21 ม.ค. 2021 เวลา 02:00 • สิ่งแวดล้อม
“Net Zero Emission” สำคัญกับโลกใบนี้อย่างไร?
แนวทางสู่ Net Zero Emissions
“Net Zero Emission” หรือ “การปล่อยสุทธิเป็นศูนย์” สามารถอธิบายนิยามได้ง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า เป็น “การสมดุลของคาร์บอนระหว่างการปล่อยและการดูดกลับ” ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า ถูกดูดกลับไปใช้ในกระบวนการหายใจของพืชทั้งหมด
“Net Zero Emission” เป็นความพยายามที่จะไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยในชั้นบรรยากาศโลกไม่ให้เกิน 1.5 C ภายในปี ค.ศ. 2100 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยก๊าซฯ ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ระหว่างปี ค.ศ. 1850–1900 ตามเป้าหมายของ Paris Agreement
อันที่จริงแล้ว วิกฤติโลกร้อนไม่ได้จะเกิดขึ้นหลังจากที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 C แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่ามันได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และการที่เราพยายามจะควบคุมการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยของอุณหภูมิโลกนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้กับ Climate Change เท่านั้นเอง
ในปีที่ผ่านมา ค่อนข้างมีความชัดเจนมากขึ้นว่าเป้าหมายในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกนั้น ควรจะเป็น 1.5 C มากกว่า 2 C ตามเป้าหมายของ Paris Agreement และควรมีการดำเนินงานที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะสายเกินแก้ไข และทำให้โลกของเราเดินเข้าสุ่จุด “Point of no return” หรือ “จุดเปลี่ยนที่เราจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว”
ข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Earth Systems Dynamics ระบุว่า
“ถ้าการดำเนินนโยบายลดก๊าซฯ เพื่อบรรลุเป้าหมาย 1.5 C ในปี ค.ศ. 2100 เป็นแบบพอประมาณหรือค่อยเป็นค่อยไปนั้น โลกของเราได้เดินข้ามผ่านจุด “Point of no return” มาแล้ว”
แต่ “ถ้าการดำเนินนโยบายลดก๊าซฯ เป็นไปอย่างเข้มงวด และดำเนินการได้อย่างรวดเร็วในทันที เพื่อบรรลุเป้าหมาย 2 C – 1.5 C ในปี ค.ศ. 2100 โลกของเราจะเข้าสู่จุด “Point of no return” ในปี ค.ศ. 2045 และ2027 ตามลำดับ”
ข้อมูลบ่งชี้ดังกล่าว เพียงพอที่จะทำให้ไม่แปลกใจนักว่าทำไมในตอนนี้หลายประเทศจึงมีความมุ่งมั่น และประกาศที่จะมุ่งสู่เป้าหมายของ “Net Zero Emission” ให้ได้อย่างรวดเร็ว หรืออย่างช้าที่สุดภายในปี ค.ศ. 2050
#ClimateChangeTalk #ThailandClimateChange #Mitigation #ClimateTechnology
บทความโดย CC Talk team
ที่มา
โฆษณา