20 ม.ค. 2021 เวลา 10:44 • ธุรกิจ
4 เทคนิคสลายภาวะ Burnout เพื่อปลุกไฟในตัว ให้ลุกโชนอีกครั้ง
3
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมยิ่งนานวัน
ไฟในการทำงานที่เคยลุกโชน กลับค่อยๆมอดจนใกล้ดับ
เริ่มมีทัศนคติด้านลบต่องาน
ประสิทธิภาพในการทำงาน ก็ไม่เต็มร้อยเหมือนอย่างเคย
เช้าวันจันทร์ที่เคยน่าตื่นเต้นสำหรับการทำงาน กลับกลายเป็นวันที่ไร้เรี่ยวแรง..
 
ใครที่กำลังรู้สึกแบบนี้ สันนิษฐานได้เลยว่า
เราอาจกำลังเข้าสู่สภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome
และจำเป็นต้องหาเชื้อเพลิงมาปลุกไฟในตัวอย่างเร่งด่วน
 
คำถาม คือ จู่ๆ ทำไมคนเราถึงหมดไฟ
แล้วถ้าหมดไฟแล้ว จะเติมเชื้อไฟได้จากที่ไหน?
 
ซึ่งตัวการหลักของภาวะหมดไฟ มาจากความเครียดที่สั่งสมจากการทำงาน มาเป็นระยะเวลานาน
ไม่ว่าจะเป็น ความเครียดจากการทำงานหนักเกินไป ต้องทำงานที่ไม่ถนัด หรือรู้สึกไม่มีตัวตนในที่ทำงาน
4
ความน่ากลัว คือ อาการหมดไฟ สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย
ตั้งแต่พนักงานไปจนถึง CEO ของบริษัท
และถ้าขืนปล่อยให้อาการหมดไฟเรื้อรัง อาจจะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
ดังนั้น ใครที่กำลังรู้สึก หรือ สงสัยว่าตัวเองกำลังหมดไฟ
อาจลองเติมเชื้อไฟให้ตัวเองได้ง่ายๆ ด้วยเทคนิคดังนี้
1.ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย
2
ทุกครั้งที่ออกกำลังกาย ร่างกายของคนเราจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน หรือที่หลายคนเรียกว่าสารแห่งความสุขออกมา
ทำให้แม้ร่างกายจะอ่อนเพลีย เพราะเสียเหงื่อ แต่กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
แถมยังช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเราให้ออกจากงาน มาโฟกัสที่เรื่องอื่นๆ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ CEO ระดับโลกหลายคน สละเวลาเพื่อออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น ทิม คุก CEO ของ Apple ที่จะออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อคลายเครียด
 
หรือ บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้นำที่ขึ้นชื่อเรื่องวินัยในการออกกำลังกาย
โดยเขาให้คุณค่ากับเวลาในการออกกำลังกาย เท่ากับการคิดและการปลดปล่อยความเครียด
1
ไม่ว่าภารกิจจะรัดตัวแค่ไหน เขาก็ต้อง​แบ่งเวลา 45 นาที สำหรับออกกำลังกาย โดยจะเล่นสลับระหว่างการคาร์ดิโอ (บริหารหัวใจให้แข็งแรง) กับการยกเวต
รวมไปถึงการเล่นบาสเกตบอล ซึ่งเป็นกีฬาสุดโปรดของเขา เท่าที่โอกาสจะอำนวย​
2.นอนให้เต็มอิ่ม อย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง
1
ใครที่เป็นสายชอบเบียดบังเวลานอน มาสะสางงาน ถึงเวลาต้องปฏิวัติตัวเองด่วน
เพราะผลเสียจากการอดนอน ไม่ใช่แค่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม​
แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และระบบความจำ
 
ดร.แมตต์ วอล์กเกอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองชาวอังกฤษ เคยบรรยายเรื่อง “Sleep is your Superpower” บนเวที TED Talk ไว้อย่างน่าสนใจว่า
 
การอดนอนเพียง 3-4 ชั่วโมง แค่ 1 คืน ก็ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานชองเซลล์ภูมิคุ้มกัน ลดลงถึง 70%
และยังกระทบต่อความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้อีกด้วย
 
เรื่องนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ เจฟฟ์ เบโซส CEO ของ Amazon
ซึ่งเขาเชื่อว่า การนอนหลับให้เต็มอิ่ม เฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมง
นอกจากจะช่วยให้เขารับมือกับความเครียดและการทำงานหนักได้เป็นอย่างดี
ยังช่วยให้เขาตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ได้อย่างเฉียบคมมากขึ้นอีกด้วย
3
3.ให้เวลาตัวเองได้พักเบรกบ้าง
กรณีคลาสสิกที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเสมอ คือ เทคนิค Think Weeks
ซึ่ง Bill Gates ใช้ตอนสมัยเป็น CEO ของ Microsoft
ด้วยความที่ต้องแบกรับความเครียดและความกดดัน ที่ถาโถมเข้าใส่ทุกวันจนรู้สึกหมดไฟ
เขาเลือกที่จะ “ปลีกวิเวก” ไปใช้ชีวิตเงียบๆ ที่กระท่อมลับส่วนตัว
เพื่ออาศัยช่วงเวลานั้นโฟกัสกับสิ่งที่ต้องคิด
ซึ่งกิจกรรมนั้น ได้เป็นการเปิดประตูบานสำคัญ ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมากมาย ให้กับบริษัท
และหนึ่งในนั้น คือ การเปิดตัว Internet Explorer ในปี ค.ศ. 1995
4.มองหาที่ปรึกษาสักคน
1
หนึ่งในวิธีแก้เครียด ที่ได้ผลดีและเร็วที่สุด คือ การหาใครสักคน ที่พร้อมรับฟังเรา
เขาคนนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นนักแก้ปัญหาขั้นเทพ
แต่แค่เป็นผู้ฟังที่ดี พร้อมที่จะเปิดใจ ใส่ใจในสิ่งที่เราระบาย ก็เพียงพอแล้ว
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมา คือ เทคนิคง่ายๆในการสลายอาการหมดไฟ ที่ใครๆก็สามารถทำตามได้
3
ซึ่งนอกจากจะทำให้ความสุขในการทำงานกลับคืนมา
ยังทำให้สุขภาพกายและใจของเราแข็งแรง
เพื่อพร้อมรับมือกับทุกความไม่แน่นอน ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราในอนาคต..
1
โฆษณา