22 ม.ค. 2021 เวลา 03:55 • ท่องเที่ยว
ท่องโลกกว้าง @Taipei101 with Juu’s Journey
Edit: Juu
สวัสดีค่ะทุกคน ไม่ทราบว่ายังมีใครสนใจย้อนเวลาท่องเที่ยวโลกกว้างกับจูกันอยู่หรือป่าวเอ่ยย?
วันนี้จูขอพาทุกคนย้อนเวลาไปเมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งทริปที่จูจัดไว้เป็นแบบ One Day Trips และแน่นอนค่ะ ครั้งนี้เราก็ต้องฝ่าดงพงไพรไปยังจุดท่องเที่ยวที่สำคัญมากๆของประเทศไต้หวันเลยซึ่งก็คือ ตึกTaipei 101 นั่นเองค่ะ 😆 อย่ารอช้า เรามาเดินทางท่องเที่ยวย้อนอดีตไปพร้อมๆกับจูกันเลยนะคะ
Photo: Juu
เช้าอันสดใสที่เต็มไปด้วยหยดน้ำฝนปอยๆเป็นสาย แลดูท่าทีแล้วยังไงวันนี้ฝนก็จะไม่หยุดตกแน่นอนเลยค่ะทุกคน
แต่ด้วยแพรั่ชชั่นที่มีมันค่อนข้างสูงมากเกินกว่าที่เราจะงดทริปนี้ได้ จูเลยตัดสินใจยัดข้าวของที่จำเป็นลงกระเป๋าเป๋ ที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ร่มสุดมุ้งมิ้ง กับบัตร Easy Card ที่สามารถพาเราไปถึงทุกที่หมายได้โดยสวัสดิภาพ
เจ้าบัตร Easy Card ของจูเองค่ะ
‘ตัดเข้าสาระกันนิดนึงนะคะ บัตร Easy Card คือเป็นบัตรที่ใช้ระบบเติมเงินเข้าบัตร ไม่ว่าจะผ่านตู้หรือตามร้านสะดวกซื้อก็สามารถรับเติมเงินในบัตรได้อย่างง่ายดายเลยค่ะ และเจ้าตัวบัตร Easy Card เนี่ยได้ถูกออกแบบมาให้ใช้และพกพาได้ Easy สมชื่อเขาเลยจริงๆ เพราะไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหน เข้าร้านสะดวกซื้อ หรือ แม้แต่อยากจะทานอะไรก็สามารถนำเจ้า Easy Card พกติดตัวไว้ได้ตลอด ต่อให้ไม่มีเงินสดเราก็ไม่อดตายค่ะ (แต่ถ้าไม่มีเจ้า Easy Card เราจะลำบากหน่อยนะคะ)
จูมั่นใจเลยว่าไม่ว่าใครที่ต้องเดินทางไปประเทศไต้หวันไม่ว่าจะด้วยเหตุใดทั้งสิ้น ทุกคนต้องแวปไปซื้อบัตร Easy Card ไว้อุ่นใจกันทุกคน เพราะไม่ว่าจะนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าความเร็วสูง จนไปถึงรถจักรยาน ต่างล้วนจำเป็นต้องใช้บัตร Easy Card ทั้งหมดค่ะ นอกจากความสะดวกสบายของเจ้า Easy Card แล้วเนี้ย ทางไต้หวันเขาก็ขยันนนน ออกรวดลายบนเจ้าบัตร Easy Card ไว้ทุกแบบทุกคอลเลคชั่นจริงๆ ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อลายบนบัตรได้เองตามอัธยาศัย ที่ซื้อก็มีตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปเลยค่ะ ราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ไต้หวัน ส่วนคอลเลคชั่นไหนออกใหม่ราคาก็จะอัพไปอยู่ที่ประมาณ 150-200 ดอลลาร์ค่ะ
Photo:Juu
อย่างที่บอกค่ะทุกท่าน เจ้าบัตร Easy Card นั้นใช้งานสะดวกสบายมากๆแถมยังเป็นเจ้าบัตรที่เราทุกคนต้องพกติดตัวตลอด เพราะสามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่รถเมล์ รถไฟฟ้า รถจักรยาน รวมไปถึงใช้ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าก็ได้ หรือแม้กระทั้งตู้กาชาปอง ก็สามารถใช้บัตร Easy Card ได้ สะดวกแบบนี้มีไว้อุ่นใจเยอะเลยคะ เพราะเราไม่ต้องมาพกเงินสดให้กลัวหายเล่นๆ 😂
เรามาต่อกันที่เรื่องวันเดย์ทริปของจูกันดีกว่าค่ะ นอกเรื่องไปซะเยอะเลย แฮร่
เมื่อจูเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ จูพกความมั่นใจระดับ 10 ไปด้วย และเลือกการเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นส่วนใหญ่ เพราะรู้สึกว่าใช้ง่ายและไม่หลงแน่นอนค่ะ 5555
อาวุธลับที่เราพกไปกันหลง แฮร่
เมื่อถึงจุดลงป้ายสเตชั่นแล้ว จูเองต้องเดินวนหลงในสถานีอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง (อ่าว ไหนบอกไม่หลง) ณ นาทีนั้น กลูเกิ้ลเมพช่วยได้ 50% ส่วนอีก 50% ที่เหลือคือใช้สติและสัญชาตญาณดิบล้วนๆ ก็สถานีเขากว้างมากกก ต้องให้อิฉันสับขาสั้นๆเดินดุ้กดิ้กๆไปมาในสถานี แต่ไม่ต้องห่วงค่ะทุกคน ด้วยความมั่นใจของจูแล้ว(แอบถามทางชาวบ้านนิดหน่อย) ในที่สุดจูก็ได้ออกมาจากสถานีแล้วค่ะ และที่มันว้าวมากก็คือเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนเราจะเจอกับตึกไทเป101 ที่เราตามหา แบบพอดิบพอดีเลย ยะฮู้
Photo:Juu
ซึ่งดูอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ แน่นอนค่ะแต้มบุญนำพามาถึงเพียงเท่านี้ แต่ถามว่าแคร์ไหม? ก็ไม่จ้ะพี่ๆ จูจะโนสนโนแคร์ใดๆ กางร่มแล้วพร้อมเดินทางต่อไป ทริปวันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไปเที่ยวระแวกตึกไทเป 101 ซึ่งจะมีพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านทหารอันเรืองชื่อแล้วจากนั้นก็จะไปนั่งเค้าท์ดาวรอเวลาที่ตึกไทเป101 จะทำการเซอร์ไพรส์เปิดไฟทั้งตึกค่ะ ว้าววว
ซึ่งจากที่จูไปค้นคว้าข้อมูลมา เขาบอกว่าตึกไทเป 101 เนี่ย จะเริ่มเปิดไฟตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนไปถึงเวลา 23:00 นาฬิกา รวมทั้งยังจะเปิดไฟในแต่ละวันหมุนเวียนจนครบสัปดาห์ และที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือบางครั้งเราอาจจะได้เห็นช่วงเวลาพิเศษ อาธิเช่น การขอแต่งงาน ที่ทางตึกไทเป 101 เค้าก็จะจัดให้ตามคำขอ เป็นอะไรที่โรแมนติกมากๆเลยใช่ไหมละคะ 😊
หลังจากเริ่มออกเท้าเดินทางลัดเลาะไปตามถนนเพื่อไปยังจุดหมายอื่นก่อนก็คือหมู่บ้านพิพิธภัณฑ์ทหาร ซึ่งอยู่ไม่ใกล้มากจากตึกไทเป 101 เลยค่ะ แต่ที่ทำจูลำบากก็คือฝนที่ไม่มีท่าที่จะหยุดเลย ด้วยความโนสนโนแคร์ของยัยจูคนนี้แล้วเนี้ย ไหนๆก็มาเราต้องมาให้สุด แต่ว่าแต่...
Photo: Juu
ใช่ค่ะทุกคน สัญญาณแต้มบุญน้องขาดหายไป เพราะพิพิธภัณฑ์ที่ว่าเขาปิดไปแล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะจูมาช้าเกินไปหรือเขาไม่เปิดอยู่แล้ว ที่นี่เราก็จ๋อยเลยสิคะ แล้วอิชั้นจะทำอย่างไร เพราะแพลนแรกเราก่ะจะไปเดินเล่นในหมู่บ้านพิพิธภัณฑ์ทหารก่อนพอค่ำๆหน่อยก็จะไปรอดูเขาเปิดไฟที่ตึกไทเป 101 อีกรอบ
ในเมื่อแต้มบุญไม่ถึง พร้อมกับความเปียกปอนในวันนั้น ฝนที่ดูท่าที่แล้วยังไงวันนี้มันก็ต้องแกล้งจูให้ได้ จูเลยตัดสินใจเดินลัดเลาะตามถนนเส้นทางเพื่อหาร้านอาหารนั่งทานเพื่อรอเวลา ไหนๆก็ไหนๆละเนอะชีวิต เฮ้อออ
Photo:Juu
เมื่อเริ่มมืดลง จูก็พร้อมออกเดินทางไปยังตึกไทเป 101 อีกรอบ และฝนที่ตกก็ยังคงจะตกค่อไปเช่นเดิม ไม่รู้ละคะความตั้งใจของจูนั่นมีสูงมากจริงๆ ต่อให้อิชั้นต้องกางร่มดูแสงสีเสียงอิชั้นก็จะทำค่ะขุ่นแม่ จะไม่มีสิ่งใดๆมาห้ามอิชั้นได้อีกต่อไป
เมื่อเดินมาถึงจุดเป้าหมายที่เล็งไว้แล้วว่ามุมนี้ดี มุมนี้เด็ด ก็เริ่มที่จะยื่นเงยหน้ามองตึกแบบตาไม่กระพริบ
คือต้องบอกก่อนว่า ณ จุดๆนั้นรถจะผ่านไปมาเยอะแยะมาก รวมถึงผู้คนก็จะรีบเดินทางกลับบ้านเพราะฝนที่ตกมาทั้งวัน ก็จะมีอิชั้นยืนเอ๋อๆ กางร่มแล้วมองตึกอยู่คนเดียว มีหลายคนเลยค่ะที่เข้ามาทักทายและถามว่ายูหลงทางหรือเปล่า? อินี่ก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วบอกว่าไอมาดูตึกไทเป101หน่ะ ไออยากเห็นตอนเขาเปิดไฟมากๆเลย พร้อมกับเชี่ย เชี่ย หนี่เป็น 10 รอบ
ในที่สุดเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงแล้วค่ะ เวลาประมาณ 6.30 นิดๆ ทางตึกไทเป 101 ก็ได้เริ่มเปิดไฟ และมันว้าวมากๆสำหรับเด็กน้อยจูคนนี้ไปเลยค่ะ
Photo:Juu
หลายท่านอาจจะไม่อินอะไรแบบนี้แต่สำหรับจูมันคือความมหัศจรรย์อย่างนึงเลยค่ะ เพราะมันคือความตั้งใจที่เราวาดฝันไว้และเมื่อเราได้มาสัมผัสของจริงตรงหน้าด้วยดวงตาของเราเองมันยิ่งทำให้จูตื่นเต้นมากกว่าเดิม
จริงๆแอบคาดหวังเล็กน้อยว่าจะเจอเซอร์ไพรส์จากตึกไทเป101 ไม่ว่าจะเป็นการขอแต่งงานของใครสักคนก็ตาม แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่มีอยู่จริงค่ะ
จูใช้เวลาเพลิดเพลินกับการมองแสงไฟและวิถีชีวิตของชาวไต้หวันสักพักใหญ่ๆ ได้แต่ถอนหายใจและยิ้มเล็กๆออกมา
“มิชชั่นคอมพลีทแล้วนะนังจู ยินดีด้วยที่พาตัวเองมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์แบบนี้”
จากนั้นจูก็เริ่มเดินทางกลับไปยังสถานีไทเป101 สเตชั่น ใช่ค่ะ ที่อิชั้นหลงนั่นแหละ เพื่อเดินทางกลับไปยังที่พักแต่ว่าแต่ มันยังไม่สุดจ้ะแม่ จูตัดสินใจนั่งเลยไปอีก 1 สถานีเพื่อไปวัดหลงซาน เรามาแวะไหว้ขอผู้ก่อนกลับกันน่าจะดีกว่าา
Photo:Juu
เมื่อถึงสถานีปลายทาง ทางเรานั่นก็ไม่รีบรอช้า เดินเข้าวัดด้วยความใจร้อน และเริ่มทำการกราบไหว้บูชาเทพแต่ละองค์ในวันหลงซาน ซึ่งต้องแอบกระซิบเบาๆว่าเด็ดดวงเรื่องความรักนะเอออ
ซึ่งแน่นอนค่ะ ก่อนกลับทางเราก็จะไม่ลืมที่จะซื้อเครื่องรางของขลังมาประดับประดาชีวิต คุ้มแล้วละค่ะสำหรับการเที่ยววันเดย์ทริปแบบนี้
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจซื้อของบูชาแทบจะทุกเรื่องในชีวิตแล้วจูก็ต้องรีบเดินทางกลับไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก่อนที่เขาจะปิดบริการค่ะ (ตอนนั้นราวๆ 4-5ทุ่ม) ไม่รู้ว่าเพราะไปไหว้ขอพรจากเทพเจ้าองค์ไหนมาหรืออยู่ๆแต้มบุญก็จูนสัญญาณติด จูได้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นรอบสุดท้ายของวัน จนเดินทางมาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพอีกเช่นเคย
Photo:Juu
เอาละคะทุกคน ได้ท่องเที่ยววันเดย์ทริปกับจูซึ่งดูทรงแล้วแต้มบุญก็ยังคงพอมีอยู่บ้าง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะสนุกไปกับการเดินทางของจูนะคะ ไว้ครั้งหน้าจูจะนำบทความไหนมาเล่าให้ทุกท่านฟังอีกก็ขอให้อดใจรอติดตามกันต่อไปนะคะ
สำหรับวันนี้จูขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ติดตามจู เจอร์นี่ ซึ่งแน่นอนว่าการท่องเที่ยวครั้งนี่มันยังคงอยู่ในวงแคบๆ แต่จูสัญญาว่าจะนำทุกเรื่องราวมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังอย่างแน่นอนค่ะ
Photo:Juu
‘การเที่ยวก็เหมือนกับการเสี่ยงดวง เราไม่รู้ว่าดินฟ้าอากาศจะเป็นใจให้เราไหม และถ้าเราไม่ศึกษาข้อมูลก่อนท่องเที่ยวให้ดีก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ ซึ่งเราต้องใช้สติและความพร้อม เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ง่ายๆ และไม่ว่าเรื่องราวในตอนจบจะเป็นเช่นไร เราจะสามารถหัวเราะให้มันได้เสมอเมื่อนึกถึง’
จู เจอร์นี่
โฆษณา