22 ม.ค. 2021 เวลา 02:29 • ครอบครัว & เด็ก
..."แม่" คือ "ครู" คนแรกที่สอนให้ลูกเรียนรู้การมีชีวิตรอดเป็นคนแรก
...ปัจจุบันเราพบว่าพ่อแม่ที่รักลูกที่สุด แต่คุณหมอด้านจิตเวชท่านมีข้อมูลของลูกวัยรุ่นที่อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้า กลับเจ็บป่วยทางจิตเยอะมากที่สุดเช่นกัน และนับวันจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นทุก ๆ วัน
.
...หากพ่อแม่ในรุ่นปัจจุบัน หรือพ่อแม่มือใหม่ทั้งหลาย ไม่เข้าใจในเรื่องจิตวิญญาณของการเลี้ยงลูกอย่างแท้จริง สิ่งที่แม่สอนชีวิตลูกที่ผิดพลาดไป ทำให้ลูกไม่สามารถมีชีวิตที่มีความสุขได้
.
...เพราะการแก้ปัญหาที่แท้จริง อาจจะต้องแก้ที่พ่อแม่ ปัญหาของลูกทุกอย่างจะคลี่คลายไปก็ได้ค่ะ
.
...ฐานกาย 0-7 ปี จะทำให้ชีวิตลูกมีความสุข
...ฐานใจ 8-14 ปี จะทำให้ชีวิตลูกเข้าใจตัวเอง
...ฐานคิด 15-21 ปี จะทำให้ลูกอยากมีชีวิตที่มีความหมายในอนาคต
.
...ทำไม!! เด็กคนหนึ่งทำอะไรก็ดีไปหมด
...The Twelve Senses จึงเป็นคำตอบที่พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์
...สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นคนที่มีทักษะชีวิต ทำอะไรก็ดีไปหมด ซึ่งพ่อแม่เข้าใจวิธีการเลี้ยงลูกตามช่วงวัย
..จะทำให้เราเลี้ยงลูกได้ดี หรือมีปัญหาน้อยที่สุดค่ะ
1.#Sense_of_Touch
การสัมผัสเป็นระบบประสาทแรก ที่ลูกได้เจอเมื่อเริ่มคลอดออกมา หากลูกในวัยเด็กไม่ได้รับการตอบสนอง หรือเจอการสัมผัสที่เลวร้าย รุนแรง การขู่ให้ลูกหวาดกลัวสิ่งต่าง ๆ ลูกหวาดผวา ทำให้การสร้างหัวใจในวัยเริ่มต้นชีวิต ที่เปราะบาง มีแต่ความกลัว ไม่กล้า ไม่มั่นใจ
.
ส่วนลูกที่ได้รับการสัมผัสถึงความรัก ความอบอุ่น ความปลอดภัยเมื่อแรกคลอด เมื่อเริ่มเติบโต จะมีความสุขและไว้วางใจโลกใบใหม่ เมื่อต้องเผชิญกับโลกภายนอก จะมองโลกในแง่ดี มีความมั่นคงในจิตใจ เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง
.
ดังนั้นการที่ลูกเริ่มเกิดมา พ่อแม่หรือใครก็ตามที่เลี้ยงดูลูก สัมผัสแรกของชีวิตลูกจึงมีความสำคัญที่สุด เพราะจะถูกบันทึกเป็นความทรงจำที่ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเลี้ยงดูแบบไหน ความรู้สึกจะถูกซึมซับไปลึกถึงระดับเซลล์ประสาท
.
ถ้าลูกเริ่มต้นชีวิตจากการเลี้ยงดูได้ดี จะนำไปสู่การสร้างระบบประสาทที่ดีในขั้นต่อไปได้ง่าย
2.#Sense_of_Life
.
เป็นประสาทการรับรู้ความรู้สึก ความสบายใจ จิตใจมีความสุข หรือเมื่อมีความเจ็บป่วย ประสาทส่วนนี้จะทำหน้าที่เตือน เมื่อมีสัญญาณความผิดปกติเกิดขึ้น
.
การที่ให้ลูกได้ฝึกอยู่กับคนอื่นบ้าง เช่น ปู่ย่าตายาย ลูกพี่ลูกน้อง ญาติ เป็นต้น จะทำให้ลูกเข้าใจ และเรียนรู้ความรักหลายรูปแบบ เป็นการฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ความสุข ความสนุก ความสมหวัง ความผิดหวัง ความเจ็บปวดของชีวิตบ้าง เข้าใจความทุกข์ของคนอื่น นึกถึงใจเขาใจเรา เพราะหากไม่เจอประสบการณ์จริง จะไม่มีวันเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง
.
ดังนั้นการเรียนรู้ระบบประสาทส่วนนี้ จึงหมายรวมถึงความรักในคุณค่าของตัวเอง เคารพตัวเอง และจะสามารถเผื่อแผ่ไปถึงสังคมรอบข้างของลูก เมื่อลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เพราะทุกอย่างจะเชื่อมโยง และถูกสร้างเป็นพลังงานชีวิตที่อยู่ติดตัวลูกตลอดไป
3.#Sense_of_Movement
เซลล์ประสาทนี้จะอยู่ในกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย การเคลื่อนไหวของลูก
จะทำให้ลูกรู้สึกอิสระในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง เด็กเล็กจะเรียนรู้รูปร่างของตัวเอง ผ่านการเล่น การปีนป่าย การล้มแล้วลุกเอง ฝึกความพยายาม ทำให้มีการเชื่อมโยงกับระบบประสาทและถูกส่งไปที่สมองสั่งการ
.
ถ้าลูกถูกเลี้ยงดูดีมากเกินไป ประคบประหงม ไม่ฝึกให้ลูกเรียนรู้ชีวิตเองบ้าง พ่อแม่คอยทำให้ทุกอย่าง ระบบประสาทส่วนนี้จะไม่ได้รับการพัฒนา
.
การห้ามลูกทำสิ่งต่าง ๆ ในวัยที่ควรจะเป็น ถือว่าเป็นการขัดขวางพัฒนาการของลูกขั้นรุนแรง เพราะการที่ลูกมีอิสระในการใช้ร่างกาย เกิดความคิดที่ดี ๆ ซึ่งจะเชื่อมโยงทำให้สมองถูกการกระตุ้น เพราะลูกจะเติบโตไปได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับจินตนาการ ความคิด ความเชื่อที่อยู่ในตัวลูก
.
sense นี้เป็นการให้ปัญญาทางฐานกาย สามารถพัฒนาไปถึงการสร้างสายสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าได้ดีอีกด้วย
4.#Sense_of_Balance
เซลล์ประสาทนี้จะอยู่ในหู เป็นความรู้สึกถึงความสมดุล มีความนิ่งสงบในใจ เกิดการตัดสินใจที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าลูกมีความสมดุลดี อวัยวะหูจะแข็งแรง เป็นความสมดุลจากภายในจิตใจ เมื่อเรียนหนังสือจะตั้งใจเรียน เมื่อพ่อแม่สอนจะรับฟังพ่อแม่ได้อย่างต่อเนื่อง
.
ดังนั้นเมื่อลูกใช้ฐานกายมาอย่างสมดุล ลูกเจอประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต จะนำความรู้ที่อยู่ในชุดความคิดที่เป็นความจำของลูก มาประยุกต์ได้อย่างเหมาะสม เพราะมีการฝึกใช้สมองส่วนคิดที่สมดุล โดยผ่านการเล่นมาก่อนในวัยเด็ก จึงทำให้ลูกเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นใจตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม
5.#Sense_of_Vision
เซลล์ประสาทตาที่เห็นได้ชัด เกิดจากแสงที่ผ่านเลนส์ตา ไปตกกระทบกับจอรับภาพ การรับรู้สิ่งต่าง ๆ โดยผ่านการทำงานของตา และจะเกี่ยวเนื่องกับประสาทการรับรู้โดยอัตโนมัติ
สิ่งที่ลูกมอง และรับรู้จากสิ่งที่ตาเห็น จะถูกเก็บเป็นหน่วยความจำของลูก หากพ่อแม่ปฎิเสธการอธิบายเหตุผลให้ลูกฟัง ลูกไม่ได้กลับมาดูความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
.
เมื่อการถูกปฏิเสธบ่อย ๆ ลูกจะกลายเป็นคนไร้ความรู้สึก ไม่อยากออกความเห็น กลายเป็นคนเลิกแสดงความรู้สึก
.
พฤติกรรมของลูกถูกเก็บสะสมความรู้สึกไว้ โดยไม่สามารถหาทางออกได้ กลายเป็นคนทำอะไรโดยไม่รู้สึกผิด เพราะไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ได้
.
เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น จึงไม่อยากพูดกับพ่อแม่ เพราะไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเอง มองไม่เห็นความสำคัญ และมองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายให้ใครฟัง
.
แต่ถ้าสิ่งที่ตาลูกมองเห็นแล้วแสดงอารมณ์ เสียใจ โมโห หรือดีใจ และพ่อแม่ต้องฟังความรู้สึกลูกด้วยหัวใจ ยอมรับความจริง และมีเวลาที่จะอธิบายลูกด้วยเหตุผล
.
เมื่อลูกเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง สมองซีกขวาจะถูกเชื่อมโยงกับสมองซีกซ้าย เพื่อหาความหมายของอารมณ์นั้น
.
การแก้ไขอารมณ์โดยที่กลับมาดูความรู้สึก ทำให้ลูกรู้เท่าทันอารมณ์ เพื่อรู้จักและเข้าใจตัวเอง จะเชื่อมโยงกับชีวิตในปัจจุบัน ทำให้ลูกรู้ว่าอะไรที่ตัวเองชอบ รัก โกรธ เกลียด หรือรู้สึกอย่างไรกับหัวใจตัวเอง
.
สุดท้ายแล้วเมื่อลูกเข้าใจทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง แปลความหมายได้ถูกต้อง เข้าใจความหลากหลายอารมณ์ตัวเอง และผู้อื่น ว่ามีความจริงใจ หรือหลอกลวง เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง
.
เพราะหากลูกแยกแยะอารมณ์ที่ผิดของตัวเองไม่ได้ จะเป็นอันตรายสำหรับชีวิตลูกเอง และนำความเสียใจอย่างสุดซึ้งในชีวิตของพ่อแม่ได้โดยไม่รู้ตัว
.
6.#Sense_of_Taste
ลิ้นทำให้เกิดการรับรู้รสชาติของอาหาร รสขมจะกระตุ้นให้เราข่มทิ้ง รสเปรี้ยวทำให้เราตื่นตัว รสเข้มที่พอเหมาะทำให้รสของอาหารกลมกล่อม รสหวานทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย
.
การรู้จักรสนิยม หรือบุคลิกภาพ สามารถสังเกตผ่านรสชาติและพลังของอาหารได้ด้วย ทุกครั้งที่ทานอาหารในครอบครัว ถ้าบ้านไหนมีการทะเลาะกัน มีความขัดแย้ง กินข้าวกันด้วยอารมณ์ขุ่นมัว บ้านนี้จะได้รับพลังของอาหารที่ไม่ดีนัก อาหารที่กินเข้าจึงไม่ใช่พลังชีวิตที่ดี ลูกอาจกลายเป็นเด็กโหยหาความรักได้
.
เมื่อโตขึ้นมาจากพลังงานชีวิตที่ไม่ดีมากนัก ยิ่งมีการห้ามลูกเล็ก ๆ กินอาหาร เช่น ของหวาน ของมัน ของทอด เป็นต้น โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ลูกเข้าใจอย่างแท้จริง เมื่อลูกมีโอกาสกินโดยไม่มีพ่อแม่ จะกินอาหารแบบโหย หรือมูมมาม ซึ่งกลายเป็นบุคลิกที่ไม่ดีโดยไม่รู้ตัว สามารถกลายเป็นคนเสพติดอาหารเมื่อโตขึ้น
.
ความหมายของ Sense นี้ยังรวมถึงการมีรสนิยมในการใช้ชีวิต เพราะบุคลิกภาพของคน คือพลังงานชีวิตของคน ถ้าคนที่มีบุคลิกนอบน้อม เพราะมีพลังงานอ่อนโยน หากมีพลังงานที่ไม่ดี โตขึ้นอาจกลายเป็นเสพติดการช้อปปิ้งคลายเครียดได้โดยไม่รู้ตัว
.
ดังนั้นบ้านที่มีความสุขอย่างแท้จริง จะไม่มีการทะเลาะกันบนโต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง
7.#Sense_of_Smell
การที่ให้ลูกได้ใช้ชีวิตช่วงแรก 0-7 ปี มีฐานกายที่อิสระ ผ่านความรักของผู้คนหลายหลายรูปแบบ ได้รับรู้กลิ่นอายความรู้สึกที่ลูกสัมผัสได้ ทำให้เกิดการรับรู้จากระบบประสาทเชื่อมโยงกับสมองผ่านลมหายใจ นำไปประมวลผลออกมาเป็นความรู้สึก ได้กลับเข้ามาสังเกตใจตัวเอง และจะจัดการกับตัวเองได้
.
ธรรมชาติของกลิ่น เช่น กลิ่นไม่ดีในห้อง แต่พอเราอยู่นานๆ ไป เราก็เคยชินไปโดยปริยาย
เหมือนกับการที่ลูกได้กลิ่นความรู้สึกของตัวเอง แต่ไม่ได้กลับมาสังเกตความรู้สึกที่แท้จริง ทำให้ไม่สามารถเข้าใจตัวเองได้อย่างแท้จริง จากงานวิจัยพบว่ากลิ่นทำให้รู้จักถึงความดี ความเลว และมีผลกับศีลธรรมในตัวคนเราได้ดีอีกด้วย
8.#Sense_of_Warmth
ความอบอุ่นของพ่อแม่ สามารถทำให้ลูกมีพื้นที่พิเศษ ก่อให้เกิดความรัก มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ที่ดีของพ่อแม่
.
การที่พ่อแม่กับลูกไม่ได้อยู่กันเพียงแค่ด้านร่างกาย แต่มีความรู้สึกอบอุ่นด้วยหัวใจ ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน ห่างไกลกัน จะสัมผัสถึงความใกล้ชิดเป็นภาพในความทรงจำเสมอ
.
หากครอบครัวไม่มีความอบอุ่น ลูกไม่ได้ฝึกคิด ไม่ได้ฝึกทำ ไม่ได้สัมผัสสิ่งที่ดี ๆ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่า ซึ่งลูกที่ไร้ความรู้สึก มีแต่ความอ้างว้าง จะไม่สามารถรู้คุณค่าของตัวเองและผู้อื่นได้เลย
.
หากลูกมีชีวิตที่อบอุ่น และปลอดภัยภายในบ้าน จะมีพลังชีวิตที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตด้วยหัวใจที่เข้าใจชีวิต และเผชิญกับความแข็งแกร่งของชีวิตได้ดี
9.#Sense_of_Hearing
การฟังคือใช้อวัยวะหูในการฟังเสียง เพื่อสร้างความเข้าใจและได้เรียนรู้ ลูกที่เรียนเก่ง ส่วนใหญ่ในวัยเด็กจะได้เล่นและทำกิจกรรมเต็มที่ ในช่วงสร้างฐานกายที่ดี เพราะทำให้มีการเชื่อมโยงของระบบประสาทกับสมองส่วนคิดได้เต็มที่ ทำให้มีสมาธิในการรับฟังทำได้ดี
.
หากลูกไม่ได้ฝึกสมองส่วนคิดตั้งแต่เด็ก จะใช้ระบบการท่องจำในการเรียนหนังสือ ทำให้ไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทำให้การเรียนจะไม่ค่อยดีนัก จะไม่ค่อยฟังครู และไม่ชอบเรียนหนังสือในที่สุด
ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเรียนเก่ง ต้องฝึกให้ลูกฟังพ่อแม่ เพราะการฟังจะสร้างความเข้าใจการเรียนรู้ ถ้าหากพ่อแม่พูดแต่สิ่งที่ลูกไม่อยากฟัง การใช้ชีวิตของลูก เช่นการเรียนหนังสือ ลูกจะไม่อยากฟังใครเช่นกัน
10.#Sense_of_Language
การสื่อสารใช้อวัยวะเดียวกันกับการได้ยิน คือหู แต่เป็นสมองคนละส่วนกัน เพราะการสื่อสารไม่เพียงแต่ส่งเสียง แต่เป็นการสื่อสารที่บ่งบอกถึงความรู้สึกไปยังคู่สนทนาอีกด้วย
.
หากตอนวัยเด็กลูกไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็น ขาดการสื่อสารที่ดีกับพ่อแม่ หรือคนรอบข้าง โตขึ้นกลายเป็นคนขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยพูด หรือบางคนชอบพูดแบบระบายอารมณ์ เพื่อความสะใจ เนื่องจากในวัยเด็กถูกเก็บกด
.
ลูกที่มีพลังงานที่ดี จะสื่อสารแบบอ่อนโยน นึกถึงใจเขาใจเรา การสื่อสารออกมาจากคำพูด คือสิ่งที่สะท้อนชีวิตของลูกในวัยเด็กได้ดีเช่นกัน
11.#Sense_of_Thought
ในสังคมทุกวันนี้ถือว่าเป็นโครงสร้างสังคมที่มีความรุนแรง ไม่ว่าเราเลี้ยงลูกมาดีแค่ไหน ความรุนแรงในสังคมเกิดขึ้นกับลูกเราได้เสมอ
.
มุมมองของชีวิตลูก เกิดจากการถูกหล่อหลอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อโตเป็นวัยรุ่นลูกที่ถูกเลี้ยงดูโดยคนในครอบครัวมีเวลาให้กัน ลูกต้องมีวินัยการดูแลตัวเอง เคารพตัวเอง และเคารพคนอื่น มีความเพียรพยายาม มีความสามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเริ่มตั้งแต่การสร้างฐานกาย และฐานใจ มาจากช่วงอายุตั้งแต่ 0-14 ปี จนกลายมาเป็นฐานนี้ ถือว่าเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่สำคัญที่สุดของชีวิตลูก
12.#Sense_of_Self
ความเป็นตัวตน หรือความเป็นอัตลักษณ์ของลูกวัยรุ่น เกิดจาก Sense จาก 1 - 11 ทำงานร่วมกัน
.
การเติบโตของมนุษย์คนหนึ่ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีสูตรตายตัว บางทีพ่อแม่ต้องผ่านความเจ็บปวดบางอย่าง ถึงจะเห็นปัญหาก็มี
.
ทุกวันนี้ยังมีเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาป่วยทางจิตเยอะมาก คุณหมอไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด มีแต่ประคองอาการป่วยทางจิตของลูก ๆ ไม่ให้รุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะการแก้ไขที่ได้ผลจริง ล้วนต้องกลับมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของพ่อแม่
.
การเชื่อมโยงของมนุษย์จากระดับเซลล์ จนเชื่อมโยงความรู้สึกถึงจิตวิญญาณจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่มีสอนในตำรา ทุกอย่างต้องเข้าใจด้วยหัวใจของพ่อแม่ ที่ต้องสังเกตในทุกช่วงอายุของลูก
.
สิ่งที่สำคัญที่พ่อแม่จะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ พ่อแม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เข้าใจมุมมองชีวิต ของความเป็นมนุษย์ในระดับเซลล์ จนถึงจิตวิญญาณ จึงจะสอนลูกได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ดังนั้นจากงานวิจัยที่ยาวนานถึง 75 ปี ในคน 700 กว่าคน ได้พบคำตอบว่า ชีวิตของมนุษย์ที่ดีเกิดจากคำตอบเดียวคือ "การมีความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต" ซึ่งรวมถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ที่จะสร้าง "ลูก" ที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล The Twelve Senses ปรัชญาการเติบโต
ทางจิตวิญญาณตั้งแต่แรกเกิด นำเสนอครั้งแรกโดย รูดอล์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Stelner)
นักปรัชญาชาวเยอรมัน-ออสเตรีย
และข้อมูลที่เป็นแรงบันดาลใจจากครูณา-อังคณา มาศรังสรรค์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพื้นที่ปัญญ์รัก
แม่ไก่สนใจข้อมูลนี้ เพราะมีประสบการณ์จริงในการเลี้ยงลูกที่ได้ผล
จึงนำเสนอข้อมูลบทความนี้ อ้างอิงข้อมูลและอธิบายจากความรู้จริงที่เลี้ยงลูกมา
เผื่อเป็นประโยชน์กับอีกพ่อแม่อีกหลาย ๆ ท่าน
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาสละเวลาติดตามอ่านบทความนี้ค่ะ
โฆษณา