22 ม.ค. 2021 เวลา 14:27 • ท่องเที่ยว
มุมมอง 360 องศาที่ดอยภูแว
ดอยภูแว เราเริ่มต้นการเดินทางผ่านการชักชวนของเพื่อนที่ยังไม่ค่อยรู้จักกันมากเท่าไหร่ แต่เราก็ตกลงรับคำเชิญชวน ซึ่งไม่มีการให้เวลาเราได้เตรียมตัวเลยซักนิด ฮาๆ แต่ก็นั้นเหละ สุดท้ายเราก็กระโดดขึ้นรถโดยสาร นอนบนรถ Green bus กันอยู่ 1 คืน (เราเดินทางจากเชียงใหม่นะ)
ดอยภูแว คือภูเขาในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา อยู่ในพื้นที่ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน สูงจากระดับน้ำทะเล 1,837 เมตร ซึ่งถือว่าสูงเลยที่เดียว
5.00 ใจตุ้มๆต่อมๆ กับการต้องหารถเพื่อไปยังตลาดในอำเภอปัว ณ เวลานั้น ฟ้ายังไม่สว่างเลย เราหาซื้อกับข้าวต่างๆ ที่จะนำไปกินบนดอย และกินระหว่างทาง ในตลาดซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมของทุกอย่างสำหรับนักเดินทางแบบเราที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมามากมาย และยังต้องหารถไปส่งที่อุทยาน ซึ่งหากเรามีรถแล้วมันจะดีมาก แต่คณะเราไม่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าเลย ประมาณว่าไปตายเอาดาบหน้า 555 ระหว่างทางไปอุทยานที่ใช้เวลานานถึง 3 ชม ซึ่งรายล้อมไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อนกันไป แต่อากาศก็แอบร้อนอยู่หน่อย ๆ
ระหว่างทางไปอุทยาน
คณะเราเริ่มเดินตั้งแต่จุดเดินทางที่อุทยานซึ่งห่างจากหมู่บ้าน 2.5 กิโลเมตร พอเดินมาถึงหมู่บ้านก็มีอีกคณะหนึ่งที่จะเดินทางไปพร้อมกัน ใช้คนนำทางคนเดียวกัน ลูกหาบคณะไหนจะจ้างก็ได้แล้วแต่เราเลย ส่วนคณะเราไม่ได้จ้างจ้า
ถ้าช่วงที่เป็นไร่ข้าวโพดลูกหาบไม่ได้แบกของให้เราเหมือนที่อื่นนะ เขาขับมอเตอร์ไซค์แล้วค่อยมาแบกขึ้นดอยทีหลัง
ทางเดินช่วงแรก
ลัดเลาะเขาไปเรื่อยๆ
ไร่ข้าวโพด
หลังจากลัดเลาะไร่ข้าวโพดแล้ว ก็จะเป็นช่วงที่เดินลำบากมากที่สุดในชีวิตของเราเลยก็ว่าได้ คือมันเนินเขาชันมากๆ ชันแบบยาวๆเลยทีเดียว เดินไปได้ไม่ถึง 10 ก้าว คือจำได้ว่าต้องพักหายใจยาวๆเลยอ่ะ อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้เตรียมตัวมาด้วยเหละ เนินที่สูงๆ เลยใช้เวลาเดินอยู่นานเหมือนกัน แต่พอผ่านเนินชันๆมาได้ ก็จะถึงลานกางเต็นท์ มองขึ้นไปก็จะเป็นจุดสูงสุดของดอยภูแว ซึ่งมันต้องเดินขึ้นไปอีกอ่ะ เราเลยคิดว่าเดี๋ยวสักเย็นๆ หลังจากกางเตนท์เสร็จค่อยขึ้นไป ขอพักให้หายเหนื่อยก่อน โดยส่วนตัวเราคิดว่าพื้นที่กางเต็นท์สวย มันอยู่บนเนินเขาไม่ได้มีต้นไม้มาบดบังวิวภูเขามาก หันไปทางซ้ายก็เห็นวิว หันไปทางขวาที่เห็นวิวแต่ถ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่บังอย่างนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลากลางคืนจะมีลมพัดมาแรงเหมือนกันไหม
ช่วงทางชันๆ
จุดกางเต็นท์
วิวจากในเต็นท์
ระหว่างขึ้นไปบนยอดดอย
ไม่นานพระอาทิตย์ก็ใกล้ลับขอบฟ้า เราจึงรีบเดินขึ้นไปบนยอดดอย เห็นในรูปอาจจะดูเหมือนไม่ไกลมาก แต่จริงๆ ก็ไกลพอสมควรเลย เดินเกือบครึ่งชั่วโมง ทางเดินจะเป็นหิน พอถึงขึ้นไปยืนอยู่บนยอดดอย มองไปทางไหนวิวสวยมาก มองไปทางไหนก็เป็นภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกนะ เป็นจังหวะที่สวยมาก คือ เราสามารถเห็นทั้งฝั่งที่พระอาทิตย์ตกพร้อมกับอีกฝั่งหนึ่งเป็นพระจันทร์ขึ้น มันเป็นช่วงเวลาประทับใจมาก ๆ เลย รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และรู้สึกขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์มาให้เราได้เห็น แต่เอาจริงๆ กว่าจะเห็นอะไรสวยๆ แบบนี้ต้องแลกกับความอดทนเป็นอย่างมาก เหมือนที่อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เคยบอกไว้ว่า "การเดินเขาช่วยให้เราขัดเกลาจิตใจของตัวเอง การเดินทางทุกก้าวเป็นดัชนีชี้วัดความตั้งใจ ความมุ่งมั่นอุสาหะ"
บรรยากาศตอนกลางคืน
หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ตกจนอิ่มเอมใจแล้ว เราก็เดินลงมากินข้าวทามกลางความมืดกับอาหารพื้นเมืองที่ซื้อจากตลาดเช้าในตัวเมืองปัว คณะเรากินอะไรง่ายๆ ไม่วือหวาเพราะเราแบกของกันเอง เช่น ข้าวเหนียว ใส้อั่ว หมูทอด น้ำพริกหนุ่ม อื่นๆ แต่มื้อนั้นเป็นมื้อที่อร่อยกว่ามื้อไหนๆ หรืออาหารที่แพงๆที่เคยกินมาเลย
ทามกลางอากาศที่หนาวเย็น เราได้ยืนผิงไฟ ล้อมวงคุยกัน คืนนั้นถ้าไม่ได้กองไฟกองนั้น พวกเราคงลำบากน่าดู
เช้ามาวันที่สอง สิ่งที่เราทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น พวกเราตื่นกันประมาณตี 5 กว่าๆ เดินถึงยอดดอยก็ประมาณ 6 โมง พอดีกับช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นสวยพอๆ กับตอนที่พระอาทิตย์ตก แต่ตอนเช้ารู้หนาวกว่ามาก ลมแรงๆ พัดมาตลอด บรรยากาศแตกต่างกันไปอีกแบบ
วิวด้านบน มองเห็นจุดกางเต็นท์ของเราได้ด้วย
มุมถ่ายรูปยอดฮิต
พวกเรากระหน่ำถ่ายรูปกันไปสองถึงสามชั่วโมง และเดินลงมาต้มมาม่ากินที่เต้นท์ มาม่าร้อนๆ ถือว่าเป็นเมนูง่ายๆ ซึ่งเพื่อนเราหอบเอากาแฟขึ้นมาดริปถึงดอยภูแวด้วย กลิ่นกาแฟหอมฉุยเลย
9.00 น. พวกเราก็เก็บของเก็บเต้นท์ และอำลาดอยภูแวเป็นครั้งสุดท้าย จดจำความทรงจำต่างๆ เอาไว้ แต่ไม่ได้คิดว่าจะเดินขึ้นไปลายอดดอยภูแวบนนั้นแล้ว 555 แต่ก็คิดอยู่ว่าอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง ขาลงเรารีบเดินลงดอยกันอย่างเร็ว ไม่ค่อยพักเหมือนตอนเดินขึ้น เพราะคณะอื่นเขาทยอยลงไปก่อนเราแล้วด้วยเหละ ใช้เวลาแค่ 3 ชม. ก็เดินมาถึงอุทยานที่เป็นจุดเดินทางเท้าตั้งแต่แรก
🍜
มาม่าตอนเช้า
ผู้ร่วมเดินทางทริปนี้
หมายเหตุ *ทริปนี้เป็นทริปตั้งแต่ปี 2019 เขียนเอาไว้ แล้วเพิ่งได้เอามาแชร์
📸 รูปถ่ายเป็นรูปที่ถ่ายเองจากฟิล์ม และจากเพื่อนร่วมเดินทาง
⛰ไว้พบกันทริปหน้านะคะ
🧸เขียนโดย นิจ นิรันดร์
โฆษณา