23 ม.ค. 2021 เวลา 07:41 • สุขภาพ
6 วิธีรีเฟรชตัวเองให้สดใส ฟื้นฟูร่างกายและหัวใจให้ร่าเริง นอนหลับให้เต็มอิ่มซะบ้างไม่ต้องกังวล “เดี๋ยวปลุก” เอง
6 วิธีรีเฟรชตัวเองให้สดใส
ใครกำลังซึมกับการทำงานหรือการใช้ชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะหญิงทิ้งผู้เท นอนดึกเล่นเกมลงแรงค์เสียดาว หาวเป็นดาวเป็นเดือน มารีเฟรชตัวเองกันหน่อยไหม เพราะถ้าอาการซึมเหล่านั้นมันทวีหนักขึ้นมาคงจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายและหัวใจดวงน้อยๆ สักเท่าไหร่
วันนี้แอดเลยมีวิธีรีเฟรชตัวเองออกจากความเหนื่อยล้าง่ายๆ ที่เด็กประถมยังทำได้มาฝากกัน อย่างน้อยการรีเฟรชตัวเองก็ทำให้เรามีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ได้นะ ใครกำลังแบกรับภาระอะไรอยู่จนไม่อยากตื่นนอน ไม่ต้องห่วงเดี๋ยว Ad Addict ปลุกเองจ้า จะมีวิธีอะไรดีๆ บ้างไปดู
(1) งีบสัก 15-20 นาที รีเฟรชร่างกายให้พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ
งีบสัก 15-20 นาที รีเฟรชร่างกายให้พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ
เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังทำงานแล้วเกิดอาการง่วงหนาวหาวอยากนอนก็นอนพักซะบ้างนะ วางงานที่ทำอยู่สัก 15-20 นาที เขาว่ากันว่าการงีบหลับในเวลาสั้นๆ ระหว่างวันแบบนี้จะช่วยให้กลับมามีพลังในการทำงานและประกอบกิจวัตรประจำวันได้เฟรชมากขึ้นนะ
แต่ก็ระวังเรื่องเวลาเอาไว้ด้วยนะหากงีบนานหรือสั้นกว่านั้นอาจทำให้ร่างกายต้องการการนอนที่มากกว่าปกติ และการทำงานก็ดูจะลำบากแทน คุณหัวหน้าทั้งหลายถ้าเห็นลูกน้องแอบงีบก็เห็นใจเขาหน่อยแล้วกันนะ T-T
(2) กินของอร่อย
กินของอร่อย
ใครกำลังเครียดแอดจะบอกว่าการ ‘กิน’ ของอร่อยสามารถช่วยปรับสมดุลของความเครียดได้นะ การกินเป็นพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อปัจจัย 4 ของมนุษย์อย่างหนึ่ง หมายความว่าไม่ว่าจะเจอเรื่องเครียดอะไรมา ‘การกิน’ ก็มีส่วนในการทำให้มนุษย์มีความสุข
มีการวิจัยจากกรมสุขภาพระบุว่าอาหารบางประเภทมีสารที่ส่งผลต่อระดับความเครียดของสมองมนุษย์โดยตรงเช่น ปลาแซลม่อน ผักโขม ดาร์กช็อกโกแลต ฯลฯ หรือถ้าไม่อยากคิดอะไรมากงดฟิตเนสสักวันสองวันแล้วให้รางวัลในความพยายามของตัวเองด้วยอาหารจานโปรดสักหน่อยเป็นไง
(3) นวดผ่อนคลาย
นวดผ่อนคลาย
การนวดเป็นการผ่อนคลายร่างกายรูปแบบหนึ่งที่ดีมากๆ เพราะนอกจากกล้ามเนื้อที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กแล้วความรู้สึกดีที่กล้ามเนื้อผ่อนคลายมันยังส่งผลไปยังสมองของเราให้รู้สึกผ่อนคลายด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการยอมเสียเงินสัก 200-500 บาท ให้กับพี่ๆ หมอนวด ก็ดูจะไม่ใช่อะไรที่ดูสิ้นเปลืองเลยนะ
(4) นั่งเงียบๆ 1 นาที เทคนิคจากภาพยนตร์ Beautiful day in the neighborhood
นั่งเงียบๆ 1 นาที
วิธีการนี้แอดได้มาจากภาพยนตร์เรื่อง Beautiful day in the neighborhood ที่เล่าถึงนักเขียนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่กับการแบกภาระในอดีตรวมไปถึงความเครียดเหล่านั้นก็ทำให้เขาเป็นคนที่ก้าวร้าวและแสดงอารมณ์รุนแรงออกมาตลอดเวลา
จนเขาได้พบเจอกับพิธีกรรายการเด็กชื่อดังอย่าง ‘เฟรด โรเจอร์ส’ ที่พยายามทำความเข้าใจเขาอย่างจริงจังแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แล้วเฟรดก็ได้แนะนำให้เขาลองหลับตาลง 1 นาที แล้วนึกถึงผู้คนที่ทำให้เรามีชีวิตอย่างทุกวันนี้
นับว่าเป็นฉากในตำนานที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องหลับตาตาม และมันคือ 1 นาทีที่มีค่ามากๆ มันทำให้เราหวนคิดถึงอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตที่เราไม่ทันได้ให้ความสำคัญกับมัน และสิ่งที่เรานึกถึงในความเงียบเพียง 1 นาที มันงดงามจนทำให้เรากลับมามองความสุขง่ายๆ ในชีวิตที่บางครั้งเราอาจจะไม่เคยสนใจมันเลยได้มากขึ้น
(5) ออกกำลังกาย
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยทำให้สภาวะจิตใจถูกฟื้นฟูขึ้นด้วยรู้เปล่า หลายๆ คนที่ทำงานมากเกินไปจนละเลยการออกกำลังกาย ร่างกายจะไม่ได้รับการบริหารที่เพียงพอเมื่อร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงทำให้สมองอ่อนล้าตามไปด้วย
การออกกำลังกายนั้นเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบ แต่แอดขอแนะนำการออกกำลังกายที่เป็นกิจกรรม ‘กีฬาทีม’ จะดีกว่า เพราะการเล่นกีฬาเป็นทีมนอกจากจะใช้ร่างกายแล้วเรายังจะได้บริหารสมองในส่วนของการสื่อสารอีกด้วย การพูดคุยกับคนอื่นนอกเหนือจากเรื่องงานและในระหว่างกิจกรรมกีฬาทีมนั้น จะช่วยปรับสมดุลโฟกัสของสมองเราให้จดจ่ออยู่กับการเล่นซึ่งจะช่วยให้เราเลิกคิดเรื่องงานได้ชั่วคราว
(6) ปิดโทรศัพท์
ปิดโทรศัพท์
การปิดโทรศัพท์เป็นอีกวิธีที่ทำให้เรารีเฟรชตัวเองได้ดีมากๆ ในโลกที่โซเชียลวิ่งเข้าหาเราแทบจะตลอดเวลา ไลฟ์สไตล์หรือความต้องการของผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในหัวเราผ่านดวงตาที่เรามองขึ้นลงไปกับหน้าจอโทรศัพท์ มันคือสิ่งที่ดึงสมาธิในการมองรอบตัวของเราออกไปอย่างมหาศาล
การปิดโทรศัพท์ในเวลาที่เหมาะสมจะทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มองสิ่งรอบข้างด้วยความเร็วที่ช้าลงแต่มีความหมายมากขึ้น มนุษย์เราไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ทุกเรื่อง ขอแค่มีเพียงบางเรื่องที่เราใส่ใจกับมันจริงๆ เพราะฉะนั้นการปิดโทรศัพท์จะช่วยทำให้เราตระหนักถึงสิ่งที่เราจะทำได้มากขึ้น ลองดูแล้วจะรู้ว่าดีจริง
1
จากทั้ง 5 วิธีนี้เป็นเพียงการรีเฟรชตัวเองเบื้องต้นเท่านั้น บางครั้งเราทำงานด้วยความเหนื่อยล้าจนเราละเลยความสำคัญกับสิ่งรอบตัวไปไม่น้อย ความกังวลในงานที่ทำ ความกังวลในทางที่เราเลือก มันคือสิ่งที่กัดกินเวลานอนของเราไปไม่ใช่น้อย
สุดท้ายนี้แอดอยากแนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังนอนไม่หลับเพราะกังวลกับบางสิ่งในชีวิต แอดอยากให้เพื่อนๆ ลองนอนให้เต็มอิ่มสักครั้งหลังจากที่ไม่ได้นอนเต็มๆ มานาน วางความกังวลเหล่านั้นลงและไว้ใจใครสักคนให้เขาปลุกในเวลาที่เราควรจะตื่นให้เราได้ใช้เวลากับเตียงนอนให้เต็มที่ แล้วเพื่อนๆ จะรู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเหมือนกับเพลงนี้จาก Ad Addict ไม่เป็นไรนะ “เดี๋ยวปลุก” เอง
โฆษณา