21 ม.ค. 2021 เวลา 22:49 • สุขภาพ
"ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ" ราชบัณฑิต หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านบอกว่า.....
.
"เนื่องจากมีคนออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับวัคซีนโดยมีความเข้าใจที่ผิดพลาดหลายประการ
.
ในฐานะนักวิชาการด้านไวรัสวิทยาและวัคซีน มีความจำเป็นที่ต้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนและสังคมเข้าใจให้ถูกต้อง"
.
☼ ขณะนี้ตลาดของวัคซีนเป็นของผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ วัคซีนที่จะผลิตออกมามีความขาดแคลนอย่างมาก
.
ในระยะแรก ไม่มีหลักประกันใดเลย ที่จะบ่งบอกถึงว่าวัคซีนตัวไหนจะถึงเป้าหมาย จึงต้องมีการจองไว้ก่อน
.
ประเทศที่ร่ำรวยก็อาจได้เปรียบ มีเงินจองวัคซีนที่จะคิดค้นและพัฒนาได้มากกว่าประเทศไทย
.
☼ ในการจองแต่ละครั้ง ต้องมีการวางมัดจำ และการวางมัดจำนี้ ถ้าวัคซีนผลิตไม่สำเร็จ เงินจำนวนนี้ ก็จะไม่ได้คืน
.
แม้กระทั่งการวางมัดจำกับบริษัท Astra Zeneca ก็ไม่สามารถใช้เงินหลวงไปวางมัดจำได้
.
จึงจำเป็นต้องใช้เงินของ "บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยฯ" ไปวางมัดจำ เพราะช่วงดังกล่าว ไม่มีหลักค้ำประกันได้เลย ว่าจะได้วัคซีนตัวไหน?
.
☼ การให้วัคซีนในปีนี้ ในเด็กต่ำกว่า ๑๘ ปี ยังให้ไม่ได้ เพราะไม่มีการศึกษา เมื่อตัดกลุ่มเด็กออกไป ก็จะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้น ที่จะได้รับวัคซีน
.
ถึงแม้ประเทศจีน ผลิตวัคซีนเป็นจำนวนมาก จีนเองยังไม่คิดที่จะให้ถึง ๕๐ หรือ ๖๐% ของประชากร
.
☼ เพราะการให้วัคซีนปัจจุบัน เป็นวิธีการเสริมจากการป้องกันที่มีอยู่แล้ว
.
การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และกำหนดระยะห่าง ถ้าเราทำได้ดี การให้วัคซีนก็ไม่ถึงกับต้องเร่งรีบมากจนเกินไป รอการศึกษาให้ได้วัคซีนที่ปลอดภัยดีกว่า
.
☼ ในปีหน้า ตลาดวัคซีนจะเป็นของผู้ซื้อ มีการผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เราก็สามารถที่จะเลือกซื้อได้ ในตัวที่ดีที่สุดและราคาถูกที่สุด
.
ดังนั้น ผมเชื่อว่าการประเมินที่ ๒๖ ล้านโดสแรก น่าจะมีความเหมาะสม รอเวลาที่จะเลือกวัคซีนตัวดีที่สุด/ราคาเหมาะสม เข้ามาเสริมในระยะสุดท้าย
.
ดีกว่าที่จะทุ่มเงินมัดจำไปทั้งหมด แล้วในที่สุด ก็ไม่สามารถจะเลือกชนิดวัคซีนได้
.
โดยจะเสียเงินมัดจำไปเปล่าประโยชน์ วัคซีนตัวแรกที่ออกมา ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด
.
☼ สิ่งที่ได้อีกอย่างในการผลิตวัคซีนในประเทศไทย คือ การส่งต่อเทคโนโลยีต่างๆ (Transfer of technology) ในด้านการผลิตเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับชีววัตถุ ซึ่งมีความสำคัญมากในอนาคต
.
ขณะนี้ บริษัทใหญ่ที่ทำได้ในประเทศไทย ก็หนีไม่พ้น "บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ฯ" และ "ไบโอเนทเอเชีย" ที่จะเป็นบริษัทเชิดหน้าชูตาของไทยได้เท่านั้น บริษัทอื่น ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอ
.
☼ วัคซีนที่ออกมาใหม่ เมื่อถามประชาชนว่า ต้องการฉีดหรือไม่ ยกตัวอย่างประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกามีคนที่ต้องการฉีดไม่ถึงครึ่ง เนื่องจากกลัวภาวะแทรกซ้อนในการพัฒนาอย่างเร่งรีบ ประเทศไทยไม่ได้มีการระบาดรุนแรงอย่างในอเมริกาด้วยซ้ำ การตัดสินใจสายกลาง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ดีกว่าที่จะไปผูกมัดจนเกินไป
.
☼ การให้วัคซีนเป็นจำนวนล้านล้านคน จะต้องใช้เวลานาน เป็นไปไม่ได้ที่จะฉีดวันละเป็นล้าน
.
การบริหารวัคซีนต้องรอบคอบ ตั้งแต่โลจิสติกส์จนถึงการลงทะเบียนทุกอย่าง เร่งไม่ได้ และไม่สามารถบังคับว่าทุกคนต้องฉีด
.
ถ้าเราเลือกวัคซีนไม่ดี แล้วไม่มีคนฉีด ความสูญเสียจะมากมายจากเงินลงทุนไปโดยเปล่าประโยชน์
.
สิ่งที่ประเทศไทยเราทำอยู่ในขณะนี้ มีความเหมาะสม พอเพียง พอดี บนพื้นฐานของความประมาณตน
.
โดยใช้ความรู้ และพึ่งพาตนเองได้ ตามรอยพระราชดำริ" ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
.
"ขอฝากให้คนไทยทุกคน แสวงหาความรู้ อย่าเชื่อข่าวลือ หรือข่าวที่ไม่เป็นจริง
.
ระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพของตนให้ดี ใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกู ล้างมือ รักษาระยะห่างทางกายภาพ แล้วเราจะผ่านวิกฤติมหาโรคระบาดไปด้วยกัน”
อ้างอิง: ปู จิตกร บุปผา
โฆษณา