สิ่งที่ลูกมอง และรับรู้จากสิ่งที่ตาเห็น จะถูกเก็บเป็นหน่วยความจำของลูก หากพ่อแม่ปฎิเสธการอธิบายเหตุผลให้ลูกฟัง ลูกไม่ได้กลับมาดูความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
.
เมื่อการถูกปฏิเสธบ่อย ๆ ลูกจะกลายเป็นคนไร้ความรู้สึก ไม่อยากออกความเห็น กลายเป็นคนเลิกแสดงความรู้สึก
.
พฤติกรรมของลูกถูกเก็บสะสมความรู้สึกไว้ โดยไม่สามารถหาทางออกได้ กลายเป็นคนทำอะไรโดยไม่รู้สึกผิด เพราะไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ได้
.
เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น จึงไม่อยากพูดกับพ่อแม่ เพราะไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเอง มองไม่เห็นความสำคัญ และมองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายให้ใครฟัง
.
แต่ถ้าสิ่งที่ตาลูกมองเห็นแล้วแสดงอารมณ์ เสียใจ โมโห หรือดีใจ และพ่อแม่ต้องฟังความรู้สึกลูกด้วยหัวใจ ยอมรับความจริง และมีเวลาที่จะอธิบายลูกด้วยเหตุผล
.
เมื่อลูกเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง สมองซีกขวาจะถูกเชื่อมโยงกับสมองซีกซ้าย เพื่อหาความหมายของอารมณ์นั้น
.
การแก้ไขอารมณ์โดยที่กลับมาดูความรู้สึก ทำให้ลูกรู้เท่าทันอารมณ์ เพื่อรู้จักและเข้าใจตัวเอง จะเชื่อมโยงกับชีวิตในปัจจุบัน ทำให้ลูกรู้ว่าอะไรที่ตัวเองชอบ รัก โกรธ เกลียด หรือรู้สึกอย่างไรกับหัวใจตัวเอง
.
สุดท้ายแล้วเมื่อลูกเข้าใจทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง แปลความหมายได้ถูกต้อง เข้าใจความหลากหลายอารมณ์ตัวเอง และผู้อื่น ว่ามีความจริงใจ หรือหลอกลวง เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง
.
เพราะหากลูกแยกแยะอารมณ์ที่ผิดของตัวเองไม่ได้ จะเป็นอันตรายสำหรับชีวิตลูกเอง และนำความเสียใจอย่างสุดซึ้งในชีวิตของพ่อแม่ได้โดยไม่รู้ตัว
.