21 ม.ค. 2021 เวลา 04:43 • กีฬา
CM6(CM5) Thailand: The Debut of DidNotFinish
(August 8th 2020, 103km 6,000m+, bib 5052, Did Not Finish 94km 24:38:18)
รายการแรกที่ไทยแลนด์
CM6 รายการอัลตร้าเทรลล่าสุดที่เพิ่งวิ่งไม่จบไป เป็นรายการที่จัดขึ้นที่เชียงใหม่ ใช้เส้นทางเขาบริเวณบ้านขุนช่างเคี่ยนเป็นศูนย์กลาง มีหลายระยะตั้งแต่1-6 ตอนแรกสมัครลงCM6 150กม.ไว้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของCovid19 ปีนี้CM6จึงถูกยกเลิก ส่วน1-5จัดได้ จึงเลือกปรับมาที่CM5 103กม. มีgain 6,100ม.ซึ่งชันมากที่สุดตั้งแต่เคยวิ่งมาทั้งแง่ของgainรวมและgainเฉลี่ยต่อระยะทาง
ซ้อม:
ขอสั้นๆเพราะวิ่งไม่จบก็ไม่น่าจะเป็นประโยชน์อะไรมาก จากprofileของสนามที่ชันและเราอยู่ในเมือง การซ้อมเลยโฟกัสไปที่การขึ้นลงบันไดเป็นหลัก โดยที่3สัปดาห์สุดท้ายทำgainสะสมได้โดยประมาณเท่ากับสนามจริง 6,000ม./สัปดาห์ ซึ่ง ณ เวลานั้นก็พอจะมั่นใจ และมีgoalแบบหลวมๆจะจบที่ราวๆ20ชั่วโมง(cutoff 31ชม.)
วิ่งจริง:
ราวๆ30กม.แรก ออกตัวด้วยความสดชื่น ไม่ได้เร่งอะไรมาก พยายามรักษาความเหนื่อยให้ต่ำๆ ทำเวลาได้แทบจะตรงเป้า แต่ก็เริ่มมีปัญหาความเปียกชื้นที่เท้า ก็เลยเปลี่ยนถุงเท้าคู่แรก
ราวๆ30กม.ต่อมา อาการเปียกชื้นที่เท้าก็ยังต่อเนื่องยาวมาเรื่อย นี่คืออุปสรรคเดียวตลอดทั้งเรซนี้ และพอระยะเวลาความเปียกยาวนานขึ้นความเจ็บแสบใต้ฝ่าเท้าก็โคตรเพิ่มขึ้นตาม แม้จะไปได้อย่างช้ามากแต่จบ60กม.นี้ก็ยังอยู่ในtop100 และยังอยู่ในเกณฑ์เวลาที่จะจบได้ตามเป้าหมาย 20ชม.
ปล. ขอบคุณพี่อ้วนที่ไล่มาเจอกันตรงจุดนี้ ได้ปรับทุกข์ได้คุยกันมันช่วยได้มากเลยครับ
ราวๆ30กม.สุดท้าย(ที่วิ่ง) จุดเริ่มต้นของหนังชีวิตที่แท้ทรูเริ่มจากจุดนี้ เป็น 30กม.ที่โคตรๆๆtechnical การตัดสินใจออกตัวจากแต่ละจุดพักที่ห่างกันราว10กม.ในแต่ละครั้งใช้ใจล้วนๆ ที่บอกว่าใช้ใจเพราะใต้เท้าไม่อยากเหยียบอะไรใดๆทั้งสิ้นแล้ว มันโคตรแสบ ลักษณะท่าทางเราคงฟ้อง หลายคนที่สวนทางหรือไล่หลังมาจะให้กำลังใจหรือถามไถ่กันเกือบทุกคน แต่ละ10กม.ของช่วงนี้ใช้เวลาไปอย่างร่ำรวย
10กม. uphill 3:57:16 (ชม:นาที:วินาที)
10กม. downhill 2:44:41 (ชม:นาที:วินาที)
10กม. uphill 4:45:43 (ชม:นาที:วินาที)
*30กม.นี้ใช้เวลาไปพอๆกับ60กม.แรกเลย
timing record
ราวๆ10กม.สุดท้าย(ไม่ได้วิ่ง) ใจจริงๆก็คือจะวิ่งแหละ เพราะก่อนจะเข้ามาจุดพักสุดท้ายนี้ก็ยังคิดว่าคงไปไหว คือไม่น่าจะทรมานไปมากกว่านี้แล้ว กะว่าจะเอาถุงเท้าเก่ามาใส่ทับอาจทำให้แสบเท้าน้อยลง แต่พอลองแล้วมันไม่เวิ้ค เห็นสภาพเท้าตัวเองจุดนี้มันแทบทำใจไปต่อไม่ได้ เลยเข้าไปขอความเห็นที่จุดปฐมพยาบาล พอถอดถุงเท้าให้staffที่จุดปฐมพยาบาลดู ถูกยิงคำถามแรก คุณอยากจบมั้ยละ? ผมอึ้งไปแป๊บ นึกในใจ มึงจะมาไม้ไหนเนี่ย ไม่อยากมั้งกรูมาวิ่งเล่นๆ94กม.😆 อืม...คิดอยู่ว่าถ้าตอบไปตรงๆ มึงต้องส่งกรูไปแน่ๆ😅
staff: โอเค ผมถามใหม่ คุณจำเป็นต้องจบมั้ยล่ะ?
ผม: ไม่ครับ (ตอบเร็วมาก)
ถูกตัดbibครั้งแรก
หลังวิ่ง:
ร่างกายปวดเมื่อยเป็นปกติ แต่ไม่มีอะไรต้องซ่อมแซมยกเว้นแผ่นเท้า เท้าเหี่ยวๆกลับมาเต่งตึงแบบกลมแทบปริในวันต่อมา มีตุ่มพองต้องเจาะประมาณ8หลุม เล็บดำ3เล็บ 5วันผ่านมาแล้วตอนนี้หนังเท้าหายบวม ตุ่มพองแห้งแล้ว เหลือเจ็บเล็บนิ้วโป้งอีกเพียงเล็กน้อย
ขอบคุณผู้จัดและstaffทุกท่านจากใจจริง รายการนี้จัดการได้ดีเยี่ยมมาก ทั้งการออกแบบrouteที่(โคตร)ท้าทาย(มาก) อาหารการกิน รวมถึงการปฏิบัติตามการจัดการแข่งขันแบบnew normalก็ทำได้ดีมาก
สรุป:
ผมแนะนำรายการนี้นะ ถ้าใครชอบความท้าทาย ส่วนตัวเองได้ประสบการณ์และเจอข้อผิดพลาดมากมาย หลักๆคือการที่ไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเจอกับสภาพสนามแบบนี้ ซึ่งก็คือ "เปียก ลื่น ฝน" ซึ่งจะต้องเจอแน่ๆ จะมากหรือน้อยแล้วแต่ แต่ต้องเจอแน่นวล! แม้ครั้งนี้ฝนหนักจริงๆมีแค่หนึ่งซู่เท่านั้นในตอนที่อยู่ในร่มพอดี แต่แค่ฝนเบาๆกลางๆเป็นช่วงๆ กับพื้นที่แฉะลื่นเปียกก็เพียงพอที่จะเล่นงานฝ่าเท้าจนยับเยิน ท้ายสุดยืนแทบไม่อยู่ และเป็นที่มาของการเปิดซิงDid Not Finishในครั้งนี้
แนะนำ:
*หากใครต้องการไปต่อให้จบในสถานการณ์แบบนี้ แนะนำให้ไปนั่งนอนพักยาวๆเลยนะครับ พักร่างพักใจให้ร่มๆ อย่าตกใจ แล้วจะไปต่อได้แน่นอน
*หากจำเป็นต้องถอนตัว ถ้าเลือกได้ให้ถอนตัวที่จุดต่ำๆใกล้เมือง การรอรถกลับจากHead Quarterอาจเป็นหนังชีวิตอีกเรื่องเลย เพราะคอยนานมาก และทางถนนลงโคตรโหด สภาพแย่ๆ DNFมาก็เศร้า ถ้าเมารถอ๊วกอีกมันจะยิ่งกว่าละคร
*อย่าลืมให้ความสำคัญกับเปลือกที่ห่อหุ้มร่างกายเรา ทั้งการป้องกันและแก้ไข เพราะไม่ว่าภายในคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเปลือกมันยุ้ยแล้วละก็...กล้ามเนื้อเส้นเอ็นที่แข็งแกร่งมันจะง่อยมะหรอยก๋อยไปเลย
เส้นทางถ้าไม่เปียก น่าจะสนุก
โฆษณา