22 ม.ค. 2021 เวลา 08:59 • ธุรกิจ
ห้ามพลาด !! ความรู้ด้านการเงิน 4 ด้าน คุณอยู่ด้านไหน?
2
ชีวิตคุณก็จะเป็นแบบไหน ขึ้นอยู่กับรูปแบบรายได้ ดังนั้น วันนี้ THE MONEY มีความรู้ด้านการเงิน 4 ด้าน มาแนะนำ มีอะไรบ้าง?
2
- E Employee (พนักงานประจำ)
.
ใครก็ตามที่มีรายได้เป็นเงินเดือน ไม่ว่าจะ รายได้จะเป็นหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้าน ถือว่าเป็น "งานประจำ" ถ้าวันไหนที่คุณป่วยไม่มาทำงาน คุณก็จะไม่ได้เงิน
.
Mindset ของคนที่เป็นพนักงานประจำ คือ "ความมั่นคง" จะทำงานน้อยหรือมาก แต่ทุกเดือนต้องได้เงินเดือนแน่
.
คนกลุ่มนี้จะได้เงินที่จำกัด ถ้าอยากได้เงินที่เพิ่มขึ้น คุณต้องย้ายงาน
- S Self-Employed (ธุรกิจส่วนตัว)
.
หลาย ๆ คนออกจากงานประจำ มาเปิดธุรกิจส่วนตัว เพราะเข้าใจผิดว่าตัวเองอยู่ด้าน B แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ อันที่จริงแล้วเป็น ธุรกิจส่วนตัว
เช่น ค้าขาย ฟรีแลนซ์ ฯลฯ
ยกตัวอย่างเช่น เริ่มจากการค้าขาย ซื้อของเองหรือขายของเอง ทำทุกขั้นตอนคนเดียว เมื่อธุรกิจดีขึ้น เริ่มจ้างคนหรือผู้ช่วยเข้ามา กลายเป็นธุรกิจ SME คือ ธุรกิจกลาง-เล็ก
สังเกตุได้ว่า คุณยังต้องทำงานเองทุกขั้นตอน
ถ้าอยากได้เงินมากกว่างานประจำ ก็ต้องทำงานหนักกว่า และเครียดกว่าเพราะมีคำว่าบริษัทของเรา เงินของเราที่สั่งของมาสต็อกไว้แล้ว และต้องทำทุกอย่างได้
จากงานวิจัยพบว่า หลาย ๆ คนที่ออกมาทำธุรกิจเอง ได้เงินน้อยกว่าตอนเป็นพนักงาน เพราะว่าเมื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ มีรายจ่าย ค่าเช่า มีลูกน้อง มีสต็อก บริหารกระแสเงินสดของบริษัท ฯลฯ
.
- B Business Owner (เจ้าของกิจการ)
.
คุณสามารถหายตัวไปจากกิจการได้ 1 ปี หรือไม่?
ถ้าคำตอบว่า "ไม่" แสดงว่าคุณยังเป็น S อยู่
.
การจะเป็นเจ้าของกิจการ Business Owner ได้ต้องมี 3 ข้อด้วยกัน คือ 1.ใช้เงินมหาศาล 2.ต้องมีระบบ 3.ต้องมีคนทำงานให้ ซึ่งการทำงานให้ คือ ตัวแปร ที่จะมาแทนคุณ ต้องเป็นคนที่ไว้ใจและเก่งพอ
การจะไปเจ้าของกิจการไม่ง่าย ต้องเก่งมากๆ
1
คน Mindset เป็น "เจ้าของกิจการ" คือ ฉันจะต้องห้อมล้อมตัวเอง ด้วยคนที่เก่งกว่า ต้องหาคนที่เก่งกว่าตัวเองมาทำให้ได้ หรือบริหารคนเป็น ซึ่งต้องใช้คนที่มีภาวะผู้นำ ที่ลูกน้องจะศรัทธาและใช้ศักยภาพได้เต็มที่
- I Invester (นักลงทุน)
.
หลาย ๆ คนเข้าใจผิด การเทรด กับการลงทุน ข้อแตกต่างดูไม่ยาก นักเทรดคือ การซื้อหุ้นเช้า ขายบ่าย แต่นักลงทุน ก็ คือ ให้ทรัพย์สินสร้างเงินแทนคุณ ถือไว้ระยะยาว หรือเรียกว่า OPM (Other people money )
.
คนส่วนใหญ่ลงทุนแบบไม่รู้ตัว ไปกับการฝากเงินธนาคาร ที่ได้ดอกเบี้ยมา เป็นการใช้เงินที่ฝากทำงานแทนนั้นเอง
สรุป
.
ความรู้การเงิน 4 ด้าน ได้แก่ 1.E Employee (พนักงานประจำ) 2. S Self-Employed (ธุรกิจส่วนตัว) 3. B Business Owner (เจ้าของกิจการ) 4. I Invester (นักลงทุน)
.
รูปแบบรายได้ Passive Income ได้แก่ Business Owner กับ Invester ส่วนที่เป็น Active Income ได้แก่ Employee กับ Self-Employed
2
ความแตกต่างกันระหว่าง ธุรกิจส่วนตัว Self-Employed กับ เจ้าของกิจการ Business Owner คือ เจ้าของต้องหายตัวได้ เช่น ถ้าเจ้าของธุรกิจหายไป 6 เดือน หรือ 1 ปี แต่ธุรกิจยังไปได้เหมือนเดิมเป็น เจ้าของกิจการ Business Owner
.
แต่ถ้าเจ้าของหายตัวไม่ได้ อย่างเช่น หายไปไม่นาน ลูกน้องโทรตาม หรือหายไป 2 เดือนกลับมาธุรกิจ เจ๊งเลย อย่างนี้เป็น ธุรกิจส่วนตัว Self-Employed
ความต่างระหว่าง Passive Income กับ Active Income คือ "ความคิด" E กับ S "ทำงานเพื่อเงิน" แต่ B กับ I ให้คุณค่ากับ "เวลา" ฉันต้องหลุดออกจากวังวนของเงินให้ได้ ต้องมีอิสระภาพทางการเงิน มีเวลาว่างจะไปทำสิ่งที่รักและชอบได้
.
คนหนึ่งคนสามารถมีครบทั้ง 4 ด้านก็ได้ เราสามารถสร้างมันด้วยตัวเอง
1
ถ้าคุณมี Passive Income ที่น้อย จะเหนื่อยมาก แต่หากมี Passive Income ที่มาก คุณก็มีอิสระภาพทางการเงิน
.
ตอนนี้คุณมีด้านใดบ้าง? แล้วในอนาคตคุณอยากเป็นด้านใด? ลองเข้ามาแชร์กั
หากชอบบทความนี้ กดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพจ THEMONEY จะได้ไม่พลาดบทความดี ๆ ที่เอามาให้เติมพลังสมองกันทุกวัน
.
Line : @354yvllw/
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ที่ : https://www.facebook.com/groups/385262412772955
.
#themoney #การเงิน #ความรู้ #บทความ #เศรษฐี #ความรู้การเงิน4ด้าน #Passive #Active
โฆษณา