21 ม.ค. 2021 เวลา 08:18 • กีฬา
ย้อนดีลประวัติศาสตร์ เมื่อพอล ป็อกบา ย้ายจากยูเวนตุส มาแมนฯยูไนเต็ดในราคาที่เป็นสถิติโลก 105 ล้านยูโร ซึ่งแน่นอนกว่าจะซื้อขายกันได้จบ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
2
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบฤดูกาล 2015-16 อย่างน่าผิดหวัง โอเค พวกเขาได้แชมป์เอฟเอคัพ แต่ผลงานในลีกจบอันดับ 5 พลาดโควต้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก นั่นทำให้สโมสรต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อเรียกศรัทธาแฟนๆกลับมาให้ได้
1
ขั้นแรกคือการเปลี่ยนผู้จัดการทีม หลุยส์ ฟาน กัล โดนปลดออก แล้วแต่งตั้งโชเซ่ มูรินโญ่ขึ้นรับตำแหน่งแทน จากนั้นก็ซื้อนักเตะชั้นดีเข้ามา เริ่มจากเอริค ไบญี่ จากบียาร์เรอัล, เซ็นฟรีซลาตัน อิบราฮิโมวิช จากเปแอสเช และ คว้าตัวเฮนริค มคิตาร์ยาน จากดอร์ทมุนด์
อย่างไรก็ตาม ลำพังนักเตะเหล่านี้ก็ยังไม่ดีพอ ซลาตันอาจเป็นบิ๊กเนมก็จริง แต่เขาอายุ 35 ปีแล้ว มันไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว ดังนั้นทีมจำเป็นต้องมีผู้เล่นเวิลด์คลาสสักคนที่โดดเด่นทั้งในและนอกสนาม เข้ามาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายให้กับทีม
2
ตอนแรกผู้บริหารของแมนฯยูไนเต็ด จะไปเซ็นมิราเล็ม ปานิช จากโรม่า แต่โชเซ่ มูรินโญ่ยับยั้งเอาไว้ โดยมองว่าปานิชเป็นผู้เล่นที่ดี แต่เขาไม่แน่ใจนักว่าจะยกระดับทีมได้จริงๆ และสโมสรควรเล็งเป้าหมายไปที่พอล ป็อกบา ของยูเวนตุส ที่มีพรสวรรค์สูงลิ่วมากกว่า
2
โชเซ่ มูรินโญ่ ในสมัยคุมเชลซีรอบสอง เขาเคยยื่นข้อเสนอขอซื้อป็อกบาจากยูเวนตุสมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ตอนนั้นดีลไม่เกิดขึ้น เพราะยูเว่ยังอยากเก็บไว้ใช้งานต่อ อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่เองก็รอจังหวะอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้ร่วมงานกับป็อกบาในอนาคต
มูรินโญ่อยากได้ แต่ฝั่งผู้บริหารคิดหนัก กล่าวคือป็อกบาเป็นนักเตะที่แมนฯยูไนเต็ดพยายามหลีกเลี่ยงที่จะซื้อ จากเหตุผลสำคัญที่สุดคือ กลัวโดนด่าว่าเสียค่าโง่ เพราะคุณปล่อยป็อกบาไปแบบฟรีๆไม่มีค่าตัว แต่ถ้าจะซื้อกลับมาต้องจ่ายเงินสูงมหาศาล แบบนี้ไม่ใช่แค่จะโดนล้อเท่านั้น แต่ในเชิงธุรกิจถือว่าเสียเหลี่ยมมากๆ ที่ปล่อยเพชรเม็ดงามออกไป แล้วต้องซื้อกลับมาเองด้วยราคาสูงขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยความต้องการของมูรินโญ่ บวกกับทีมการตลาดของสโมสรวิเคราะห์แล้วว่า การเซ็นป็อกบากลับมา "ยังไงก็คุ้ม" สาเหตุเพราะนี่คือผู้เล่นที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นมากๆ ชื่อเสียงและบุคลิกของเขาสามารถขายได้ในตลาดทั่วโลก ขณะที่ฝีมือก็ไม่มีข้อสงสัย ป็อกบาเป็นหนึ่งในกองกลางที่ครบเครื่องที่สุดในยุโรปชั่วโมงนั้น
2
ขณะที่ในมุมของป็อกบานั้น เขาเองแฮปปี้กับช่วงเวลาที่ยูเวนตุส แต่เพื่อการเติบโตต่อไปในระดับ worldwide ป็อกบาก็ต้องการย้ายไปยังทีมที่มีฐานแฟนบอลมากกว่านี้อีก
หลังจบยูโร 2016 ป็อกบาแจ้งกับสโมสรว่าเขาอยากย้ายทีม แต่ปัญหาคือสัญญาของป็อกบาเหลืออีกถึง 3 ปี ทำให้ยูเวนตุสมีพาวเวอร์มากในการต่อรอง เพราะถ้าสโมสรไหนที่อยากได้ แต่ไม่ยื่นข้อเสนอที่ต้องการ ยูเว่ก็เก็บป็อกบาไว้ใช้ต่อก็ได้
1
ป็อกบาตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พร้อมๆกันในเวลาเดียว แต่ 2 ชอยส์หลังโดนตัดออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าป็อกบา อยากย้ายไปอยู่กับสโมสรที่มีอาดิดาสเป็นสปอนเซอร์หลักมากกว่า เพราะตัวเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของอาดิดาสอยู่แล้ว ซึ่งก็จะง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ ถ้าย้ายไปอยู่บาร์ซ่า หรือเปแอสเช ที่ใช้ไนกี้ ก็อาจยากขึ้นในการโปรโมท
1
ม้าสองตัว จึงเหลือแค่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับเรอัล มาดริดเท่านั้น ซึ่งถ้าดูในแง่ความสำเร็จ การไปอยู่กับเรอัล มาดริด อาจก้าวไปสู่แชมป์ได้เร็วกว่า ณ ชั่วโมงนั้น เรอัล มาดริด มีทั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ทั้งหมดอยู่ในฟอร์มพีก ถ้าได้ป็อกบาเข้าไปเสริมอีกคน แผงกลางก็จะยิ่งแน่นปึ้กเข้าไปอีก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่ากันตรงๆอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ เพราะในอดีตเวลาดวลซื้อนักเตะกับทีมเรอัล มาดริดทีไร พวกเขาแพ้ทุกที ทั้งตอนแย่งซื้อคาริม เบนเซม่า ในปี 2009 หรือตอนแย่งซื้อแกเร็ธ เบลในปี 2014 สุดท้ายนักเตะก็ไปอยู่กับราชันชุดขาวทั้งหมด
4
ซีเนอดีน ซีดาน เฮดโค้ชของมาดริด ออกหน้าออกตาว่าชอบป็อกบาเป็นพิเศษ และพยายามเกลี้ยกล่อมมา 2-3 เดือนแล้ว เขาเองก็มั่นใจลึกๆเหมือนกัน เพราะนักเตะฝรั่งเศส ถ้าได้ร่วมงานกับโค้ชฝรั่งเศส ก็น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัว
สำหรับแมนฯยูไนเต็ด กับเรอัล มาดริด แม้ขนาดทีมจะใหญ่พอกัน แต่ในปี 2016 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรอัล มาดริดน่าสนใจกว่า เพราะพวกเขาเพิ่งได้แชมป์ยุโรปมา ศักดิ์ศรีคือทีมระดับท็อป ขณะที่แมนฯยูไนเต็ดเพิ่งจบอันดับ 5 ในลีก ถ้าป็อกบาย้ายมาก็จะยังไม่ได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
1
ดังนั้นสำหรับเอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอของแมนฯยูไนเต็ด การเอาชนะเรอัล มาดริด แล้วคว้าตัวป็อกบามาร่วมทัพครั้งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ข้อแรกคุณต้องโน้มน้าวให้ป็อกบาอยากมาอยู่กับคุณให้ได้ จะมีเหตุผลอะไรล่ะ ที่เขาต้องย้ายกลับมาอยู่แมนฯยูไนเต็ดอีกครั้ง
ข้อสอง คุณต้องโน้มน้าวใจมิโน่ ไรโอล่าให้ได้ เพราะทุกคนรู้ดีว่า ป็อกบาให้ความเชื่อใจในเอเยนต์ตัวเองสูงมาก ถ้าหากไรโอล่าไม่เห็นชอบ ไม่มีทางที่ป็อกบาจะตอบตกลงด้วย
และข้อสาม แมนฯยูไนเต็ด ต้องทำให้ต้นสังกัดยูเวนตุสพอใจด้วย เพราะอย่าลืมว่านักเตะเหลือสัญญาอีกตั้งเยอะ ยูเว่จะไม่ขายก็ได้ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
2
ภารกิจการไล่ล่าตัวป็อกบาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเริ่มต้นขึ้นเพื่อเอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่างมาดริดให้ได้
[ เป้าหมาย 1 - ชนะใจพอล ป็อกบา ]
2
ขั้นแรกสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทำให้ป็อกบาเห็นว่าสโมสรตัวเองดีพอที่ตัวนักเตะจะพิจารณาย้ายทีม
1
กล่าวคือป็อกบาเคยย้ายออกจากแมนฯยูไนเต็ดมาแล้วหนหนึ่ง มันจะมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องกลับไปที่เดิมอีก นอกจากนั้นเขาเป็นผู้เล่นระดับแชมเปี้ยนส์ลีก ทำไมต้องลดระดับตัวเองไปเล่นในยูโรป้าลีกด้วยล่ะ
ถ้าหากโน้มน้าวนักเตะเบื้องต้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นใดๆ คุณจะออกจากวงเจรจาตั้งแต่เริ่มเลยด้วยซ้ำ
เอ็ด วู้ดเวิร์ดโน้มน้าวหลากหลายเหตุผลมาก เริ่มตั้งแต่ป็อกบาเองก็ชอบชีวิตในแมนเชสเตอร์ เขาเองพูดภาษาอังกฤษได้อยู่แล้ว ดังนั้นจะไม่มีปัญหาในการปรับตัวเลย คือถ้าไปอยู่มาดริด ก็ต้องเริ่มเรียนภาษาใหม่ ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกันใหม่แต่แรกอีก
เหตุผลข้อต่อมา การย้ายกลับมาด้วยค่าตัวมหาศาล มันเป็นสตอรี่ที่ยอดเยี่ยม จากนักเตะที่ย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว แต่ถูกซื้อกลับมาในราคาสูงลิบ มันเป็นเรื่องคลาสสิค ที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของป็อกบาอย่างก้าวกระโดด
3
อีกเหตุผลหนึ่งที่ฟังขึ้นเช่นกัน โดยวู้ดเวิร์ดกล่าวว่า ถ้าป็อกบาย้ายไปอยู่ลาลีกา เขาจะเป็นสตาร์อันดับ 5 ของลีกสเปน แต่ถ้า "กลับบ้านนายจะเป็นหมายเลข 1" โดยวู้ดเวิร์ด ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เขาเปิดสถิติให้ดูว่า ข่าวป็อกบามีความเชื่อมโยงกับแมนฯยูไนเต็ด มีคนกดไลค์กดแชร์เยอะกว่า ข่าวที่บอกว่าป็อกบาเชื่อมโยงกับเรอัล มาดริด
7
ลองคิดดูว่าถ้าไปเรอัล มาดริด เขาอาจจะมีแอร์ไทม์น้อย เพราะสโมสรต้องกระจายความสนใจให้สตาร์คนอื่นๆด้วย แต่กับแมนฯยูไนเต็ด เขาจะเด่นที่สุดแน่นอน
ขณะที่เรื่องของค่าเหนื่อย มีข่าวว่าเรอัล มาดริด จะจ่ายเงินสัปดาห์ละ 160,000 ปอนด์ให้ป็อกบา แต่ฝั่งแมนฯยูไนเต็ดจะจ่าย 290,000 ปอนด์ ซึ่งเป็นค่าเหนื่อยที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมทั้งจะแบ่งลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ให้อีก 20%
2
เหตุผลต่างๆรวมกัน ป็อกบาก็ยังยอมรับว่า แมนฯยูไนเต็ดเป็นทางเลือกที่ไม่เลวจริงๆ และจุดนั้นเขาจึงไม่ตัดชอยส์ปีศาจแดงออกไป แต่เอามาพิจารณาร่วมกับเรอัล มาดริด ก่อนจะให้มิโน่ ไรโอล่าช่วยตัดสินใจว่าควรจะย้ายไปสโมสรไหนดี
4
[ เป้าหมาย 2 - ชนะใจมิโน่ ไรโอล่า ]
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ป็อกบาย้ายออกจากแมนฯยูไนเต็ดในปี 2012 เหตุผลเดียวคือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่ให้โอกาสเขาลงสนามอย่างที่ควรจะเป็น โดยจุดแตกหักอยู่ในซีซั่น 2011-12 ณ ตอนนั้นป็อกบาอายุย่าง 19 ปี อาจจะน้อยถ้าเทียบกับผู้เล่นคนอื่น แต่เขามั่นใจว่าตัวเองดีพอที่จะเป็นตัวจริง
แผงมิดฟิลด์แมนฯยูไนเต็ด ณ เวลานั้น พอล สโคลส์ แขวนสตั๊ดไปแล้ว ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์บาดเจ็บ เหลือตัวเลือกแค่อันแดร์สัน, ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ และ ไมเคิล คาร์ริก ซึ่งป็อกบามั่นใจว่าเขาพร้อมสู้ได้ทุกคน ไม่คิดว่าตัวเองเป็นรองใครใน 3 ชื่อนี้เลย แต่เฟอร์กูสันก็ยังไม่ให้โอกาสเขาอยู่ดี
เกมที่ทำให้ป็อกบาฉุนขาด เกิดขึ้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2011 เกมส่งท้ายปี แมนฯยูไนเต็ด เจอกับทีมบ๊วยของตาราง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เกมนั้นเซ็นเตอร์แบ็กบาดเจ็บหลายคนจนต้องเอาไมเคิล คาร์ริกถอยไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับฟิล โจนส์ ส่วนกองกลางที่เหลือเจ็บหมด ทั้งเฟล็ตเชอร์, เคลฟเวอร์ลีย์ และอันแดร์สัน ซึ่งป็อกบาเป็นกองกลางตัวเดียวที่เหลือ แต่เฟอร์กูสันกลับเอาราฟาเอล ดา ซิลวา ซึ่งเป็นแบ็กขวามาเล่นกองกลางแทน คู่กับพาร์ก จี ซองที่ปกติเป็นตัวริมเส้น เขามองข้ามป็อกบาไปเฉยเลย
1
คือโอเคว่าเฟอร์กี้อาจจะมีแผนอะไรอยู่ในใจ อาจจะมองว่าป็อกบาต้องรอเวลาที่เหมาะกว่านี้ก่อน แต่ในมุมของป็อกบา เขาคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วและเฟอร์กูสันต่างหากที่ขวางการพัฒนาการของเขา นั่นทำให้ป็อกบาปล่อยให้ตัวเองหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 แล้วเตรียมย้ายทีมแบบฟรีๆ ตามกฎบอสแมน
1
สำหรับเฟอร์กูสันเขาไม่เคยเจอนักเตะวัย 19 ปี ที่หักดิบกับสโมสรขนาดนี้มาก่อน นักเตะดาวรุ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนเชื่อฟังคำของเขาทั้งนั้น แต่เคสของป็อกบานั้น เขามีเอเยนต์ส่วนตัวมิโน่ ไรโอล่าคอยวางแผนเอาไว้ให้ทั้งหมด
2
จริงๆ เฟอร์กี้พยายามจะโน้มน้าวป็อกบาแล้ว เขายื่นข้อเสนอ 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ให้ป็อกบาพิจารณา คือกับดาวรุ่งที่ยังไม่เคยลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกก็ไม่ได้ถือว่าน้อย แต่ไรโอล่าที่นั่งอยู่ในวงสนทนาด้วย บอกปฏิเสธเฟอร์กี้ซึ่งหน้าแล้วพูดว่า "ที่บ้านผม มีหมาชิวาว่าสองตัว เจอสัญญาแบบนี้ หมาชิวาว่าของผมยังไม่อยากเซ็นเลย"
เมื่อโดนสวนมาแบบนี้ คนอย่างเฟอร์กี้ไม่มีทางปล่อยให้ใครลูบคมได้ เขาปล่อยให้ป็อกบาย้ายทีมไปเลยแบบไม่มีค่าตัว และนักเตะย้ายไปอยู่ยูเวนตุสแทน ซึ่งจากวันนั้นมา เฟอร์กูสันก็ไม่เผาผีกับไรโอล่าอีกเลย นักเตะคนไหนที่อยู่ในความดูแลของไรโอล่า ข้ามศพเขาไปก่อนเถอะ ถึงจะยอมซื้อขายด้วย
2
ปัญหาคือในกรณีของพอล ป็อกบาในปี 2016 เอเยนต์ของป็อกบาก็ยังเป็นมิโน่ ไรโอล่าเช่นเคย แปลว่าถ้าหากคุณไม่สานสัมพันธ์กับไรโอล่าให้ได้ เขาก็จะไม่เชียร์ให้นักเตะย้าย และจะผลักดันไปอีกทีม ซึ่งก็คือเรอัล มาดริดแทน
ที่ผ่านมาเราเห็นมาตลอดอยู่แล้วว่าป็อกบาเชื่อมั่นในตัวเอเยนต์แค่ไหน ถ้าหากความสัมพันธ์ของยูไนเต็ดกับไรโอล่ายังคงตึงเครียดกันอยู่ ดีลของป็อกบาก็แทบจะเกมโอเวอร์ไปเลย
2
นั่นทำให้เอ็ด วู้ดเวิร์ด พยายามจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับไรโอล่าขึ้นมาใหม่ คือตอนนี้เซอร์อเล็กซ์ก็รีไทร์จากวงการฟุตบอลไปแล้ว ดังนั้นเรื่องราวโกรธเคืองใดๆ ทั้งคู่ก็อยากให้ผ่านไป แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่อีกรอบ
7
วู้ดเวิร์ด จึงเริ่มต้นการเจรจาดีลลูกค้าของไรโอล่า และให้ส่วนแบ่งกับเอเยนต์ในตัวเลขที่น่าพอใจมาก ตัวอย่างเช่น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่หมดสัญญากับปารีส แซงต์แชร์กแมง จริงอยู่ว่าย้ายมาฟรีๆแบบไร้ค่าตัว แต่แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังต้องจ่ายเงินให้ไรโอล่าเป็นกรณีพิเศษเป็นค่าประสานงาน
เช่นเดียวกับเฮนริค มคิตาร์ยาน ที่เหลือสัญญากับดอร์ทมุนด์แค่ 1 ปี ถ้าหากหมดสัญญา นักเตะย้ายทีมฟรีๆ ไรโอล่าก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์จากการซื้อขาย ซึ่งเรื่องนี้ แมนฯยูไนเต็ด ก็ไปซื้อจากดอร์ทมุนด์ในราคา 26.3 ล้านปอนด์ โดยไม่ต้องรอให้ผู้เล่นหมดสัญญา และมันก็ส่งผลให้ไรโอล่าได้ส่วนแบ่งเงินไปโดยปริยาย
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ในดีลของป็อกบา ไรโอล่าไม่ได้ขัดขวางการซื้อตัว และยืนยันว่าถ้าแมนฯยูไนเต็ด ตกลงค่าตัวกับยูเวนตุสได้ ฝั่งนักเตะก็พร้อมย้ายไปร่วมทีมด้วยอย่างไม่มีปัญหา
[ เป้าหมาย 3 - ชนะใจยูเวนตุส ]
ยูเวนตุสเองก็เป็นทีมใหญ่ของยุโรป พวกเขามีเป้าหมายจะคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกให้ได้เสียที หลังจากเฉี่ยวมานาน ดังนั้นการเก็บนักเตะเกรดเอเอาไว้กับทีมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และถ้าทีมไหนก็ตามที่อยากได้ป็อกบา ต้องมาด้วยข้อเสนอในระดับที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
เอ็ด วู้ดเวิร์ด เข้าไปคุยกับอันเดรีย อันเยลลี่ ประธานสโมสรยูเวนตุส และการคุยกันเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งสองสโมสรไม่มีปัญหาอะไรผิดใจกัน ทุกอย่างอยู่แค่เรื่องเงิน
1
วู้ดเวิร์ดยื่นข้อเสนอ 90 ล้านยูโร ซึ่งแพงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่แกเร็ธ เบล ที่มาดริด ซื้อจากสเปอร์ส ในปี 2013 เท่านั้น (100 ล้านยูโร) แต่ฝั่งยูเวนตุสปฏิเสธและเรียกกลับไปที่ 120 ล้านยูโร
ฝั่งยูเวนตุสอธิบายว่า ในสัญญาของป็อกบาตอนยูเว่เซ็นฟรีเมื่อปี 2012 ระบุว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการย้ายตัวเกิดขึ้นอีกครั้ง สโมสรต้องแบ่งรายได้ 20% ให้มิโน่ ไรโอล่า
แปลว่า ถ้าขาย 90 ล้านยูโร ยูเว่เองก็จะได้เงินแค่ 72 ล้านยูโรเท่านั้น ส่วนที่เหลือ 18 ล้านยูโรต้องแบ่งให้ไรโอล่าตามสัญญาที่ระบุไว้
2
นั่นทำให้ ยูเว่ต้องการเงิน 120 ล้านยูโร เพราะแปลว่าสโมสรจะได้เงิน 96 ล้านยูโร (แบ่งให้ไรโอล่า 24 ล้าน) ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ และเป็นตัวเลขที่โอเคมาก
แต่ตัวเลขนี้ มันเป็นราคาที่สูงเกินไป แมนฯยูไนเต็ดจ่ายไมไหว คือป็อกบาจะเก่งแค่ไหนราคาทะลุ 120 ล้านยูโร (105 ล้านปอนด์) มันเกินกว่างบไปมาก
จังหวะนั้นเอง เรอัล มาดริด ก็จับตาดูสถานการณ์อยู่ พวกเขากำลังหาเงินเช่นกัน มีข่าวว่า จะปล่อยตัวนักเตะบางรายออกไป เพื่อหาเงินก้อนเอามาจ่ายให้ยูเว่ นั่นทำให้เอ็ด วู้ดเวิร์ดต้องเดินเกมเร็วที่สุด ก่อนที่มาดริดจะรวมเงินก้อนได้
ตอนนั้นแมนฯยูไนเต็ด แข่งปรีซีซั่นที่เซี่ยงไฮ้ แต่วู้ดเวิร์ดต้องบินมาที่อิตาลี เพื่อคุยกับยูเวนตุส และพยายามหาราคาครึ่งทางระหว่างกัน ก่อนที่สุดท้ายจะไปเคาะเอาที่ 105 ล้านยูโร (89.3 ล้านปอนด์) ซึ่งจะทำลายสถิติโลกของแกเร็ธ เบลได้พอดี
แม้จะสูงมาก แต่ถ้าคิดในแง่ว่าลดราคาลงจากเดิมตั้ง 15 ล้านยูโร ก็ทำให้วู้ดเวิร์ดพอรับได้ และอีกอย่างป็อกบาเพิ่งอายุ 23 ปี เขาสามารถยืนหยัดเป็นแกนหลักของทีมได้ยาวนานนับทศวรรษกันเลยทีเดียว
สุดท้ายการเซ็นสัญญาจึงลุล่วง ป็อกบากลับมาแมนฯยูไนเต็ดอีกครั้งในสัญญา 5 ปี และมีอ็อปชั่นขยายสัญญาปีที่ 6 กับราคาสถิติโลก
ในดีลครั้งนั้น แม้จะซื้อมาแพง แต่ในอีกมุม มันก็เป็นการแสดงฝีมือของทีมซื้อขายของแมนฯยูไนเต็ดเช่นกัน ว่าคุณสามารถดึงตัวนักเตะระดับท็อป โดยเอาชนะทีมที่ดูจะเหนือกว่าอย่างเรอัล มาดริดได้
ขณะที่ป็อกบาเขาเองก็คิดทบทวนเยอะเช่นกัน แต่ก็มองว่าแมนฯยูไนเต็ดน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า และตั้งความหวังว่าการเลือกครั้งนี้จะถูกต้อง และเขาจะพาแมนฯยูไนเต็ดกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
แต่ปัญหาคืออะไรๆไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด ป็อกบาเจออาการบาดเจ็บตลอด เดี๋ยวเล่น เดี๋ยวพัก จนขาดความต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีโค้ชคนไหน รู้ชัดเจนว่าควรใช้การเขาอย่างไรจึงจะเรียกศักยภาพดีที่สุดออกมาได้ ตลอด 4 ปีที่ลงเล่น ป็อกบายืนมาหลายตำแหน่งมาก ทั้งมิดฟิลด์ตัวซ้ายในระบบ 4-3-3 , มิดฟิลด์ตัวรุก หรือแม้แต่มิดฟิลด์ตัวรับ คือทุกคนรู้ว่าเขาเก่ง แต่คำถามคือจะใช้การอย่างไรจะเวิร์คที่สุด
เวลาล่วงเลยผ่านไป ป็อกบา ไม่สามารถกลับไปสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองเหมือนสมัยอยู่ยูเวนตุสได้ ทำให้ทั้งแฟนบอลส่วนหนึ่ง และสื่อมวลชน โจมตีเขาตลอดเวลา ป็อกบากลายเป็นที่ระบายอารมณ์ชั้นดี เวลาทีมไม่ชนะผู้คนจะโยงไปถึงพฤติกรรมของเขานอกสนามเสมอ ว่าก็ชอบทำตัวเล่นๆ ไร้สาระแบบนั้น แล้วจะพาทีมชนะได้อย่างไร
มันกลายเป็นความอึดอัดที่กดทับในใจของป็อกบามาหลายปี ซึ่งเมื่อสัญญาใกล้หมดลงในปี 2022 ป็อกบายิ่งแสดงจุดยืนชัดขึ้นทุกที ว่าเขาไม่อยากอยู่แล้ว ขอย้ายทีมดีกว่า โดยในเดือนพฤศจิกายน 2020 เมื่อป็อกบาเข้าเก็บตัวกับทีมชาติฝรั่งเศส เพื่อลงเล่นในเกมเนชั่นส์ลีก เขาให้สัมภาษณ์ว่า "การได้เล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส เหมือนอยู่ในห้องทึบๆ แล้วเปิดหน้าต่างออกมา มันมีอากาศบริสุทธิ์ให้คุณได้หายใจ เมื่อผมมาที่นี่ ผมมีความสุขมากจริงๆ"
1
สื่ออังกฤษวิเคราะห์สาเหตุที่ป็อกบาเล่นไม่ออก ในยุคโชเซ่ มูรินโญ่ และโอเล่ กุนนาร์ โซลชาช่วงแรก เพราะสไตล์ของป็อกบานั้นจำเป็นต้องมีกองกลางตัวรับเก่งๆ คอยคัฟเวอร์ให้เสมอ ที่ยูเวนตุส เขามีทั้งอาร์ตูโร่ วิดัล และอันเดรีย ปิร์โล่ คอยเล่นเกมรับให้ หรือในทีมชาติฝรั่งเศส ก็มีเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทำงานหนักให้ เพื่อปลดปล่อยให้เขามีอิสระในการบุก
2
ถ้าหากแมนฯยูไนเต็ดต้องการใช้ป็อกบาเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ก็ต้องส่งกองกลางตัวรับที่พร้อมทำงานหนักให้ป็อกบา ไม่ใช่ให้เขามาเล่นเป็นกองกลางตัวรับเต็มสูบซะเอง
1
ซึ่งไม่รู้จะสายเกินไปหรือไม่ แต่ดูเหมือนโอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะรู้แล้วว่า จะดึงศักยภาพดีที่สุดของสตาร์คนนี้ออกมาได้อย่างไร ป็อกบาเล่นดีขึ้นมากจริงๆในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และลงตัวจริงตลอด โดยไม่เคยถูกดร็อปอีกเลย
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดของป็อกบา เขาเหลือสัญญาจนถึงซัมเมอร์ปี 2022 นั่นแปลว่า อาจเกิดมหากาพย์การซื้อขายเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ คือถ้าป็อกบาตั้งใจแล้วว่าจะย้าย แมนฯยูไนเต็ดก็ต้องขาย ไม่งั้นนักเตะก็จะย้ายทีมได้ฟรีๆ ตามกฎบอสแมน
และแน่นอน ทีมปีศาจแดงยอมไม่ได้ ถ้าจะให้ป็อกบาย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวได้ถึง 2 ครั้ง พวกเขาต้องถอนทุนขายเอาเงินสดมาสักก้อน โดยราคาประเมินเชื่อว่าอยู่ที่ตัวเลข 60-80 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม จะย้ายหรือจะอยู่ ป็อกบายังไม่เคยออกมาพูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครเดาใจเขาถูก มีแต่พูดผ่านมิโน่ ไรโอล่า ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่า เอาแน่เอานอนอะไรกับคำพูดของไรโอล่าไม่ได้อยู่แล้ว
ณ ตอนนี้ จึงเป็นช่วงที่เขากำลังตัดสินใจ ว่าจะอยู่หรือไป ซึ่งถ้าอยู่แล้วเขาระเบิดฟอร์มสุดยอดได้ แฟนๆก็คงดีใจ ที่มีกองกลางคุณภาพอยู่กับทีมต่อไป
แต่ถ้าเขาเลือกจะไป ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยในซีซั่นสุดท้าย ขอให้ป็อกบากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปิดฉากด้วยความสำเร็จร่วมกันสักครั้งก็ยังดี
1
#Pogba
โฆษณา