22 ม.ค. 2021 เวลา 14:21 • การศึกษา
สวัสดีทุกคนจากที่รีวิวเรื่องเรียนต่อปริญญาโทภายใน 1 ปีจบ ได้มีคนขอให้รีวิวตอนเรียนปริญญาตรี จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะ สถาปัตยกรรม สาขา วิจิตรศิลป์ เอก ประติมากรรม สำหรับน้องๆที่อยากเรียนด้านศิลปะขอให้โพสนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสอบเข้ามหาลัยที่ตัวเองชื่นชอบนะ ใครอยากอ่านเรื่องเรียนปริญญาโทแปะลิงค์ให้แล้วน้า ..... อันนี้เป็นประสบการณ์ที่ได้เรียนเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วตั้งแต่เข้าปี 1 ปะไปกันต่อ
1
คือต้องบอกทุกคนที่สนใจหรือเข้ามาอ่านแพรจะพูดถึงเรื่องการสอบเข้าคร่าวๆเพราะตอนรุ่นแพรสอบมันเป็นการสอบตรงที่วาดรูปอย่างเดียว
ตอนแพรสอบคือให้วาดรูปฟิกเกอร์คน (คนเต็มตัว) และ วาดตามหัวข้อที่เขาให้มาคือการสอบจัดองค์ประกรอบ แบ่งเป็นช่วงเช้า 9.00-12.00 น. ช่วงบ่าย 13.00-16.00 น. แต่มันเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว แต่เหมือนหลังจากรุ่นแพรจะมีการสอบวิชาการเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อันนี้ต้องคอยติดตามกันแพรจะเล่าถึงตอนแพรเรียนเป็นแบบไหน ประมาณไหน เพื่อใครสนใจหรืออยากรู้ว่าสาขานี้เรียนยังไง ได้เรียนอะไรบ้าง ละกันเนอะ
เอาจริงแพรเป็นคนวาดรูปไม่สวย ไม่เก่ง ตอนสอบเข้าใช้แค่ ปากกา โคปิก สีไม้ พื้นฐานเลย แต่ตอนสอบคือส่วนใหญ่เขาใช้สีน้ำ สีโปสเตอร์ อะไรแบบนี้กัน แต่อยากบอกว่าไม่เกี่ยวเลยเขาไม่ได้จำกัดว่าต้องใช้อะไรเราสามารถสร้างสรรค์ได้เต็มที่
ที่แพเลือกที่นี้อีกอย่างคือที่นี้ไม่ได้บอกว่างานที่ดีต้องวาดสวย ทุกคนมีไลฟ์สไตส์เป็นของตัวเอง รูปแบบการทำงานดึงเอกลักษณ์ ของแต่ละคนออกมา (ที่รู้ก่อนเข้าเพราะมีพี่ที่รู้จักรเขาเคยเรียนเขาเป็นคนติวเข้าสอบให้แพรและเข้ามามันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ)
ที่สำคัญอีกอย่างคือการสร้างงานศิลปะทุกชิ้นไม่ใช่ว่าจินตนาการแล้วก็คือจบแล้วก็มาบอกคนอื่นว่าคิดเอง แต่จริงๆสิ่งที่ทำทุกอย่างมันมาจากกระบวนการประสบการณ์ที่เจอ หรือ บางอย่างมันเคยผ่านตาแล้วเรามาต่อยอด นั้นเอง เป็นต้น แบบสั้นๆนะ.....มาเล่าต่อ
เข้าไปปีแรกตื่นเต้นมากอันนี้คือรุ่นที่แพรเรียนคือ วิจิตรศิลป์รุ่นที่ 23
ภาพรวมตอนรับเข็ม(หากน้องๆคนไหนไม่เข้าใจคือมันจะเป็นเข็มที่ไว้ติดเสื้อแต่ละมหาลัย)
เข้าไปไม่มีเพื่อนเช่นเดิมเพราะเพื่อนแพจากรร.เก่าเรียนสาขาอื่นหมดเลยแต่ไม่ต้องกังวลมันมีปรับพื้นฐาน มันมีหลายวันก่อนเปิดเทอมที่เขามีรับน้องให้ทำความรู้จักรกัน ที่ลาดกระบังคณะวิจิตรศิลป์ตอนรุ่นแพรและหลังรุ่นแพรหน้าจะไม่มีโซตัสแล้ว เป็นการรับน้องแบบพี่น้อง ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าทุกคนมาจากหลายที่ก็จะมีคนหลายแบบ แต่อย่างแพรตั้งใจเช่นเดิมเราเป็นแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกเลย มาเล่าต่อ.... ด้านล่างคือรุ่นพี่จะให้ทำกิจกรรมร่วมกัน จริงๆมันมีเยอะแยะมากจะยกตัวอย่างอันนี้ละกันก็คือช่วยกันออกแบบวาดรูปลงบนพื้นที่สีขาวทุกคนช่วยกัน
ก่อนเปิดเทอมกิจจกรรมร่วมกันคือให้ช่วยกันวาดรูปจากโครงสีขาว
ช่วยกันออกแบบวาดจนเป็นแบบนี้
ตอนเสร็จแล้ว
อาจจะเห็นว่าทำไมผู้ชายทุกคนโกนหัว ตอนรุ่นแพรคือเขาจะให้ผู้หญิงทำผมเหมือนกัน ผู้ชายทำผมเหมือนกัน (เหมือนแบบเริ่มใหม่พร้อมกัน) แต่เหมือนปัจจุบันหน้าจะยกเลิกไปแล้วนะ 🤣
เข้าสู่ตอนเรียนเลยละกันเพื่อเบื่อเนอะ.....55555555
ก็คือการเรียนที่นี้ปีหนึ่งจะเรียนพื้นฐานก็จะมี ดรออิ้ง เพ้น พิมพ์ ปั้น
แยกให้เข้าใจง่ายๆภาษาพูดก็คือ.......
ดรออิ้ง ตอนเรียนปี1 จะประมาณ วาดรูปโดยใช้ดินสอ ปากกา และอื่นๆหลายๆเทคนิคจากการใช้เส้น มันแล้วแต่อาทิตย์ไหนได้โจทย์ไหน
เพ้น ตอนเรียนก็จะเป็นตามแบบ แบบก็จะมีเป็นคน ของใช้ แล้วก็สถานที่ โดยเพ้นจากสีน้ำมัน สีโปสเตอร์ สีเมจิก แล้วแต่โจทย์ในแต่ละอาทิตย์
ภาพพิมพ์ ตอนเรียนจะสอนเทคนิคการพิมพ์แบบต่างๆเช่นสกรีนเสื้อ การเอาหมึกปั้ม อิชชิ่ง เป็นต้น คือมันมีหลายเทคนิคมากๆ
ปั้น ตอนเรียนก็คือปั้นดินเนี้ยแหละมีแบบแล้วเราก็ปั้นตาม
คือทุกวิชาเขาจะค่อยสอนไปทีละเสตปแต่ละอาทิตย์ก็จะมีหัวข้อเทคนิคใหม่ๆให้ได้ลอง แต่ไม่ได้มาเริ่มใหม่ถึงขั้นวาดวงกลม สี่เหลี่ยม แรเงา
แต่ก็คืออย่างแพรก็ชอคอยู่เพราะแบบคนที่เรียนสามัญหน้าจะเข้าใจว่าการสอบเข้าเรียนศิลปะ มันต้องติวเอง หาเรียนเพิ่มเอง แต่ตอนรุ่นแพเรียนมัธยมมันดันมีสายศิลปะ-คอม ปีแรก แต่ก็ต้องไปเรียนข้างนอกเพิ่มอยู่ดีแง้....ละตอนสอบตอนติวเรารู้จักแค่ วาดรูป ลงสี ไม่คิดว่าจะมีเพ้น พิมพ์ ปั้น ที่บังคับเรียนปี 1
แต่คือมันก็ดีนะได้ลองทุกอย่างเลย
เอาจริงเราเรียนที่นี้คือในหัวเราคำว่าศิลปะเปลี่ยนไปหมดจากที่มองว่าคนวาดสวยวาดเหมือนคือเก่ง ก็คือสู้คนมีความคิดไม่ได้ แต่ถ้ามันควบคู่กันไปก็คือยิ่งดี
เข้ามาสิ่งที่อาจารย์พูดวันแรกกับทุกคนคือ เรียนไหวมั้ย เรียนหนักมากนะ ถ้าไม่ไหวจะออกตอนนี้ยังทัน !!!! (เหมือนจะขำๆแต่พอเรียนไปแล้วหยุดขำทันที) 55555555
เริ่มกันที่ปี 1 เราเรียน 6 วัน แต่มีรุ่นไหนเนี้ยแหละเรียน 7 วัน
พูดจริงไม่ได้โม้555555555 อยู่ที่นี้สิ่งแรกต้องทำได้คือลาก
ลากคือการอดหลับอดนอนได้ งานเยอะมากเยอะจริงๆ
ก็คือช่วงปีหนึ่งอย่างน้อยๆอาทิตย์นึงมีงาน 4 ชิ้นให้ส่งแน่ๆ
เป็นแบบส่งอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ไม่ส่งไม่ได้เพราะทุกชิ้นเป็นคะแนน เราไม่ต้องสอบแต่คือต้องทำงานส่ง ปีหนึ่งมันก็จะวนแบบนี้ทุกอาทิตย์มีงานส่งทุกอาทิตย์ 1 วันที่ไม่ได้เรียนก็คือนั่งเคลียร์งานส่งอาทิตย์ถัดไป
ปีหนึ่งเน้นทำไม่เน้นคิดเยอะสักเท่าไหร่
แต่ที่เขาให้เรียนทุกแบบเพราะปี 2 เราจะต้องเลือกเอกที่เราสนใจและไปเรียนเอกนั้น
เอกตอนเรียนเรามีสามเอกหลักๆคือ เพ้น ภาพพิมพ์ ปั้น
แพรเลือกเอกประติมากรรม เราก็จะได้เรียนแต่ประติมากรรม ปี2-4
จะไม่ได้เรียนเอกอื่นเลย อันนี้คือรูปตัวอย่างตอนเรียนปี 1 นิดนึงไปก่อนนะ 555555555 จริงๆมันมีเยอะมากๆ
รูปแรกคือดรออิ้ง รูปสองคือเพ้นท์ รูปที่สามภาพพิมพ์ รูปที่สี่ปั้นประติมากรรม
ปี 2 แพรเลือกเรียนปั้น หรือประติมากรรมนั้นเอง ก็จะไม่ขอพูดถึงเอกอื่นเพราะไม่ได้เข้าไปเรียนรู้จริงๆ
อยากนิยามการเรียนประติมากรรมหรือปั้นมาก แบบง่ายๆ
สิ่งที่ทุกคนส่วนใหญ่คิดจะคิดว่าปั้นดินอย่างเดียวแต่จริงๆจะบอกว่าไม่ใช่น้า มันคือทุกอย่างที่เป็นสามมิติ ไม่ใช่แค่ปั้นดินน้า มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้นแต่ถ้าใครอยากเข้าใจอยากให้รีวิวแน่นๆ บอกแพรได้นะ เอาคร่าวๆไปก่อนกลัวอ่านกันไม่ไหว🤣
มากันต่อ....พื้นฐานการเรียนประติมากรรมก็เริ่มจากการเรียนปั้นเนี้ยแหละ
สิ่งที่ได้เรียนในเอกนี้ก็จะมีตั้งแต่ปั้นดิน หล่อ แกะหิน เชื่อมเหล็ก ต่างๆนานา เขียนสามมิติ เป็นต้น อันนี้คืองานเรานิดๆหน่อยตอนเรียนปี 2 นะ 🤣 เป็นตัวอย่างให้ชมกัน
อันนี้ตอนปีสองน้าเรียนแบบนี้แหละหลักๆปีสองใช้กำลังมากกว่าความคิด แต่ตอนเรียนเชื่อม เรียนอีกหลายๆอย่างแพรหารูปไม่เจอแต่ได้ฝึกอะไรเยอะมาก
คร่าวๆ ปีสองก็จะประมาณนี้แหละ การเก็บคะแนนก็จะแบบนี้เรื่อยๆทุกอาทิตย์ที่เรียนเอก ตรวจ ให้คะแนน วนไป แต่ละครั้งถ้าปั้นดินจะมีหุ่นคนจริงมานั่งเป็นแบบให้เราปั้นตาม
จำได้ว่าตอนสอบจบเทอมปี 2 เทอม 2 นะแพรได้ปั้นคนแก้ผ้าจากหุ้นจริงๆ ตอนรู้ว่าจะได้ปั้นคือตกใจแต่พอเอาเข้าจริง ก็เฉยๆๆ กลัวปั้นไม่ได้มากกว่า 😝(ตอนสอบมีเวลาจำกัด แต่ตอนเรียนเราสามารถปั้นได้ทั้งคืน)
ช่วงปีสองเราก็จะเริ่มมีพื้นฐานในการสร้างงานสามมิติที่เห็นรอบด้าน เราก็จะได้ฝีมือดีขึ้นได้เรียนรู้เทคนิคพื้นฐานหลายอย่างเลย ปีสองจะประมาณนี้
มาต่อกันที่ปีสามกันนนนน555555555🤣🤣 เอาจริงตอนเรียนเราจะอยู่แต่กับอุปกรณ์ที่อันตรายนิดนึงต้องเซฟตัวเองในระดับนึงนะแบบเช่นงานนี้แกะหินคือใช่เครื่องเจียรย์ตัดหินอันใหญ่มากแบบใหญ่โคตร ถ้าพลาดโดนตัวเองก็เย็บอย่างเดียวค้า
งานแกะหินนี้อยู่แต่กับหินเจียรย์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ลูกหมูหรือลูกหนูเนี้ยแหละ(เอาจริงอยู่แต่อยู่กับอุปกรณ์ที่แบบเผลอไม่ได้ไม่งั้นพร้อมจะเย็บหรือมีบาดแผลได้ตลอดๆ)
ปีสามจะเริ่มการสร้างงานศิลปะแล้ว
ก็จะเป็นการคิดงานจริงๆจัง ปีสามเน้นความคิดและก็เน้นงานที่เนี๊ยบ
ตอนแพรเรียนก็จะแบบ 1 เดือน ต้องแสดงงานชิ้นนึงพอ 3 เดือนจบ 1 เทอมต้องมีงานทั้งหมดสามชิ้น ไว้แสดงตอนส่งงานครั้งสุดท้ายของเทอมนั้น
ตอนนั้นแพรเลือกทำงานเกี่ยวกับลูกปัด งานแพรจะประมาณนี้ การสร้างงานไม่จำกัดวัสดุเทคนิคทุกคนสามารถเอาอะไรมาทำได้หมด
งานตอนปี 3 คือร้อยลูกปัดเป็นอะไรสักอย่างเพื่อสื่อความหมาย
แต่ละครั้งที่ส่งงานจะมีการจัดแสดงงานและอาจารย์จะไล่ตรวจทีละคนปีสามอาจารย์ที่ตรวจจะมี 3 คน เราต้องพรีเซนต์สิ่งที่เราจะนำเสนอ
แต่ก่อนจะส่งงานเราต้องส่งสเกตรูปแบบแนวทางที่มาที่ไปให้อาจารย์ดูก่อนว่าผ่านมั้ย ปีสามคือเริ่มใช้ความคิดมากขึ้นแต่เรียนน้อยลง เพราะเหมือนจะแบบมีเวลาให้ทำงานเอกส่งประมาน 3~4 วัน อะไรแบบนี้ อันนี้งานอีกส่วนนึง555555555คือตอนนั้นเทอม2 ปี3 แพนำการเขียนและปริ้น 3D มาประยุคต์ด้วย มันก็คืออยู่ในหมวดประติมากรรม ละช่วงนั้นการปริ้น 3D กำลังมาน้องแพรก็เลยจัดไปจ้า
เขียนแบบแล้วน้ำไปปริ้นขัดเก็บลายระเอียดให้เนียน ของจริงชิ้นเล็กมากมาก
งานปีสามแบบคร่าวๆ บางอันเป็นทองจริงๆที่เอาไปฉุบ ละก็บางอันติดทองคำเปลวทั้งชิ้น
มาเล่าต่อแล้วจะมีในวิชาแบบอาจารย์จะคอยสอนเกี่ยวกับงานศิลปะว่าจริงๆมันคืออะไร เอางานฝรั่งให้ดู สอนเยอะมากเปิดโลกไปอีก หรือแบบสั้นๆให้แบบบางคนเปิดโลกนิดนึงก็คืองานที่บางคนทำมันคืองานยุคสมัย 100-200 ปีที่แล้วของฝรั่ง และงานใหม่บางงานปัจจุบันที่บางคนคิดว่าใหม่แล้วมันก็ยังเป็นงานคล้ายๆฝรั่งเมื่อ 50-60-70-80 ปีที่แล้วอะไรแบบนี้
แต่ปัจจุบันตอนนี้มีศิลปินหลายคนที่ไม่ล้าหลังแล้ว ศิลปินคนไทยบางคนดังต่างประเทศทั่วโลกยอมรับแต่คนไทยบางคนไม่รู้จัก ไม่เข้าใจงาน ณ จุดๆนี้นะคะแนะนำว่าเราต้องเปิดโลกรับสิ่งใหม่ๆ อย่ามองแค่ภาพลักษณ์งานแต่มองแนวคิดที่เค้าจะสื่อดีกว่า ไม่มีงานไหนดีไม่ดีหลอก มันอยู่ที่คนคนนั้นชอบแบบไหน มองให้เป็นงานศิลปะดีกว่าเนอะ🤣💕💕
ก็จะประมาณนี้อยากอธิบายเยอะกว่านี้แต่กลัวจะเบื่อกันก่อนกลัวอ่านไม่จบแล้ว จะไม่ได้ประโยชน์หรือแนวทางให้พี่พี่น้องๆทุกคน ขอขัดแปปนะลืมบอกว่าอายุไม่เกี่ยวนะรุ่นแพรมีคนอายุเยอะก็มาเรียนด้วยกันตอนนี้เขาดังขายงานได้เป็นแสนเขาเดินทางประกวดงานต่างประเทศ(พี่คนนี้เรียนรุ่นเดียวกันเขาเรียนที่อื่นถึงปีสี่แล้วซิ่วมาเรียนนี้ เขาเรียนเอกเพ้นนะ) ตอนนี้รวยไปแล้ว5555555 ยอมความกล้าตัดสินใจมาก
มาต่อกันที่ปี 4 นะปีสุดท้ายก่อนจบแล้ว
ปีนี้เรียนน้อยที่สุดในโลกเรียนแค่ 1-2 วันได้มั้ง
เรียนเอก กับ เขียนเล่ม
ก็เหมือนเดิมเลยทำงานเอกส่ง 3 เดือน เดือนละ 1 ชิ้น เป็นเวลา 2 เทอม
แต่จะให้เลือกอาจารย์ที่ปรึกษาของตัวเอง ละนำเสนออาจารย์ทุกงานต้องมีที่มาที่ไป แนวคิด รูปแบบที่ต้องการจะสื่อ จนถึงตอนจบจะเซทงานอย่างไร นำไปเสนออาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ที่ตนเองเลือกมันต่างจากปีสามนะ
ตอนปีสามต้องผ่าน 3 คนเลย อย่างตอนตรวจปี 3 อาจารย์ที่ตรวจมีแค่ 3 คนที่บอกไปแต่...ปี 4 เป็นการตรวจ 5 คน ชอคโลกอยู่ 😱😱😱 เพราะอาจารย์แต่ละคนจะเป็นคนให้คะแนนบางคนให้ A อีกคนอาจจะให้เรา D ก็ได้
ละก็คือสองเทอมในปี 4 ก็มีแค่ทำงานเอกกับเล่มแค่นั้นเลยไม่มีอะไรมากแต่คือการจะผ่านแนวคิดคอนเซปมันต้องผ่านกระบวนการคิด คิดแล้วคิดอีก หาที่มาที่ไป อ้างอิงความเป็นจริง แบบที่ถ้าอาจารย์ถามมาต้องตอบได้ทุกอย่าง
เอาเป็นว่าคิดจนปวดกระบานไม่อยากทำอะไรเลยทีเดียว บอกความรู้สึกไม่ถูกแต่รู้สึกแค่ว่า ปี 1 คือสบายไปเลย ปีหนึ่งนี้ทุกคนบ่นๆๆ5555 พอปีสี่จุกกันเลยจ้ากว่าจะผ่านสเกต กว่าจะคิดงานออก ถ้าผ่าเร็วเราก็จะมีเวลาทำงานเยอะขึ้น อย่างบางคนกลางเดือนแล้วยังไม่ผ่านก็เหลือเวลาทำงานน้อยลงไปเรื่อยๆ
1
อันนี้งานปีสี่แพรนะเกี่ยวกับต้นกำเนิดชีวิตครอบครัว บรรยายไม่เก่งดูงานเล่นๆไปกันก่อนนะ แพรทำงานเขียนสามมิติเต็มตัวในปีสี่เนี้ยแหละ ผสมกับงานฝีมือนิดๆหน่อยๆ ก็จะประมาณนี้
งานเขียนสามมิติ
อันนี้เป็นงานจบแพรเอง ได้แสดงที่ BACC หอศิลป์ตรงสยามด้วย
งานจบทีสิสปี4ที่แสดงที่ Bacc
เป็นงานแสดงจบที่ทุกคนต้องแสดงนะ รวมทุกเอกเลย จบอย่างสมบูรณ์แบบกับการเรียนปริญญาตรี 4 ปี
รูปถ่ายรวมเพื่อนๆตอนแสดงงานจบ
เรียนๆเล่นๆแต่ก็จบนะ
ต้องบอกว่าที่ไม่ได้เล่าหมดทุกวิชาเพราะมันเป็น 4 ปีที่แบบแน่นมากใครอยากรู้อะไรก็สอบถามคอมเม้นต์ได้เดะแพรจะรีวิวให้อันนี้แบบคร่าวๆให้คนที่สงสัยหรืออยากจะเรียน🥰 ลองตัดสินใจมาเรียนกันน้า
อันนี้คือเพื่อนแพในมหาลัยที่อยู่เอกเดียวกันเกือบทุกคน แต่ก็มีคนเรียนเพ้น 1 คน ภาพพิมพ์ 2 คน ส่วนใหญ่แพรมีแต่เพื่อผู้ชายในชีวิตมหาลัย เอาเป็นว่าตอนเรียนเป็นอะไรที่สนุกมากมาก มันมีทั้งเรื่องแย่ๆ ทั้งดีแต่ขอเล่าแต่ดีดีเก็บเป็นความทรงจำละกันเนอะ
อันนี้คือแก๊งเพื่อนที่แพรอยู่ด้วย
ทำไมเป็นผู้หญิงคนเดียว ??
ใช่แล้ว ตอนเรียนที่สนิทกันจริงๆอยู่ด้วยกันมีแต่เพื่อนผู้ชาย
ตอนเรียนแพรอยู่เป็นหอบ้าน 2 หลัง เป็นการเรียนมหาลัยที่สนุกมากมากมีหลากหลายความรู้สึกแต่สุดท้ายก็คือความทรงจำดีดีที่อยากกับไปเรียนมากกว่าจบแล้วต้องทำงานแง๊ ใครอยากให้รีวิวพักหอบ้านบอกได้น้า😇
ขอให้เพื่อนๆน้องๆที่เรียนสนุกเต็มที่นะเพราะจบแล้วกว่าจะนัดเจอกันรวมตัวกันมันเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับรีวิวการเรียนปริญญาตรีคร่าวๆแพรจบแล้ว ยาวไปมั้ย แต่หวังว่าจะเป็นประสบการณ์และเป็นแนวทางให้ทุกคนได้นะ 💋
ฟากกดติดตามคอมเม้นให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ หรืออยากให้รีวิวอะไรเพิ่มก็เม้นมาได้เลยน้า ยินดีมากมาก
โฆษณา