19 ม.ค. 2021 เวลา 06:14
Ep.1 “ทำไม.. ต้องเคารพศาล..”
ภายในห้องพิจารณาคดีของศาลแห่งหนึ่ง.. มีเจ้าหน้าที่ศาลหลายคนเดินขวักไขว่ไปมา..
พวกเขาวุ่นวายในการเตรียมเอกสารแข่งกับเวลา.. เพราะใกล้เวลาท่านจะลงบัลลังก์แล้ว..
ที่ประตูทางเข้าห้อง มีโต๊ะของเจ้าพนักงานตำรวจประจำศาลนั่งอยู่ 2 คน.. มีใบหน้าเคร่งขรึม จริงจัง..
เฝ้ามองการทำงานของเจ้าหน้าที่ศาล..
ส่วนที่เก้าอี้นั่งของประชาชน.. มีจำเลยมานั่งรอฟังคำพิพากษาคดีราว 10 คน.. ทุกคนมีสีหน้ากระวนกระวายใจ..
บางคนเพิ่งถูกจับมา ไม่ได้ประกันตัว เลยถูกขังที่สถานีตำรวจมาไม่เกิน 48 ชั่วโมง..
หน้าตาอิดโรยเหมือนคนอดนอน.. คงนอนไม่หลับมา 2 วัน..
บางคนในชั้นตำรวจได้ประกันตัว.. วันนี้เขานัดให้มาศาล เพราะอัยการจะฟ้องคดี.. กลุ่มนี้เดินทางมาจากบ้าน ก็ดูหน้าตาสดชื่นกว่าหน่อย..
จำเลยบางคน หลบหนีคดีมา เพิ่งถูกจับได้ตัวมาส่งศาลตามหมายจับ ยังใส่กุญแจมือคาอยู่เลย..
บางคนมาในชุดสีน้ำตาล หรือสีน้ำเงิน.. ผิวสีเข้ม.. มีห่วงเหล็กคล้องข้อเท้าทั้งสองข้าง มีโซ่ล่ามห่วงเหล็กทั้งสอง..
กลุ่มนี้ คงมาจากเรือนจำ..
แต่ไม่ว่า เขาเหล่านั้นจะมาจากไหน..
สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนต่างมีสีหน้าเครียด.. เงียบขรึม และแววตากังวลทุกคน.. เพราะไม่รู้ว่าศาลจะลงโทษตนเองมากน้อยแค่ไหน..
“ทั้งหมด.. ยืนขึ้น เคารพศาล..”
เสียงเจ้าหน้าที่ศาลพูดเสียงดัง..
ทุกคนในห้องนั้น ต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน สายตาทุกคู่พุ่งรวมไปที่บัลลังก์ตรงหน้า..
ในขณะที่ได้ยินเสียงเปิดประตูบานไม้ข้างบน ตรงข้างบัลลังก์.. ดังเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ..
แต่ตอนปิด เสียงดังโครมใหญ่.. เพราะสปริงประตูแข็งเกิน..
เสียงฝีเท้าก้าวเดินหนักๆ.. ถี่ๆ.. บนพื้นไม้...
บนบัลลังก์.. มีข้าราชการ 2 คน ใส่เชิ้ตปกขาว.. ผูกเน็กไท.. ใส่สูทสีเข้ม.. สวมทับด้วยเสื้อครุยสีดำ ตัวใหญ่หลวมโพรก..
เดินเร็ว จนชายครุยปลิวไสว..
คนแรก.. ผมสีดอกเลา.. มีรอยตีนกาบนใบหน้าบ้าง แต่ยังดูหนุ่ม.. ท่านเดินขึ้นมาตัวเปล่า.. ในมือถือเพียง ปากกากับแว่นตา..
แต่ครุยที่ท่านสวม.. ไม่กลัดเข็มกลัด.. ไม่รูดซิบให้เรียบร้อยตามระเบียบ..
เผยให้เห็นเนินอก บริเวณเนคไทกับเชิ้ตสีขาวข้างใน.. จนเห็นแหนบพระสีเงินๆโผล่ออกมา ตรงตะเข็บรังดุมเสื้อ..
แถบครุยผู้พิพากษาที่เคยสีดำสนิท.. เปลี่ยนเป็นสีออกแดงๆ.. ดูเข้มครึม..
แถบบางส่วนหลุดลุ่ย.. ด้วยด้ายเย็บไม่ละเอียด.. ออกแนวแอนทีค..
เปล่าดอก.. ไม่ใช่เพื่อให้ดูขลัง.. ไม่ได้เพื่อให้ดูเท่ เก๋ สง่า แต่อย่างใด..
และก็ไม่ใช่ว่า ท่านจงใจสวมครุยผิดระเบียบ..
แต่เป็นเพราะครุยท่านใช้มานานหลายปี จนเก่าคร่ำ.. ตะขอหลุด.. สีตก.. และซิปแตก..
ยังไม่ได้รับครุยตัวใหม่ที่หลวงจะส่งมาให้นั่นเอง 55
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น.. หน้าหนุ่มกว่า.. หล่อเหลาเอาการ.. ผมสีดำสนิท.. สวมแว่นตาใสกริ๊ง.. หอบสำนวนคดีปึกใหญ่ พร้อมตัวบทกฎหมายเล่มหนาปึ๊กเดินตัวเอียงเข้ามาด้วย..
เขาทั้งสองเดินตรงรี่เข้าไปยังเก้าอี้นั่งตัวโต 2 ตัว ที่วางอยู่ตรงกลางห้องบนบัลลังก์..
ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ว่องไว.. เหมือนรีบร้อนจะไปทำอะไรกันสักอย่าง..
ไม่ได้มีลีลา.. เชื่องช้า.. ท่วงท่าให้สง่างามอะไรทั้งสิ้น..
พอเดินไปถึงเก้าอี้ตัวโต.. ท่านทั้ง 2.. ก็นั่งลงฉับเดียว.. โดยไม่ได้ขยับเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทางเลย..
โอ้.. ช่างแม่นยำอะไรเช่นนี้..
เปล่า.. ไม่ใช่เป็นเพราะท่านมีประสบการณ์มาก.. กะก้นนั่งลงได้อย่างตรงเผงหรอกนะ..
และไม่ใช่เกรงว่า ขยับเก้าอี้แล้วจะทำให้เสียบุคคลิกอะไรหรอก..
แต่เพราะเก้าอี้ตัวใหญ่ 2 ตัวนั้น.. มันทำด้วยไม้ตัน..
แสนหนักอึ้ง.. จนจะขยับอย่างไง มันก็ไม่เขยื้อนนั่นเอง.. 55
“เชิญทุกคนนั่งครับ..”
เสียงท่านคนนั่งเก้าอี้ตรงกลาง พูดขึ้นดังพอได้ยิน..
นี่ถ้าท่านไม่พูดเชิญนั่ง.. และเจ้าหน้าที่ไม่บอกให้ชาวบ้านนั่ง..
คนในห้องก็ยังคงจะยืนตรงอยู่อย่างนั้น..
เวลาผู้พิพากษาท่านขึ้นหรือลงบัลลังก์นี่.. เราควรทำอย่างไร..
ก็แล้วแต่คนนะครับ..
บางคนก็ลุกขึ้นยืนเฉยๆ.. บ้างอาจจะยืนแล้วโค้งให้..
บางคน ยืนแล้วส่งยิ้มน้อยๆ..
หลายคนคงสงสัยว่า..
“ทำไมเราต้องยืนเคารพ.. ทั้งที่ ผู้พิพากษาบางคนหน้าเด็กกว่าเราเสียอีก.. “
ที่เราควรให้ความเคารพหรือให้เกียรติผู้พิพากษาตอนออกมาตัดสินคดี หรือตอนจะกลับลงบัลลังก์ไปนั้น..
ไม่ใช่เพราะว่า.. ผู้พิพากษานั้น เป็นมนุษย์วิเศษที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว จนชาวบ้านต้องกราบไว้บูชา..
ไม่ใช่เพราะว่า.. คนเป็นผู้พิพากษานั้น เป็นชนชั้นสูง ชั้นขุนนาง.. ที่มิอาจแตะต้องได้.. มีสถานะสูงส่งเหนือกว่าชาวบ้านธรรมดา..
“แต่การลุกขึ้นยืนนั้น.. ถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในคดีแพ่ง..
เป็นการให้เกียรติผู้ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิและอำนวยความเป็นธรรมในคดีอาญา.. “
เหมือนเข้าวัดแล้ว.. ต้องถอดรองเท้า..
เหมือนเข้าบ้านแล้ว.. ต้องถอดหมวก..
เหมือนการโค้งคำนับ.. จับมือ.. มองตา กล่าวคำทักทาย และยกมือไหว้ .. ของคนในสังคมนั่นแหละ..
เป็นธรรมเนียมทางสังคมและเป็นหลักสากล ที่เขาทำกันในนานาอารยประเทศ..
โดยไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ..
“สะท้อนถึงความมีกาลเทศะและความมีมารยาทของผู้ลุกขึ้นยืนนั้นเอง.. “
รอรับชม Ep. 2 ตอนต่อไปนะครับ..
โฆษณา