอนต่อไปด้วยนะครับ :)
โฆษณา